ชายหน้าบากก้าวออกมา แล้วเดินเข้าไปหาหม่าตงอย่างหิวกระหาย
เมื่อเห็นชายหน้าบากเดินเข้ามาทีละก้าวๆ ร่างของหม่าตงก็เริ่มสั่นสะท้าน
เพราะว่าเขาเป็นเพียงคนธรรมดา แน่นอนว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายหน้าบาก
“พอได้แล้ว เย่หมิง การแสดงของแกควรจะจบลงสักที”
ในตอนนั้นเอง หยางเฟิงจึงเดินเข้ามาแล้วกล่าวอย่างเรียบง่าย
“เด็กน้อย แกพูดอะไรน่ะ แกอยากตายด้วยหรือไง”
เย่หมิงหันไปมองหยางเฟิงแล้วกล่าวด้วยสีหน้าไม่ประสงค์ดี
หยางเฟิงเดินมาถึงเวทีแล้วมองไปที่เย่หมิงด้วยอาการเรียบเฉย “แกหูหนวกหรือไง ฉันบอกอยู่นี่ไงว่าการแสดงของแกควรจบลงได้แล้ว ตอนนี้พาคนของแกไสหัวออกไปซะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก”
“ฮ่าๆๆ!”
เย่หมิงหัวเราะลั่นออกมาด้วยสีหน้าอำมหิต “หยางเฟิง ตอนแรกฉันคิดว่าจะจัดการหม่าตงให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปจัดการแก แต่ในเมื่อแกรีบร้อนอยากรนหาที่ตายเร็วๆ ฉันก็จะทำให้แกสมความปรารถนาก็แล้วกัน”
กล่าวจบ เย่หมิงก็มองไปที่ชายหน้าบากแล้วสั่งการว่า “เจ้าหน้าบาก ตัดขาของหนุ่มน้อยนี้มาให้ฉันทั้งสองข้าง แล้วลากตัวมันกลับไปฆ่าที่เมืองเอก!”
ชายหน้าบากหันหน้าไปมองหยางเฟิง “ไอ้เด็กน้อย ฉันล่ะนับถือความกล้าหาญในตัวแกจริงๆ ถึงขั้นกล้าออกมารนหาความตายถึงที่นี่เองเลย”
หยางเฟิงกล่าวอย่างเหลืออดว่า “จะทำอะไรก็รีบทำ จะพูดไร้สาระมากมายทำไมกัน”
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของชายหน้าบากก็เริ่มดูไม่ได้
“ไปตายซะ!”
ชายหน้าบากแผดเสียงตวาดลั่น ก่อนจะวิ่งเข้าใส่หยางเฟิง
การเคลื่อนที่ของชายหน้าบากนั้นรวดเร็วมาก เขาวิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าหยางเฟิงด้วยความเร็วจี๋
เมื่อสถานการณ์เป็นดังนี้ สีหน้าของเย่เมิ่งเหยียนและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไป ตอนนั้นหัวใจของเขาเต้นขึ้นมาจุกอยู่ที่หน้าอก
หยางเฟิงไม่แม้แต่จะหันไปมองชายหน้าบากด้วยซ้ำ เขาเพียงเหวี่ยงหมัดออกไป
ตุ้บ!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ชายหน้าบากลอยละลิ่ว
อึ้ก!
ชายหน้าบากลอยตกลงไปกระแทกลงบนพื้น และกระอักเลือดสีแดงสดออกมา
“แก……”
เขามองไปที่หยางเฟิงอยากไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง
เพียงหมัดเดียวก็ทำให้เขากระเด็นออกไปได้
นี่มันพละกำลังแบบไหน?
“เป็นแค่ปรมาจารย์ไว่จิ้ง ยังจะกล้ามาวางโตต่อหน้าฉัน นักบู๊ไม่ควรที่จะใช้ความสามารถของตัวเองไว้เพื่อข่มขู่ผู้อื่น วันนี้ฉันจะขจัดวรยุทธ์ของแก วันหน้าแกจะได้ไม่ใช่ความสามารถของตัวเองไปรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าอีก”
หยางเฟิงเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าชายหน้าบาก แววตาของเขาเลือดเย็น พลางใช้เท้าเหยียบลงไปอย่างไร้ความปรานี
เมื่อชายหน้าบากเห็นดังนี้ เขาก็ร้องโหยหวนออกมาอย่างหวาดผวา “อย่านะ”
หยางเฟิงไม่ได้สนใจเสียงร้องของชายหน้าบาก และใช้เท้าเหยียบลงไปบนท้องน้อยของเขา
อ๊ากก!
เสียงกรีดร้องโหยหวน
สีหน้าของชายหน้าบากหมองหม่น
จุดตัดเถียนของเขาถูกหยางเฟิงเหยียบจนแหลกละเอียด
นับจากนี้เป็นต้นไป เขาจะกลายเป็นเพียงคนพิการคนหนึ่ง
ชายหน้าบากร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด
เพียงครู่เดียว
คนทั้งหมดในที่นั้นต่างตกอยู่ในความเงียบสงัด
ทุกคนมองไปที่หยางเฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ชายหน้าบากที่เข่นฆ่าคนจากทุกทิศทุกทาง และไม่มีผู้ใดต้านทานเขาอยู่
ตอนนี้กลับถูกหยางเฟิงเหยียบราวกับสุนัขตัวหนึ่ง
หม่าตงถอนใจ
ในขณะเดียวกันก็ยิ่งนับถือเขามากขึ้นกว่าเดิม
ปรมาจารย์ไว่จิ้งเมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฟิงกลับเหลือแต่เพียงชื่อเท่านั้น
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า พลังของหยางเฟิงนั้นล้ำลึกมากนัก
หยางเฟิงเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่เย่หมิงด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ตอนนี้คงถึงตาของแกแล้ว”
เย่หมิงคิดไม่ถึงเลยว่าไอ้หน้าบากจะพ่ายแพ้แก่หยางเฟิงง่ายดายขนาดนี้
แม้ว่าไอ้หน้าบากจะไม่ใช่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเย่
แต่กก็นับว่าเป็นยอดฝีมือที่อยู่แถวหน้า
แต่โดนหยางเฟิงต่อยเพียงครั้งเดียวกลับไม่อาจต้านทานได้
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนแบบนี้จะเป็นเพียงแค่ลูกเขยแต่งเข้าของตระกูลเย่เท่านั้น
เมื่อเห็นอยางเฟิงเดินเข้ามา เย่หมิงก็เอ่ยออกมาด้วยอาการหวาดผวา “หยางเฟิง แกคิดจะทำอะไร”