ตอนที่ 1474 เสี่ยวไป๋กลายเป็นคนสองหน้า (2) / ตอนที่ 1475 เสี่ยวไป๋กลายเป็นคนสองหน้า (3)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1474 เสี่ยวไป๋กลายเป็นคนสองหน้า (2)

 

 

พรรคอื่นๆ จะจัดการกับเหยี่ยวนภาตัวนี้ได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาอ่อนแอกว่าสำนักเสวียนชิง

 

 

“ข้ามีสมุนไพรอายุพันปี มันสามารถแลกเปลี่ยนได้กี่ชีวิต” ผู้อาวุโสกัดฟันขณะพูดเห็นได้ชัดว่าเขาโมโหกับการกระทำของอวิ๋นลั่วเฟิงมาก

 

 

“เจ้าคิดว่าสมุนไพรพันปีแลกเปลี่ยนได้กี่ชีวิตกันล่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงดวงตาเป็นประกาย “แต่ว่าข้าจะไม่ต่อรองราคากับเจ้า ส่งธำมรงค์มิติในมือเจ้ามาแล้วข้าจะช่วย”

 

 

“เจ้า…” สีหน้าของผู้อาวุโสซีดเผือด

 

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำหรับผู้ฝึกฌานในโลกนี้ สมบัติทั้งหมดของพวกเขาต้องอยู่ในธำมรงค์มิติ แล้วสตรีผู้นี้กำลังขอธำมรงค์มิติของพวกเขางั้นหรือ

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าโกรธจัดของเขา อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยิ้มบาง “เจ้าลองคิดเอาว่าธำมรงค์มิติหรือชีวิตเจ้าสำคัญกว่ากัน”

 

 

ผู้อาวุโสสองสามคนสูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ถอดธำมรงค์มิติออกมาแล้วโยนให้อวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

“พวกเรายกมันให้เจ้าแล้ว เจ้าช่วยพวกเราได้หรือยัง”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองผู้อาวุโสที่ถาม “ข้าขอตรวจสอบของก่อน”

 

 

ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ธำมรงค์มิติจะทำสัญญากับผู้ถือครองเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกขโมย นอกจากผู้ถือครองแล้ว ใครก็เอาของข้างในไปไม่ได้ แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนประหลาดใจจนพูดไม่ออก

 

 

นางส่งพลังจิตเข้าไปในแหวนเพียงนิดเดียว สัญญาเดิมของธำมรงค์มิติก็หายไปทันที จากนั้นนางก็โยนของที่ไร้ค่าออกจากแหวน

 

 

ผู้อาวุโสสองสามคนกระอักเลือดออกมาเพราะสัญญาโดนทำลาย สีหน้าของพวกเขาซีดลงไปถนัด การที่นางสามารถทำลายร่องรอยทางจิตของพวกเขาตรงๆ ได้นี่…

 

 

ความแข็งแกร่งของนางน่ากลัวขนาดไหนกัน

 

 

สำนักเสวียนชิงมาเจอสัตว์ประหลาดแบบไหนกันนี่

 

 

ชายชราสองสามคนก็เหมาะสมกับตำหน่งผู้อาวุโสสำนักเสวียนชิงเพราะของของพวกเขามีค่ามาก

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกสนใจธำมรงค์มิติของพวกเขาขณะส่งสายตาเย็นชาไปที่เหยี่ยวนภา จากนั้นนางก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หยุด!”

 

 

ไม่คิดว่าจะมีมนุษย์คนไหนกล้าตะโกนใส่มัน เหยี่ยวนภาจึงยิ่งเดือดดาล มันกระพือปีกเพื่อพุ่งมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

แต่ว่า…

 

 

ทันทีที่มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจากอวิ๋นลั่วเฟิง ร่างของมันก็ชะงักไป ดวงตาฉายแววหวาดกลัว

 

 

“เจ้าโง่หรือเปล่า” เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงทำแค่ตะโกนโดยไม่ทำอะไรอื่นอีก เขาก็ไม่สามารถกลั้นความโกรธไว้ได้แล้วพูดอย่างโมโหว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงคิดว่ามันจะหยุดตามที่เจ้าตะโกนออกคำสั่ง เจ้าสั่งให้ผู้คุ้มกันของเจ้าโจมตีมันเดี๋ยวนี้! พวกเราทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”

 

 

เขารู้สึกเสียใจมาก เสียใจที่ขอความช่วยเหลือจากคนโง่! เหยี่ยวนภาทรงพลังมาก แล้วมันจะเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์ได้อย่างไร น่าตลกเสียจริง!

