ตอนที่ 1472 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (10) / ตอนที่ 1473 เสี่ยวไป๋กลายเป็นคนสองหน้า (1)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1472 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (10)

 

 

หลินรั่วไป๋ขมวดคิ้ว ในอดีตซูจวิ้นแค่ทำให้นางรู้สึกไม่ดี แต่นางไม่เคยคิดว่าเขาจะน่ารำคาญขนาดนี้!

 

 

ความเงียบของหลินรั่วไป๋ทำให้ซูจวิ้นคิดว่านางยอมรับ เขากวาดสายตาคมไปที่ทุกคนแล้วพูดอย่างเย็นชา “ทำไมพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่อีก ไสหัวไป!”

 

 

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูจวิ้น พวกเขาก็รีบพาตัวเองถอยห่างออกไปทันที นี่เป็นทางเดียวที่ไปถึงยอดเขาได้ พวกเขาจึงไม่ได้จากไปแต่แค่ทำให้รู้ว่าพวกเขาไม่สู้กับสำนักเสวียนชิง

 

 

“เจ้าเองก็ควรไสหัวไปเหมือนกัน” ซูจวิ้นเลื่อนสายตาไปที่เหยียนเข่อและพรรคพวก

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นอาจารย์ของหลินรั่วไป๋ ดังนั้นเขาจึงไล่นางไปไม่ได้ แต่คนอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่นี่

 

 

ฟู่จิ่นส่งเสียงขึ้นจมูก เขาไม่ขยับขาแม้แต่ก้าวเดียว

 

 

สีหน้าของซูจวิ้นมืดลงทันที เขาตั้งใจจะสั่งให้คนของเขาไล่พวกเขาออกไป แต่ก็มีเสียงร้ายกาจเย็นชาดังขึ้นทำให้พวกเขาหยุดเดินทันที

 

 

“อวิ๋นอี้ หักขาใครก็ตามที่กล้าเดินเข้ามา!” อาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งของอวิ๋นอี้ที่แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ ทำให้ทุกคนกลัวจนไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะกลัวว่าชายแข็งแกร่งคนนี้จะหักขาพวกเขา…

 

 

“เจ้าจะไม่ออกไปก็ไม่เป็นไร” ซูจวิ้นเลิกพยายามบังคับให้พวกเขาออกไปแล้วหันไปหาหลินรั่วไป๋ “เสี่ยวไป๋ รอข้านะ ไม่นานข้าจะเอาไข่ของสัตว์อสูรวิญญาณมาให้เจ้า”

 

 

เหยี่ยวนภาทรงพลังมาก มันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณขั้นเซียนปราชญ์ระดับกลาง อีกเพียงก้าวเดียวก็จะผ่านด่านเลื่อนเป็นระดับสูง ดังนั้นซูจวิ้นจึงยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อเอาใจเสี่ยวไป๋

 

 

“โจมตีแล้วสังหารเหยี่ยวนภา ขโมยไข่สัตว์อสูรวิญญาณมาให้ได้!” ซูจวิ้นกัดฟันแล้วออกคำสั่งอย่างเคร่งเครียด

 

 

ทันใดนั้นคนจากสำนักเสวียนชิงทุกคนก็หยิบอาวุธออกมาแล้วนำกลุ่มคนเข้าโจมตี

 

 

เมื่อเห็นการกระทำนี้ อวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่ได้หยุดพวกเขา นางเผยรอยยิ้มร้ายกาจและดวงตานางก็ส่องประกายชั่วร้าย “ตอนนี้เหยี่ยวนภาเป็นสัตว์อสรูญวิญญาณขั้นเซียนปราชญ์ระดับกลาง แต่อีกไม่นานมันก็จะเลื่อนเป็นระดับสูงแล้ว! เมื่อรวมกับท่าทางปกป้องตัวเองของมัน การต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้มันเลื่อนระดับเร็วขึ้น การกระทำของสำนักเสวียนชิงไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย”

 

 

ในช่วงเวลาวิกฤตหรือตอนที่พวกเขาตกอยู่ในอันตราย ทุกคนจะระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา สัตว์อสูรวิญญาณก็เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นสัตว์อสูรวิญญาณที่ใกล้จะผ่านด่านแล้ว การต่อสู้กับมันก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย!

