ตอนที่ 933 ทนกลิ่นขยะไม่ไหว

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ในขณะที่เฝิงจิ้งเห็นท่าทีของคุณนายหลี่ ริมฝีปากของเธอแอบยกขึ้นน้อยๆ เธอเชื่อว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนถูกหาว่าผลักลูกของตัวเองเข้ากองไฟ

 

 

ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าจริงๆ แล้วหลินเฉี่ยนเป็นคนอย่างไร พวกเขายังจะอนุญาตให้ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับเธออีกหรือ

 

 

เมื่อเธอมองสีหน้าเจ็บปวดของหลินเฉี่ยน เฝิงจิ้งรู้สึกถึงความสำเร็จ เธอต้องการทำให้อีกฝ่ายรู้ซึ้งถึงการไม่เชื่อฟังแม่ของตัวเอง ถึงต้องสูญเสียทุกอย่างเช่นนี้

 

 

ในขณะเดียวกันตระกูลหลี่จ้องมองเฝิงจิ้งโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ เฝิงจิ้งได้แต่คิดว่าพวกเขาคงโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

 

 

และเธอคิดถูก พวกเขาโกรธ หากแต่ต้นเหตุของความโกรธนั้นผิดกับที่เธอคิดเอาไว้มากโข

 

 

“เฉี่ยนเฉี่ยน ตอนนี้ไหนๆ เรื่องก็มาถึงจุดนี้แล้ว แม่ว่าลูกควรกลับบ้านกับแม่นะ” เฝิงจิ้งเอ่ยพลางลุกขึ้น แต่ทว่าคุณนายหลี่กลับวางมือบนต้นขาของหลินเฉี่ยนให้เธอนั่งลงเหมือนเดิม ก่อนปรายตามองเฝิงจิ้งอย่างเย็นชา

 

 

“คุณเฝิง วันนี้คุณทำให้ฉันตาสว่างจริงๆ ค่ะ…

 

 

“เสือมันยังไม่กินลูกของตัวเองเลย แต่คุณกลับมีหน้ามาหักหลังลูกสาวของตัวเองได้หน้าตาเฉย”

 

 

เฝิงจิ้งหันกลับไปมองคุณนายหลี่อย่างไม่ค่อยเข้าใจจุดยืนของอีกฝ่าย

 

 

คุณนายหลี่หัวเราะและเปิดเสียงที่บันทึกบทสนทนาทั้งหมดเอาไว้ในโทรศัพท์ “คุณนี่มันน่าขยะแขยงอย่างไม่น่าเชื่อเลย!”

 

 

พูดจบคุณนายหลี่ก็ลุกขึ้นและดันตัวหลินเฉี่ยนไปหาหลี่จิน “อยู่ด้านข้างไว้นะจ๊ะ มีหนูอยู่ข้างๆ ป้าแผลงฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่”

 

 

เมื่อหลี่จินได้ยินดังนั้น เขารีบพาหลินเฉี่ยนกับคุณพ่อหลี่ไปที่นั่งโซฟาในพื้นที่พักผ่อน ทิ้งให้คุณนายหลี่จัดการกับเฝิงจิ้งเพียงลำพัง

 

 

“ก่อนอื่นเลยนะ คุณบอกว่ามาที่นี่เพื่อยกเลิกงานแต่งงานของเฉี่ยนเฉี่ยนแทนเธอ แต่ฉันอยากจะถามกลับว่าคุณมีสิทธิ์อะไรไปทำอย่างนั้นคะ คุณเฝิง อย่าบอกว่าเพราะสายเลือดเดียวกันนะคะ อย่างนั้นฉันจะพาหลินเฉี่ยนบินไปต่างประเทศเพื่อเปลี่ยนพันธุกรรมของเธอไม่ให้เหลือเค้าเดิมเสียพรุ่งนี้เลย คุณบอกว่าคุณเป็นแม่ของเธอเหรอ งั้นเราขอไม่ยอมรับแล้วกันนะคะ…

 

 