 

 

แต่ว่าตอนที่เขากำลังสาปแช่งตัวเองในใจ วินาทีต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนตัวเองถูกตบหน้าอย่างแรงจนทำให้เขาตะลึงจนโง่งม เพราะว่า…เหยี่ยวนภาที่ตอนแรกเกรี้ยวกราดก็ถอนกลิ่นอายออกไปทันทีแล้วหยุดอยู่กับที่ สีหน้าที่มันมองอวิ๋นลั่วเฟิงแสดงถึงความหวาดกลัว

 

 

ทุกคนตะลึงจนโง่งม

 

 

นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

มนุษย์สามารถสั่งเหยี่ยวนภาได้อย่างไร

 

 

เหยี่ยวนภาไม่ได้สนใจความคิดของพวกเขา เขารู้แค่ว่ากลิ่นอายที่แพร่ออกมาจากสตรีสง่างามคนนั้นไม่ได้เป็นของมนุษย์

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1475 เสี่ยวไป๋กลายเป็นคนสองหน้า (3)

 

 

มีแค่สัตว์อสูรวิญญาณขั้นจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะมีกลิ่นอายแบบนี้…

 

 

แน่น่อนว่าเขาไม่รู้ว่ากลิ่นอายกดดันนี้ไม่ใช่ของอวิ๋นลั่วเฟิงแต่เป็นของหั่วหั่ว ความแตกต่างระหว่างสัตว์อสูรวิญญาณแต่ละระดับเห็นได้ชัดมาก และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่า พวกมันก็จะหยุดการโจมตี ไม่อย่างนั้นสิ่งที่รอพวกมันอยู่ก็มีความทรมานเท่านั้น!

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงมองเหยี่ยวนภาก่อนจะย้ายสายตาไปที่ซูจวิ้น นางใช้เสียงชั่วร้ายของตัวเองพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ได้ขอแหวนเจ้าก็เพื่อตอบแทนที่ในอดีตเจ้าช่วยเสี่ยวไป๋เอาไว้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าสำนักเสวียนชิงกล้ายั่วโมโหข้า ข้าจะทำลายสำนักเจ้าซะ!”

 

 

คำพูดของหญิงสาวทำให้หลินรั่วไป๋หวั่นไหว ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะไม่ฉลาดแต่นางก็ไม่ได้โง่

 

 

ครั้งนี้อวิ๋นลั่วเฟิงละเว้นซูจวิ้นก็เพื่อใช้หนี้บุญคุณแทนนาง ถึงแม้ว่านายหญิงของนางจะไม่ได้กลัวคนอื่นคิดไม่ดี แต่นางก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับบุญคุณ ถ้านางใช้หนี้บุญคุณที่นี่แล้ว ต่อให้ในอนาคตสำนักเสวียนชิงยังพยายามมาหาเรื่องนาง นางก็ไม่ต้องกลัวที่จะทำลายพวกเขา!

 

 

ซูจวิ้นมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าช่วย!”

