ตอนที่ 49 เย่เซิ่งเทียน ทำไมถึงเป็นนายอีกแล้ว

Mars เจ้าสงครามครองโลก

“เซิ่งเทียน จะไม่มีเรื่องอะไรจริงๆหรือ?”

หลี่หลานสองแม่ลูกที่ถูกเย่เซิ่งเทียนดึงมา เอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ

พวกเธอถึงกับบื้อไปแล้ว

เย่เซิ่งเทียนได้จัดงานฝังศพให้กับพ่อตาของเขาอีกครั้งจริงๆ

แถมยังเป็นที่หลุมศพบรรพบุรุษตระกูลหวาง

คนตระกูลหวางจะยอมตกลงได้ยังไงกัน

“คุณ คุณอย่าล้อเล่นนะ เรื่องแบบนี้ล้อเล่นขึ้นมาไม่ใช่เรื่องดีแน่”

หวางซีเอ่ยอย่างเป็นกังวล

“พวกคุณไม่ต้องห่วง ฉันจัดการทุกอย่างเอาไว้แล้ว คุณพ่อของเราจะถูกฝังในหลุมศพบรรพบุรุษวันนี้ และคนในตระกูลหวางก็จะกลับมาที่งานฝังศพด้วยตนเอง”

ใบหน้าของเย่เซิ่งเทียนแฝงความลึกลับ

เมื่อเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ได้เดินมาถึงจุดนี้แล้ว หลี่หลานก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีก

เธอกัดฟันและพูดว่า “ฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง แต่ฉันบอกคุณเลยนะว่า ถ้าพ่อนายไม่ได้ฝังลงไปจริงๆและต้องกลายเป็นเรื่องตลก ฉันไม่จบกับคุณแน่”

“แม่ คุณคอยดูเถอะ”

ทีมงานฝังศพเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เย่เซิ่งเทียนเข้าร่วมตระกูลหวางก็กลายเป็นคนตระกูล

เขาก็คือลูกชาย

เย่เซิ่งเทียนถือขี้เถ้าของพ่อตา ขณะที่หวางซีถือภาพเหมือนของเขา

หลี่หลานเดินอยู่ตรงกลาง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา

เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่านายหญิงใหญ่ใจแข็งมากขนาดไหนกันแน่ ถึงได้ไม่ยอมให้ฝังลูกชายของตัวเองในหลุมศพของบรรพบุรุษ!

นายหญิงใหญ่ลำเอียง เรื่องนี้เธอสามารถเข้าใจได้

นายหญิงใหญ่ไม่ถือว่าพวกเธอสองแม่รู้เป็นคนตระกูลหวาง เธอก็เข้าใจได้

อย่างไรก็ตาม การที่นายหญิงใหญ่ทำกับลูกชายตัวเองแบบนี้ เธอไม่เข้าใจเลยสักนิด

ตนอยากจะถามนายหญิงใหญ่จริงๆ ว่าคนอย่างเธอสมควรเป็นแม่คนหรือไม่?

ทีมงานฝังศพมาถึงที่ที่ดินบรรพบุรุษกันพร้อมหน้าแล้ว

คนตระกูลหวางเองก็มารอกันอย่างเคร่งครัดเป็นพิธีนานแล้วเช่นกัน

พวกเขาทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดสีดำ บนอกมีดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ และกำลังยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเคารพ

“อีกเดี๋ยวหากรถของเจ้าเทพมาถึงแล้ว พวกคุณทุกคนควรแสดงท่าทีเคร่งขรึมเอาไว้ให้ฉันด้วย ถ้าใครกล้าแสดงท่าทีอย่างอื่นและทำให้เจ้าเทพไม่พอใจ ฉันจะหักขาคนนั้น!”

