ตอนที่ 1470 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (8) / ตอนที่ 1471 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (9)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1470 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (8)

 

 

“ทำไมล่ะ”

 

 

“พวกเขากล่าวหาว่าอาจารย์ทำผิดแล้วก็ต้องการให้ท่านขอโทษ ท่านจะทำผิดได้อย่างไร ต้องเป็นความผิดของพวกเขาต่างหาก!” หลินรั่วไป๋พูดอย่างเดือดดาล

 

 

เมื่อนางนึกว่าพวกเขารังแกอาจารย์นางอย่างไร นางก็อารมณ์เสีย นางลืมไปนานแล้วว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาซูจวิ้นดูแลนางดีแค่ไหน

 

 

ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าอาจารย์ของนาง!

 

 

“ข้าถามทุกอย่างที่อยากรู้แล้ว เสี่ยวไป๋ พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงวางถ้วยชาลงแล้วหันหลังเดินออกจากกระโจม

 

 

 

 

เมื่อฟู่จิ่นและคนอื่นเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ข้างนอกกระโจม ดวงตาเขาก็ฉายแววสับสนเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นเสี่ยวโม่มาก่อน แต่ตอนนี้จู่ๆ เด็กหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วพวกเขาจะไม่สงสัยได้อย่างไร

 

 

แต่ว่า…พวกเขาคงทำใจยอมรับได้นานแล้ว จึงไม่มีใครตั้งคำถาม

 

 

“แม่นางอวิ๋นเจ้าคุยกับศิษย์เสร็จแล้วหรือ” เหยียนเข่อเดินมาหาอย่างมีความสุข “พวกเราเองก็ควรออกเดินทางแล้วหมือนกันใช่หรือไม่”

 

 

ตอนนี้ทั้งสี่คนนับถืออวิ๋นลั่วเฟิงเป็นหัวหน้ากลุ่มไปแล้วโดยไม่รู้ตัว พวกเขาถามความคิดเห็นนางถึงเวลาออกเดินทาง

 

 

“พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงมองเทือกเขาสูงจรดก้อนเมฆแล้วแสดงสีหน้าจริงจัง

 

 

ตอนที่ทุกคนกำลังจะออกเดินทางก็มีกลุ่มคนมาขวางทางพวกเขาไว้

 

 

“เจ้าต้องการอะไรอีก” เหยียนเข่อพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ไสหัวไปได้แล้ว!”

 

 

ซูจวิ้นไม่ได้เหลือบตามองนางแม้แต่น้อยแต่ใช้สีหน้าจริงจังมองไปที่หลินรั่วไป๋ ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนภูเขาน้ำแข็งกำลังละลายเพราะความอบอุ่น

 

 

“เสี่ยวไป๋ ข้าสัญญาแล้วว่าจะปกป้องเจ้า เจ้ามาอยู่กับพวกเราจะปลอดภัยกว่า”

 

 

ตอนแรกเขาตั้งใจจะปล่อยให้หลินรั่วไป๋อยู่กับอวิ๋นลั่วเฟิงสักสองสามวัน แต่หลังจากที่คิดอย่างรอบคอบแล้วเขาก็รู้สึกได้ว่าเขาจะสบายใจกว่าถ้าหลินรั่วไป๋ติดตามเขา

 

 

หลินรั่วไป๋ส่ายหน้า “ขอบคุณสำหรับการดูแลและเป็นห่วงมาตลอดหนึ่งปี ตอนนี้ข้าเจออาจารย์แล้ว ข้าจะติดตามนางแล้วจะไม่กลับไปที่สำนักเสวียนชิงอีก”

 

 

ซูจวิ้นขมวดคิ้ว เขาคิดว่าถ้าเขาเอ่ยปาก นางจะต้องรีบกลับมาอยู่ข้างเขาแน่นอน แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกปฏิเสธ! ทว่าพอเขาคิดได้อะไรบางอย่างได้ ซูจวิ้นก็คลายคิ้วที่ขมวดอยู่ “ในเมื่อเจ้าว่าอย่างนั้น ข้าก็ไม่อยากบังคับ ถ้าเจ้าต้องการอะไรก็สามารถกลับมาที่สำนักเสวียนชิงได้ทุกเมื่อ ประตูของพวกเราจะเปิดไว้ให้เจ้าเสมอ”

 

 

หลินรั่วไป๋ส่งเสียงขึ้นจมูก ถ้าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เกิดขึ้น นางอาจจะขอให้อวิ๋นลั่วเฟิงเดินทางไปกับซูจวิ้น แต่เพราะสำนักเสวียนชิงทำผิด นางเลยตัดสินใจว่านางจะเว้นระยะห่างกับพวกเขา!