 

 

“ซูจวิ้นคนนี้ไม่ได้ดูเป็นคนดีแต่เขากล้าที่จะทำเพื่อเสี่ยวไป๋งั้นหรือ” เสี่ยวโม่ส่งเสียงขึ้นจมูก “พวกเขาสมควรได้รับบทเรียนในอนาคต จะได้ไม่มารังควานเสี่ยวไป๋อีก!”

 

 

ถ้าพูดจริงๆ ก็คือเสี่ยวโม่ไม่อยากให้พวกเขาตาย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะวางแผนใช้เสี่ยวไป๋ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็เคยช่วยเหลือนาง ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เสี่ยวโม่ก็คงโจมตีพวกเขาไปแล้ว

 

 

เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของสำนักเสวียนชิง พรรคทั่วไปนั้นเทียบไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเหยี่ยวนภาที่กำลังปกป้องพวกตัวเอง พวกเขาก็ยังถือไพ่เหนือกว่าและสามารถเอาชนะเหยี่ยวนภาได้แบบเฉียดฉิว

 

 

แน่นอนว่านั่นเป็นกรณีหนึ่ง ภายใต้ความกังวลและความโกรธเหยี่ยวนภาก็เข้าสู่การผ่านด่าน! พลังฌานจำนวนมหาศาลถูกดึงเข้าสู่ร่างของมันทำให้เกิดพายุที่ปีก มันเงยหน้าแล้วกรีดร้องปลดปล่อยเสียงร้องอย่างโกรธแค้นแล้วมองคนที่อยู่ข้างหน้าพวกมันอย่างมาดร้าย…

 

 

“บ้าเอ๊ย! ทำไมมันถึงต้องมาเลื่อนระดับตอนนี้” สีหน้าของซูจวิ้นเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที

 

 

ผู้อาวุโสถอยหลังแล้วพูดด้วยสีหน้าดูไม่ได้ “คุณชายใหญ่ ถ้าเป็นเหยี่ยวนภาก่อนหน้านี้ พวกเราก็มั่นใจได้ว่าพวกเราจะเอาชนะได้แน่นอน แต่ว่าตอนนี้มันเลื่อนระดับแล้วดังนั้นพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้มันอีกต่อไป”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1473 เสี่ยวไป๋กลายเป็นคนสองหน้า (1)

 

 

ข้างในซูจวิ้นรู้สึกขมขื่น ถ้าเขารู้ว่าเหยี่ยวนภาตัวนี้กำลังจะเลื่อนระดับ เขาก็คงไม่พยายามคุยโม้เรื่องความเก่งกาจของเขา ตอนนี้หลังจากที่ได้ยินคำเตือนก็ไม่มีใครกล้าจัดการกับเหยี่ยวนภาอีก ซูจวิ้นก็ตั้งใจจะไม่เอาไข่ของเหยี่ยวนภาตัวนี้แล้วแต่ว่า…

 

 

เมื่อเขาหันไปหาหลินรั่วไป๋ เขาก็สัมผัสได้ว่านางกำลังมองเขาอย่างเหลืออด ประกายในดวงตานางทำให้หัวใจของซูจวิ้นรู้สึกกล้าหาญแล้วเขาก็กัดฟันออกคำสั่ง “ข้าไม่มีทางยอมแพ้เรื่องไข่ของเหยี่ยวนภา! โจมตีต่อไป ข้าไม่เชื่อว่าด้วยจำนวนคนของพวกเราจะจัดการเหยี่ยวนภาตัวเดียวไม่ได้!”

 

 

คนของสำนักเสวียนชิงเผยรอยยิ้มขมขื่น พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่งของซูจวิ้น ทำได้แค่เตรียมใจออกไปสู้

 

 

ทันทีที่ซูจวิ้นหันไปหาเหยี่ยวนภา หลินรั่วไป๋ก็หันหน้าหนีด้วยความดูถูก “ใครขอให้เจ้าคอยรบกวนข้ามาตลอดล่ะ! ครั้งนี้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานแล้ว!”

