หยางเฟิงเอ่ยเสียงแข็ง “แกไม่ได้อยากจะตัดขาคู่นี้ของฉันหรือไง วันนี้ฉันจะทำให้แกสมปรารถนา โดยการตัดขาทั้งสองข้างของแก”
“อย่าเข้ามานะ! อย่าเข้ามา ฉันเป็นคนตระกูลเย่แห่งเมืองเอก ถ้าแกกล้าทำอะไรฉัน พ่อฉันไม่เอาแกไว้แน่”
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เย่หมิงหวาดกลัวมากจริงๆ
แม้แต่ยอดฝีมือที่ตัวเองพามายังสู้หยางเฟิงไม่ได้
แล้วเขาจะเอาอะไรไปต้านทานหยางเฟิงได้?
หยางเฟิงกล่าวเสียงแข็ง “ประโยคนี้เป็นประโยคที่ลูกชายแกก็เคยพูดมาก่อน แต่น่าเสียดายที่เขาโดนฉันทำให้พิการไปแล้ว”
“หยางเฟิง แกอย่าทำบ้าๆ น่า!”
ในตอนนั้นเย่กวงกระโดดออกมาขวางด้านหน้าของเย่หมิงเอาไว้
อันที่จริงแล้วเย่กวงเองก็กลัวเช่นกัน
แต่เขาไม่ออกมาไม่ได้
ก่อนหน้านี้เย่ลั่วก็พิการเพราะหยางเฟิงไปแล้ว
คราวนี้หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเย่หมิงอีก
ตระกูลเย่แห่งเมืองเอกไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่
แต่เขาไม่ได้คิดเลยว่า
หยางเฟิงไม่ได้สนใจเย่ลั่วด้วยซ้ำ
เพี๊ยะ!
เพียงฝ่ามือเดียวก็ทำให้เขากระเด็นออกไปไกล
เย่หมิงกล่าวอย่างอ้อนวอน “หยางเฟิง แกปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันรับประกันเลยว่าฉันจะให้เงินแก แกอยากได้เท่าไหร่ ฉันให้ได้!”
แม้ว่าเขาจะขอร้องอ้อนวอน แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ถ้าเขารอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ เขาจะต้องกลับไปเอาตัวยอดฝีมือจากตระกูลเย่มาสั่งสอนหยางเฟิงเสียให้เข็ด
ฟึ่บ!
หยางเฟิงไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา เขากระโดดถีบทันที
อ๊ากก!
เย่หมิงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแทบขาดใจ เขาทรุดลงไปนั่งกับพื้น
เขาไม่คาดคิดว่าหยางเฟิงจะกล้าทำลายขาทั้งสองข้างของเขาจริงๆ
หยางเฟิงไม่กลัวว่าตระกูลเย่แห่งเมืองเอกจะตามมาแก้แค้นจริงหรือ
ตึ่กๆๆ
ในขณะนั้นเอง เสือขาวก็พาพลทหารกว่าร้อยนายบุกเข้ามา
“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยมาช้าเกินไป!”
เสือขาวทำความเคารพ แล้วกล่าวต่อหยางเฟิงด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
หยางเฟิงกล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า “เอาขยะพวกนี้ไปโยนทิ้งให้หมด”
“ครับ!”
