ตอนที่ 1468 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (6) / ตอนที่ 1469 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (7)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1468 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (6)

 

 

ระหว่างพี่น้องทั้งสองของสำนักเสวียนชิง ซูลั่วเฉินทั้งยโสและมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เขาสร้างปัญหาทุกที่ที่เขาไปและใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปทั่ว ส่วนซูจวิ้นจะหยิ่งทระนงกว่าและยกตัวเองสูงกว่าคนอื่น ปีที่แล้วหลินรั่วไป๋ติดตามเขาอยู่ตลอด ทำให้เขามั่นใจว่าหัวใจนางเป็นของเขา

 

 

ครั้งนี้หลินรั่วไป๋พยายามจะขอติดตามเขามา ถ้านางไม่ได้รักเขาแล้วทำไมเด็กผู้หญิงคนนี้ถึงพยายามทำตัวติดกับเขาเล่า

 

 

ซูจวิ้นผู้แสนทระนงไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าหลินรั่วไป๋แค่มีนิสัยรักสนุก แล้วนางจะยอมทนอยู่ในสถานที่น่าเบื่ออย่างสำนักเสวียนชิงได้อย่างไร ถ้านางมีโอกาสได้ออกไป นางย่อมไม่มีทางปฏิเสธ!

 

 

“แต่ว่า…” ซูลั่วเฉินมองซูจวิ้นอย่างระมัดระวัง “จากเหตุการณ์วันนี้ ดูเหมือนว่าหลินรั่วไป๋จะสนิทกับอาจารย์นางมาก นางจะยอมทรยศอาจารย์เพื่อสำนักเสวียนชิงหรือ”

 

 

ซูจวิ้นยิ้มด้วยความมั่นใจ “อาจารย์และศิษย์คู่นี้ไม่ได้เจอกันนาน เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกนางก็ต้องมีเรื่องให้คุยกันเยอะ ข้าจะปล่อยให้พวกนางอยู่ด้วยกันสักสองสามวัน หลังจากนั้นเสี่ยวไป๋ก็จะกลับมาอยู่ข้างกายข้าเอง ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ตราบใดที่ข้าสัญญาว่าจะแต่งงานกับนาง นางจะต้องร้องไห้ด้วยความดีใจแน่นอน”

 

 

ซูลั่วเฉินลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนพูดต่อ “ท่านพี่ ท่านแน่ใจหรือว่าแม่นางหลินจะแต่งงานกับท่าน”

 

 

“แล้วนางจะแต่งงานกับใครได้ถ้าไม่ใช่ข้า ตลอดปีที่ผ่านมา ข้าสัมผัสได้ถึงความรักใคร่ที่นางมีให้ข้า เพราะข้าต้องการให้นางหลงใหลข้ามากกว่านี้ ข้าจึงต้องแสร้งปล่อยนางไปเพื่อจับนางให้อยู่หมัด”

 

 

น้ำเสียงของซูจวิ้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเขาตัดสินแล้วว่าหลินรั่วไป๋เป็นผู้หญิงของเขาถึงแม้ว่าเสี่ยวไป๋จะไม่เคยสารภาพความในใจ แต่เขาก็เชื่อมั่นมากว่านางรักเขาสุดหัวใจ

 

 

“ท่านพี่ ข้ารู้แค่ว่าท่านพ่อสั่งให้ท่านเอาชนะใจแม่นางหลิน แต่ข้าไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง” ซูลั่วเฉินขมวดคิ้วแล้วถามคำถามที่ติดใจเขาอยู่นาน

 

 

ซูจวิ้นมองน้องชายเขาแล้วตอบด้วยน้ำเสียงไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “ดูเหมือนว่าหลินรั่วไปจะเป็นคนที่มาจากที่นั่น ถ้าข้าได้แต่งงานกับนาง สำนักเสวียนชิงของพวกเราก็จะยกระดับขึ้นแล้วอยู่เหนือตระกูลจวินได้”

 

 

คนจากที่นั่น?