 

 

“เสี่ยวไป๋” เสี่ยวโม่ส่งสายตาให้ซูจวิ้นแล้วยื่นออกไปจับมือเสี่ยวไป๋ “พวกเราไปกันเถอะ อย่าเสียเวลาคุยกับพวกเขาเลย”

 

 

ซูจวิ้นขมวดคิ้วอีกครั้งขณะส่งสายตาคมๆ ไปให้เสี่ยวโม่ เจ้าเด็กบ้านี่โผล่มาจากไหน เขามีดวงตาที่ขึงขังแล้วยังกล้าจับมือเสี่ยวไป๋อีก! ถ้าไม่ใช่เพื่อเสี่ยวไป๋ ข้าคงตีเด็กบ้านี่จนตาย!

 

 

“ท่านพี่” เมื่อซูลั่วเฉินเห็นว่าพวกเขากำลังจะออกเดินทางแล้วก็เดินเข้าไปยืนข้างซูจวิ้นช้าๆ ก่อนถามอย่างระมัดระวัง “แม่นางหลินตั้งใจจะไม่กลับสำนักเสวียนชิงอีกจริงหรือขอรับ”

 

 

“นางจะกลับมา” ซูจวิ้นมองอย่างมั่นใจ “ข้าให้เวลานางได้ นางจะต้องกลับมาแน่นอน”

 

 

“ท่านพี่ เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างแม่นางหลินดูเหมือนอยากจะแย่งนางไปจากท่านนะ” ซูลั่วเฉินไม่มีความสุข เด็กบ้านี่มาจากไหนถึงกล้าขโมยนางไปจากสำนักเสวียนชิง!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1471 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (9)

 

 

ซูจวิ้นส่งเสียงขึ้นจมูก “ถึงแม้ว่าเขาอยากจะยุ่งกับของของข้า แต่ก็ต้องดูว่าเขามีความสามารถหรือไม่! เสี่ยวไป๋ต้องรู้สึกว่าข้าลงมือช้าไปแล้วรู้สึกผิดหวัง ดังนั้นจึงหาเด็กบ้านั่นมาเพื่อยั่วโมโหข้า! เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับพวกเขาแล้วที่ข้าอ่านเกมออก”

 

 

เขาใช้คำว่ายุ่งก็หมายความว่าลึกๆ แล้วเขาก็นับว่าหลินรั่วไป๋เป็นผู้หญิงของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขามั่นใจมากว่าเสี่ยวโม่ไม่มีความสามารถพอจะแข่งกับเขาด้วย! ส่วนที่ว่าทำไมหลินรั่วไป๋ถึงไม่พยายามดึงมือออกจากมือของเสี่ยวโม่ นั่นก็แค่อยากจะยั่วโมโหเขาแล้วบังคับให้เขาเผยความรู้สึก

 

 

ไม่ไกลจากพวกเขา มือของหลินรั่วไป๋ถูกมือของเสี่ยวโม่จับไว้แน่น ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงจนรู้สึกไม่สบาย นางอยากจะดึงมือออกแต่ใครจะคิดว่าเสี่ยวโม่จะจับแน่นขนาดนี้

 

 

“อาจารย์…” ดวงตาของหลินรั่วไป๋แดงก่ำแล้วส่งสายตาน่าสงสารมาให้อวิ๋นลั่วเฟิงเพื่อขอความช่วยเหลือ

 

 

“เสี่ยวไป๋” อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนถาม “ซูจวิ้นชอบเจ้าหรือ” คำพูดของนางตรงมากจนคล้ายว่ากำลังขู่หลินรั่วไป๋

 

 

ผ่านไปนาน หลินรั่วไป๋ก็ได้สติ “อาจารย์ ไม่ว่าเขาจะชอบข้าหรือไม่ ข้าก็ไม่ได้ชอบเขา”

 

 

“เหตุผลล่ะ”

 

 