เสือขาวโบกมือ ทันใดนั้นพลทหารก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าทันที แล้วจับเย่หมิงและพวกออกไปโยนทิ้งราวกับสุนัขตัวหนึ่ง
หม่าตงรีบร้อนวิ่งเข้ามากล่าวอย่างซาบซึ้ง “คุณหยางครับ ขอบคุณมากครับ หากไม่ได้คุณช่วย วันนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าต้องจัดการยังไง”
หยางเฟิงตบไหล่หม่าตงพลางกล่าวว่า “จำเอาไว้ ไม่ต้องกังวลถ้าช่วยเหลือฉันเรื่องใดก็ตาม”
“ครับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หม่าตงก็รู้สึกฮึกเหิม
“หยางเฟิง แก……”
ตอนนั้นเองเย่ไห่เดินตามเข้ามา เขายิ้มอย่างขมขื่นไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากอย่างไรดี
หยางเฟิงลงมืออย่างโหดเหี้ยม ทำลายขาทั้งสองข้างของเย่หมิง เกรงว่าตระกูลเย่แห่งเมืองเอกจะต้องมาเอาคืนอย่างแน่นอน
หยางเฟิงเดาได้ทันทีว่าเย่ไห่อยากจะพูดว่าอะไร จึงยิ้มแล้วกล่าวออกมาว่า “พ่อครับ พ่อวางใจได้เลย ต่อให้ตระกูลเย่แห่งเมืองเอกไม่มาที่นี่ ผมก็จะไปหาพวกเขาถึงที่ มารุกรานผมครั้งแล้วครั้งเล่า พวกนั้นคงคิดว่าจะรังแกผมได้ง่ายๆ อย่างนั้นมั้ง”
หยางเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเดือดดาล
เมื่อเย่ไห่เห็นเช่นนี้ ก็ได้แต่รู้สึกขนหัวลุก
ตระกูลเย่แห่งเมืองเอกมีเรื่องกับเทพเจ้าแห่งการสังหารเช่นนี้ ดูท่าแล้วพวกเขาคงจบไม่สวยแน่
……
ในเวลาเดียวกัน
ตระกูลเย่ เมืองเอก
เมื่อเห็นว่าเย่หมิงถูกทำลายขาทั้งสองข้างแล้วถูกหามใส่เปลมาเช่นนี้ สีหน้าของเย่ห้าวก็มืดหม่นลง
หลังจากที่หมอที่อยู่ด้านข้างทำการตรวจร่างกายเสร็จแล้ว ก็ส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ท่านผู้นำเย่ กระดูกขาทั้งสองข้างของคุณชายเย่หัก ต่อจากนี้คงต้องนั่งรถเข็นไม่สามารถกลับมายืนได้อีกแล้วครับ”
“พ่อ ต้องแก้แค้นแทนผมนะ!”
เมื่อได้ยินว่าชีวิตต่อจากนี้ของตนจะกลายเป็นคนพิการ เย่หมิงอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ราวกับเขาสูญเสียบุพการีไปแล้ว
เย่ห้าวกัดฟันถาม “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เย่หมิงร้องไห้กล่าวว่า “ทั้งหมดเป็นฝีมือของลูกเขยตระกูลเย่นั่น มันเป็นคนทำลายขาของผมและแย่งโครงการอุตสาหกรรมตงไห่ไปจากเรา”
“ทำไมถึงเป็นไอ้ลูกเขยนั่นอีกแล้ว หรือว่าตระกูลเย่ของพวกเราถูกกำหนดมาให้เป็นศัตรูกับมัน”
ก่อนหน้านี้หยางเฟิงทำร้ายเย่ลั่ว จนเย่ลั่วกลายเป็นขันที
ตอนนี้หยางเฟิงยังทำลายขาทั้งสองข้างของเย่หมิงอีก ทำให้เย่หมิงกลายเป็นคนพิการ
ตระกูลเย่พ่ายแพ้แก่หยางเฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนี้ยังถูกแย่งโครงการเขตอุตสาหกรรมตงไห่ไปอีก
หยางเฟิงถือเป็นดาวมฤตยูของตระกูลเย่อย่างแท้จริง
และยังเป็นความอับอายของตระกูลเย่อีกด้วย
หากหยางเฟิงไม่ตาย ตระกูลเย่ก็คงต้องติดอยู่บนความอับอายแบบนี้ไปตลอด
ตอนนั้นเย่ห้าวโมโหจนหน้ามืด “หยางเฟิงตัวดี ดี ดีมาก! แกรอฉันก่อนเถอะ ตระกูลเย่จะตามราวีแกไปตลอดจนกว่าแกจะตาย!