 

 

ซูลั่วเฉินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่แปลกใจเลยที่ท่านพ่อที่หัวสูงของเขาสั่งให้ท่านพี่ทำตัวดีกับหลินรั่วไป๋เพราะว่านางเป็นคนจากที่แห่งนั้นนี่เอง…

 

 

 

 

เหนือเทือกเขา เหยียนเข่อและคนอื่นๆ มองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแปลกใจ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่คิดว่าผู้คุ้มกันข้างกายนางจะแข็งแกร่งขนาดนี้

 

 

ฟู่จิ่นรู้สึกอับอาย เขาเดินออกมาเอ่ยขอโทษอวิ๋นลั่วเฟิง “ข้าขอโทษด้วยแม่นางอวิ๋น ก่อนหน้านี้ข้าไม่ควรดูถูกท่าน ถ้าเมื่อกี้ท่านไม่ช่วย ข้าเกรงว่าพวกเราคงหนีความตายได้ยาก”

 

 

นางพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายและเข้มงวดขณะดวงตาสีดำสนิทของนางกระจ่างใส “ข้าขอยืมกระโจมเจ้าได้หรือไม่”

 

 

เมื่อได้ยินคำขอของนาง ฟู่จิ่นก็รีบพูด “แม่นางอวิ๋น เชิญท่านใช้ตามสบาย”

 

 

หลังจากอวิ๋นลั่วเฟิงได้รับคำอนุญาตจากเขา นางก็ใช้มือหนึ่งดึงเสี่ยวซู่ ส่วนอีกมือก็ลากหลินรั่วไป๋แล้วเดินไปยังกระโจม เมื่อฟู่จิ่นและคนอื่นๆ ทำท่าจะเข้ามา หุ่นเชิดสุดแกร่งก็ยืนคุ้มกันอยู่หน้าประตู สีหน้าเคร่งเครียดของเขาทำให้ฟู่จิ่นและคนอื่นๆ ถอยออกไป

 

 

“ฟู่จิ่น” เหยียนเข่อถอนหายใจ “ครั้งนี้ต้องขอบคุณแม่นางอวิ๋นที่ทำให้พวกเราไล่ซูลั่วเฉินและคนอื่นๆ ไปได้”

 

 

“อันที่จริงการช่วยบุตรชายของนางก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมนางต้องทำร้ายพวกเขาและมีเรื่องกับสำนักด้วย!” ฟู่จิ่นพยายามไม่เข้าข้างสำนักเสวียนชิง ในใจเขาปรารถนาจะทำลายสำนักออกเป็นพันๆ ชิ้นมานานแล้ว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1469 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (7)

 

 

การต่อต้านสำนักเสวียนชิงจะนำพาปัญหามากมายมาให้นาง มันคุ้มค่าหรือ

 

 

“ฟู่จิ่น เจ้าควรจะดีใจที่เจ้าเลือกตำหนิเสี่ยวซู่เมื่อตอนนั้น” เหยียนเข่อยิ้มขมขื่น “ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำของเจ้าที่ขอให้เสี่ยวซู่ออกไป ไม่แน่แม่นางอวิ๋นอาจจะไม่ช่วยพวกเราก็ได้”

 

 

ถึงแม้ว่าตอนนั้นฟู่จิ่นจะดุเสี่ยวซู่ แต่ก็เพื่อตัวเสี่ยวซู่เอง อวิ๋นลั่วเฟิงเองก็น่าจะรู้ดี แต่พวกเขาไม่รู้ว่านั่นเป็นแค่หนึ่งในเหตุผล เหตุผลอีกข้อก็คืออวิ๋นลั่วเฟิงจะตอบแทนศัตรูทุกคนที่ต่อต้านนางเสมอ! ผู้อาวุโสนั่นต้องชดใช้ที่คิดจะแตะต้องตัวเสี่ยวซู่!

 

 

 

 

เมื่อหลินรั่วไป๋เห็นเสี่ยวโม่ปรากฏตัวขึ้นจากอากาศว่างเปล่าภายในกระโจม นางก็ฉีกยิ้มก่อนจะรีบเข้าไปกอดชายหนุ่มร่างผอมบางอย่างแนบแน่นแล้วหอมแก้มเขา

 

 

เสี่ยวโม่หน้าแดงทันทีแล้วรีบผลักหลินรั่วไป๋ออกไปก่อนจะจ้องหน้านาง “เจ้ารู้จักสิ่งที่เรียกว่าการเว้นระยะห่างระหว่างชายหญิงหรือไม่”