“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ข้ารู้สึกไม่ดีเวลาอยู่ข้างเขา ถ้าไม่ใช่เพื่อออกมาเที่ยวเล่น ข้าก็คงไม่ติดตามเขาอยู่บ่อยๆ” ว่ากันตามตรง เสี่ยวโม่ทำให้นางรู้สึกสบายใจมากกว่า

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคางเบาๆ “ดูเหมือนว่าพวกเราต้องรีบหาผลไม้วิญญาณให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยฟื้นความทรงจำของเสี่ยวไป๋ ไม่อย่างนั้นด้วยความฉลาดของนางในตอนนี้นางสามารถถูกคนอื่นหลอกได้ง่ายๆ”

 

 

“ผลไม้วิญญาณ?” ฟู่จวินรู้สึกแปลกใจ “เจ้ากำลังหาผลไม้วิญญาณหรือ”

 

 

หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงลิงโลดแล้วถาม “เจ้ารู้เรื่องผลไม้วิญญาณด้วยหรือ”

 

 

“มีข่าวลือว่ามีผลไม้วิญญาณอยู่บนยอดเขาอ้าย แต่ว่าข้าก็ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง ดังนั้นข้าไม่มั่นใจว่าข่าวลือนี้จริงหรือไม่”

 

 

“ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ข้าก็จะไปตรวจดู” ถึงแม้ว่าจะมีความหวังน้อยนิดสักแค่ไหนก็ตาม

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงมองหลินรั่วไป๋ที่บริสุทธิ์เหมือนกระดาษขาวแล้วก็ยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้น นางจะรู้สึกสบายใจก็ต่อเมื่อนางได้ผลไม้วิญญาณสุดท้ายมาแล้ว…

 

 

“แกวกๆ!”

 

 

จู่ๆ ก็มีเสียงเหยี่ยวร้องตอนที่ทุกคนกำลังสับสนอยู่ แล้วนกตัวใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะร่อนลงมาตรงหน้าพวกเขาอย่างแรง

 

 

“อ๊ะ ไม่นะ นั่นมันเหยี่ยวนภา! มันไม่ควรเริ่มโจมตีถ้าไม่มีคนไปทำร้ายมันก่อน ทำไมเหยี่ยวนภาถึงมาขวางทางพวกเรา”

 

 

นอกจากเหยียนเข่อและคนอื่นๆ ก็ยังมียอดฝีมือจากพรรคใหญ่อีกมาก หลังจากที่เห็นเหยี่ยวนภาขวางทาง พวกเขาก็สับสน

 

 

“เหยี่ยวนภาขวางทางอยู่ก็หมายความว่ามันมีไข่ของเหยี่ยวนภา” ซูจวิ้นรีบนำคนจากสำนักเสวียนชิงพุ่งไปข้างหน้า เขาหันมาหาหลินรั่วไป๋แล้วยิ้ม “เสี่ยวไป๋ เจ้าเคยบอกว่าเจ้าอยากได้สัตว์อสูรวิญญาณ ถ้าข้าเอาไข่เหยี่ยวนภามาให้ เจ้าคิดว่าอย่างไร”

 

 

ซูลั่วเฉินที่ตามรั้งท้ายก็พูดขึ้น “สำนักเสวียนชิงต้องการไข่ของเหยี่ยวนภา ถ้าเจ้าไม่อยากมีปัญหากับพวกเราก็เดินอ้อมไป!”

 

 

คำพูดและการกระทำของพวกเขาแสดงออกชัดเจนว่าต้องการไข่ของเหยี่ยวนภา!

 

 

เมื่อเห็นดวงตาอ่อนโยนของซูจวิ้น หลินรั่วไป๋ก็ส่งเสียงขึ้นจมูก “ถ้าข้าต้องการสัตว์อสูรวิญญาณ อาจารย์ข้าก็หาให้ข้าได้ เจ้าไม่เจ้าเป็นต้องยื่นจมูกเข้ามายุ่งหรอก”

 

 

“เสี่ยวไป๋ เจ้าโกรธอะไรข้าหรือ” รอยยิ้มของซูจวิ้นยิ่งอ่อนโยนมากขึ้น “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าโกรธอะไร ข้าก็ต้องง้อเจ้าอยู่ดี ไข่ใบนี้เป็นคำขอโทษของข้าเจ้ายอมยกโทษให้ข้าหรือไม่”