 

 

อย่างไรก็ตามหัวใจของนางก็มีแค่อาจารย์เท่านั้น ถึงแม้ว่าซูจวิ้นจะช่วยนางไว้นางก็ไม่สนว่าพวกเขาจะดูแลนางดีขนาดไหน

 

 

ใครใช้ให้ไอ้เลวนั่นรังแกอาจารย์นางล่ะ! ใครก็ตามที่รังแกอาจารย์นางก็ไม่ใช่คนดีทั้งนั้น!

 

 

“แกวกๆ!”

 

 

เหยี่ยวนภาส่งเสียงร้องออกมาขณะกระพือปีกแล้วพุ่งเข้ามาหามนุษย์พวกนี้ที่กล้ายั่วโมโหมัน ดวงตาฉายแววดุร้าย มันตีปีกจนเกิดพายุพัดซูจวิ้นอย่างแรง ทันใดนั้นร่างของซูจวิ้นก็ลอยออกไปแล้วกระอักเลือดออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือด

 

 

“คุณชายใหญ่!” ทุกคนตกใจแต่ก็ไม่สามารถดูแลซูจวิ้นได้ พวกเขาทำได้แค่รับการโจมตีของเหยี่ยวนภาที่โจมตีเข้ามารวดเร็วดุจสายฟ้า

 

 

“พวกเจ้ามองอะไรกัน” ในที่สุดผู้อาวุโสก็ทนต่อไม่ไหวแล้วคำรามใส่กลุ่มคนที่ยืนดู “ทำไมพวกเจ้าไม่มาช่วยข้าจัดการกับเหยี่ยวนภา”

 

 

ทุกคนลังเลไม่รู้ว่าพวกเขาควรเข้าไปช่วยดีหรือไม่แต่ว่าหลายคนก็ตัดสินใจเข้าไปช่วยสำนักเสวียนชิงแต่ทันทีที่พวกเขากำลังจะก้าวขา สายตาเย็นคู่หนึ่งก็กวาดมองพวกเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

 

 

“อย่าลืมคำพูดของพวกเขาก่อนหน้านี้ ถ้าเจ้าช่วยพวกเขา พวกเขาอาจจะคิดว่าเจ้าตั้งใจขโมยไข่ไปเพราะถึงอย่างไรสำนักเสวียนชิงก็เป็นพวกไร้เหตุผลอยู่แล้ว”

 

 

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ตั้งใจจะเข้าไปช่วยก็ถอยหลังทันทีที่ได้ยินคำพูดนาง นางพูดไม่ผิดจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสำนักเสวียนชิงคิดว่าเขาต้องการจะขโมยไข่ ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นการเสี่ยงชีวิตจัดการกับเหยี่ยวนภาแต่ไม่ได้อะไรตอบแทนก็ทำให้เขาตัดสินใจไม่ช่วย

 

 

ผู้อาวุโสจากสำนักเสวียนชิงใกล้จะโกรธจนเป็นบ้าเพราะคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาหวังว่าตัวเองจะผ่านางออกเป็นสองส่วนแต่ว่าแค่เขาต้องจัดการกับเหยี่ยวนภาเขาก็ไม่มีเวลาไปจัดการกับนางแล้ว

 

 

“ถ้าพวกเราไม่สังหารเหยี่ยวนภา ใครก็อย่าคิดจะได้ขึ้นเขาไป” ผู้อาวุโสกัดฟันแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเดือดดาล

 

 

นางเผยรอยยิ้มร้ายแล้วพูดขึ้น “ข้าค่อยโจมตีหลังจากพวกเจ้าถูกกำจัดหมดแล้ว”

 

 

“เจ้า…” ผู้อาวุโสตัวสั่นด้วยความโกรธ “เจ้าต้องการอะไรถึงจะยอมช่วย”

 

 

ชายแข็งแกร่งด้านหลังทรงพลังมากถ้าเขาช่วยอาจจะเอาชนะเหยี่ยวนภาได้

 

 

“สิ่งของที่มีค่าเท่าชีวิต ถ้าเจ้ามีของที่มีค่าเท่ากับชีวิตก็เอามันออกมาแลกเปลี่ยน แล้วข้าจะช่วยพวกเจ้า”

 

 

ผู้อาวุโสสำนักเสวียนชิงเกือบจะกระอักเลือด พวกเขารู้ดีว่าในบรรดาคนทั้งหมด มีแค่อวิ๋นลั่วเฟิงที่ช่วยพวกเขาได้