 

 

หลินรั่วไป๋ไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวโม่ถึงโกรธ นางทำหน้าเสียใจ “ข้าดีใจเกินไปที่เห็นเจ้า ดังนั้นข้าก็เลยกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้”

 

 

สีหน้าของเสี่ยวโม่ยิ่งดูไม่ได้ “เจ้าจูบคนอื่นเวลาเจอพวกเขาหรือ”

 

 

ที่จริงแล้วเขาอยากจะถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนางกับชายที่ชื่อซูจวิ้น ตอนนี้เสี่ยวโม่ยังไม่รู้ตัวว่าเขาเริ่มสนใจว่าชายคนอื่นที่จะมาชอบเสี่ยวไป๋เข้าเสียแล้ว

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงนั่งลงแล้วหยิบถ้วยชาออกมารินจนเต็ม นางมองทั้งคู่พร้อมฉีกยิ้มกว้างสดใส

 

 

“เปล่า” หลินรั่วไป๋รู้สึกผิด “ข้าทำแค่กับเจ้า”

 

 

เมื่อเสี่ยวโม่ได้ยินคำพูดของนาง ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายเสียที เขาเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงช้าๆ แล้วเผยรอยยิ้มบนใบหน้าอ่อยเยาว์ “นายหญิง ตั้งแต่วันนี้ข้าอยากจะอยู่กับท่านแล้วไม่คิดจะกลับไปอยู่ในมิติคัมภีร์เซียนอีก”

 

 

“เอาอย่างนั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ก่อนหน้านี้เจ้าหลบเสี่ยวไป๋อยู่ไม่ใช่หรือ”

 

 

เสี่ยวโม่แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน “เพราะว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวไป๋น่ากลัวเกินไปต่างหาก ข้ารู้สึกว่าเสี่ยวไป๋ตอนนี้น่าเอ็นดู”

 

 

“อ้อ” ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกายหยอกล้อ “น้ำส้มสายชู [1] รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

“นายหญิง ข้าไปกินน้ำส้มสายชูตอนไหน ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้กินอะไรเลย”

 

 

“แล้วทำไมข้าถึงได้กลิ่นน้ำส้มสายชูจากตัวเจ้า”

 

 

แต่แล้วเสี่ยวโม่ก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนาง ใบหน้ของเขาก็แดงเถือก “นายหญิง ท่านแกล้งข้าอีกแล้ว ข้าจะไปมีความรู้สึกหึงหวงได้อย่าง เป็นไปไม่ได้!”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบตามองเสี่ยวโม่ที่ไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองก่อนจะย้ายความสนใจไปที่หลินรั่วไป๋

 

 

“หูหลีจากไปพร้อมกับอู๋งั้นหรือ”

 

 

หลินรั่วไป๋พยักหน้า “หูหลีบอกว่าเขารู้สึกไม่สบายใจถ้าทิ้งข้าไว้กับอู๋ ก็เลยพาเขาไปด้วย อาจารย์ ข้ารู้สึกมาตลอดว่าอู๋มีอะไรแปลกๆ แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร”

 

 

“ช่วงนี้อู๋คงไม่เป็นอันตรายกับหูหลี ตอนนี้ข้าต้องการรู้ที่อยู่ของอวิ๋นเซียวและหงหลวนก่อน เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”

 

 

หลินรั่วไป๋หยุดคิดไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ข้าไม่รู้” นางไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ

 

 

“คำถามสุดท้าย เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับซูจวิ้น” คำถามนี้เป็นคำถามที่เสี่ยวโม่ก็อยากถาม แต่อวิ๋นลั่วเฟิงถามแทนเขาแล้ว

 

 

“อาจารย์ เหตุใดท่านถึงถามอย่างนั้น” หลินรั่วไป๋มองอย่างงุนงง “เขาช่วยชีวิตข้าไว้แล้วก็ดูแลข้าอย่างดี คนของสำนักเสวียนชิงก็ดีกับข้าเหมือนกัน แต่ตอนนี้ข้าเริ่มเกลียดพวกเขาแล้ว”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ในภาษาจีนมีสำนวน ‘กินน้ำส้มสายชู’ หมายถึง หึงหวง อิจฉา