นายหญิงใหญ่หวางสั่งอย่างเย็นชา

แต่ถึงเธอจะไม่พูด คนในตระกูลหวางก็ไม่กล้าเช่นกัน

“ขบวนรถมาถึงแล้ว รีบตั้งสติกันเดี๋ยวนี้”

หวางหงเอ่ยเสียงต่ำ

เจ้าเทพดูแลตระกูลหวางขนาดนี้ ตนย่อมไม่อาจทำให้เจ้าเทพต้องผิดหวัง

เจ้าเทพจะฝังผู้อาวุโสของเขาในสุสานบรรพบุรุษของตระกูลหวาง นี่หมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่าเจ้าเทพกำลังดูแลตระกูลหวางอยู่!

หากไม่ใช่เพราะกำลังดูแลตระกูลหวาง หรือว่าอาศัยสถานะอย่างเจ้าเทพ เขาจะหาที่ดินที่มีฮวงจุ้ยดียิ่งกว่านี้ไม่ได้งั้นหรือ?

ฉันจะต้องแสดงออกให้ดี และทำให้เจ้าเทพมองเห็นความสำคัญของฉันขึ้นมาให้ได้

หวางหงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาจ้องมองไปที่ขบวนรถซึ่งขับเข้ามาอย่างช้าๆอย่างประหม่าอยู่บ้าง

เมื่อทีมงานฝังศพมาถึง หวางหงก็หันหน้าแล้วพูดว่า “ทุกคนคุกเข่าลง”

พูดจบ ตนก็คุกเข่าลงก่อนทันที

คนในตระกูลหวางที่เหลือก็รีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว

ขอแค่ให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสของเจ้าเทพอย่างเพียงพอ พวกเขาเชื่อว่าเจ้าเทพจะให้ความสำคัญกับตระกูลหวางมากขึ้น

หากเจ้าเทพให้ความสำคัญขึ้นมา ไม่ไกลแล้ว ตระกูลหวางก็จะกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองเฉียนถัง!

หัวใจของหวางหงเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าเขาได้เห็นตนเองเป็นหัวหน้าตระกูลชั้นหนึ่งไปแล้ว

ราวกับว่าเขาได้เห็นฉากที่ตระกูลหวางมีทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งหมื่นล้าน และเทียบเท่ากับตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูล

ไม่

หากมีการดูแลของเจ้าเทพ ก็จะยิ่งเก่งกาจกว่าสี่ตระกูลเสียอีก

สี่ตระกูลบ้าบออะไรกัน? ขอแค่มีความสัมพันธ์กับเจ้าเทพ ไม่ช้าก็เร็วตนจะต้องเหยียบตระกูลทั้งสี่ลงได้ และบางทีก็อาจนั่งอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลหมิงได้!

นายหญิงใหญ่หวางก็ตั้งหน้าตั้งตารอเช่นกัน

เป็นเธอเอวที่ขอให้คุกเข่าลง

จุดประสงค์ก็เพื่อให้เจ้าเทพยิ่งให้ความสำคัญกับตระกูลหวางมากขึ้น!

ความหวังของตระกูลหวางที่จะกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งก็คือในวันนี้ คือการแสดงออกของตระกูลหวางในตอนนี้!

อีกทั้งตนเองก็อายุมากขนาดนี้แล้ว หากเจ้าเทพเห็นว่าตนคุกเข่าลงจะต้องยิ่งซาบซึ้งมากขึ้นแน่!

ในเวลานี้รถบรรทุกอัฐิก็หยุดลง

เย่เซิ่งเทียนลงจากรถพร้อมกับอัฐิของพ่อตา ตามมาด้วยหวางซีถือรูปอาลัย และหลี่หลานในชุดกี่เพ้าสีดำ

“เจ้าเทพ ตระกูลหวางของเรา…”

หวางหงพูดถึงตรงนี้ คำพูดก็ราวกับถูกตัดตอนไปทั้งอย่างนั้น เขากรีดร้องถามขึ้นราวกับเห็นผี “เย่เซิ่งเทียน ทำไมถึงเป็นแกอีกแล้ว?!”