 

 

“ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไรข้าก็ต้องตอบแทนที่ช่วยเสี่ยวไป๋” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแล้วหันหน้าไปหาเหยี่ยวนภา “พาข้าไปหาไข่ของเหยี่ยวนภา”

 

 

สีหน้าของซูจวิ้นเปลี่ยนไปทันที เขาพยายามลุกขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชา “ไข่เหยี่ยวนภาควรจะเป็นของข้า! เจ้าคิดว่าตัวเองจะขโมยมันไปได้หรือ!” เพื่อไข่ของเหยี่ยวนภา สำนักเสวียนชิงเสียยอดฝีมือไปหลายคนแล้วพวกจะยอมยกมันให้คนอื่นเฉยๆ ได้อย่างไร

 

 

“ข้าเป็นคนปราบเหยี่ยวนภา” อวิ๋นลั่วเฟิงหัวเราะเยาะ

 

 

ซูจวิ้นส่งเสียงขึ้นจมูก “เจ้ายอมรับค่าตอบแทนและทำงานเสร็จแล้ว สำนักเสวียนชิงของพวกเรามอบของล้ำค่าให้เจ้ามากมายเพื่อจ้างให้เจ้าจัดการกับเหยี่ยวนภา ส่วนเรื่องของที่ได้หลังการต่อสู้ก็ต้องเป็นของสำนักเสวียนชิง!”

 

 

“เช่นนั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ “ข้าแค่สัญญาว่าจะยอมช่วยชีวิตพวกเจ้าเท่านั้น ไม่ได้สัญญาอย่างอื่นอีก ถ้าเจ้าอยากจะได้ไข่ของเหยี่ยวนภา เจ้าก็ไปขอเหยี่ยวนภาเองสิ”

 

 

เมื่อเหยี่ยวนภาได้ยินคำพูดของนางก็ตวัดสายตาไปที่ซูจวิ้นและพรรคพวก ดวงตาดุร้ายของมันเข้มขึ้นเหมือนว่าพร้อมที่จะกระโจนเข้ามาฉีกพวกเขาออกเป็นพันๆ ชิ้น

 

 

“เจ้ามันหน้าไม่อาย!” ซูจวิ้นพูดขณะขบฟัน เขาลงแรงไปครึ่งวันแต่ผลประโยชน์กลับตกอยู่ในมือคนอื่น

 

 

“พวกเราไปกันเถอะ พาข้าไปที่รังเจ้า” อวิ๋นลั่วเฟิงเมินซูจวิ้นแล้วหันไปพูดกับเหยี่ยวนภา

 

 

เหยี่ยวนภาเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็หันหน้าพาอวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นเดินลึกเข้าไปในป่า ภายในป่า รังของเหยี่ยวถูกสร้างขึ้นระหว่างต้นไม้สองต้น ไข่ใบใหญ่ของมันอยู่ในรังขณะที่มีเหยี่ยวนภาจำนวนมากล้อมบริเวณเอาไว้…

 

 

ถึงแม้พวกมันจะแข็งแกร่งไม่เท่าหัวหน้าฝูงที่พวกนางเจอ แต่พวกมันก็เป็นสัตว์อสูรวิญญาณขั้นราชันปราชญ์กันหมด ไข่ของเหยี่ยวนภาที่ถูกเหยี่ยวนภาจำนวนมากปกป้องต้องไม่ใช่ไข่ธรรมดาแน่นอน

 

 

เสี่ยวโม่เงียบไปชั่วครู่แล้วก็พูดขึ้นมา “นั่นเป็นไข่ของราชาเหยี่ยวนภา”

 

 

ราชาเหยี่ยวนภา?

 

 

คำนี้ทำให้ทุกคนที่ได้ยินตะลึงส่วนคนจากสำนักเสวียนชิงก็รู้สึกเสียดาย พวกเขาเสียดายมากจนท้องไส้ปั่นป่วน นี่ไม่ใช่แค่ไข่เหยี่ยวนภาธรรมดา แต่เป็นไข่ของราชาเหยี่ยวนภา! ถ้าพวกเขาไม่ได้ขอให้อวิ๋นลั่วเฟิงช่วยไข่ใบนี้คงเป็นของพวกเขา

 

 

ซูจวิ้นกำหมัดด้วยความเกลียดชัง ทันทีที่เขาไป เขาก็เหลือบเห็นเสี่ยวโม่และเสี่ยวไป๋กำลังกระชิบกระซาบกัน และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาเดือดดาล ซูจวิ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้าได้ไข่เหยี่ยวนภาไปแล้ว เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์เอาสมบัติอื่นๆ ในภูเขาอ้ายอีก!”