…คุณทำตัวแย่ๆ จนถูกเศรษฐีรวยๆ ทิ้งแล้วยังไม่สามารถรักษาคนรักของตัวเองไว้ได้อีก แต่อย่างน้อยคุณก็แย่งรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมมาจากคนอื่นได้และไม่ได้ขี้แพ้เกินไปนัก แต่ว่าฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องเที่ยวป่าวประกาศกับใครต่อใครว่าตัวเองถูกข่มขืน ภูมิใจนักหรือยังไงคะ ตอนที่พ่นคำพูดพวกนี้ออกจากปากไม่รู้สึกอับอายบ้างเลยเหรอ ฉันล่ะนับถือคุณจริงๆ …

 

 

“ทำไมคนจัดงานเฟยเทียนถึงไม่ให้รางวัลน่าอัปยศอดสูยอดเยี่ยมให้คุณซะเลยละคะ…

 

 

“อีกอย่างที่ฉันพูดถึงเรื่องความอาวุโส ฉันไม่ได้พูดถึงเฉี่ยนเฉี่ยน ฉันกำลังพูดถึงคุณต่างหาก นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมผู้มากความสามารถที่ทั้งพรากผู้เยาว์จนขโมยลูกชายของคนอื่นขึ้นเตียงของตัวเอง คุณนี่มันร้ายกาจเกินจะทนจริงๆ! …

 

 

“สุดท้าย คุณพูดถูกค่ะ คุณไม่ดีพอกับตระกูลหลี่จริงๆ นั่นแหละค่ะ คนไร้ค่าอย่างคุณไม่ควรโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นเป็นครั้งที่สองด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นบันทึกเสียงในมือฉันได้กลายเป็นเรื่องให้คนอื่นหัวเราะเยาะแน่”

 

 

คุณนายหลี่ระเบิดความกรุ่นโกรธออกมาราวกับประทัด ดูถูกเหยียดหยามอีกฝ่ายจนเฝิงจิ้งหน้าดำหน้าแดงไปหมด

 

 

ต่อให้เธอยอมรับว่าตัวเองหน้าไม่อายแต่ก็ยังรู้สึกขายหน้าเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้…

 

 

ทว่าคุณนายหลี่ไม่จบแค่นี้ เธอเดินตรงไปหาอีกฝ่ายและก้มมองอย่างใช้ประโยชน์จากส่วนสูงที่มากกว่า

 

 

“ถ้าคุณไม่ต้องการเฉี่ยนเฉี่ยน ฉันจะดูแลเธอเอง…

 

 

“ฉันไม่อยากได้ยินคำพูดชั่วช้าของคุณอีก…

 

 

“เธออยู่ที่นี่ในฐานะลูกสะใภ้ของฉัน ถ้าใครกล้ามาทำลายภาพลักษณ์ของเธอหรือปล่อยข่าวมั่วๆ ฉันจะทำให้พวกเขารู้ซึ่งถึงอำนาจของฉันในฐานะภรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐเอง…

 

 

“ถ้าคุณมีสมองก็อยู่ให้ห่างเท่าที่จะทำได้ซะนะคะ ถ้าฉันรู้ว่าคุณมาข่มขู่หลินเฉี่ยนอีก ฉันจะแฉเรื่องทุกอย่างในอดีตของคุณกับคนภายนอกแน่”

 

 

สิ้นประโยค คุณนายหลี่ผลักเฝิงจิ้งออกไปให้พ้นทาง

 

 

“นังเศษสวะ คุณมีแต่ทำให้มือของฉันสกปรก”

 

 

จากนั้นจึงเอ่ยกับคนทั้งสามที่นั่งอยู่ด้านข้าง “ไปกันเถอะ ฉันทนกลิ่นขยะไม่ไหวแล้ว”

 

 

คุณพ่อหลี่มองหลี่จินและหลินเฉี่ยนก่อนที่ทั้งสามจะลุกขึ้นจากโซฟา

 

 

คุณนายหลี่ดันเฝิงจิ้งออกห่างและเข้าไปคว้าตัวหลินเฉี่ยน ทั้งสองคนดูเหมือนกับเป็นแม่ลูกกันจริงๆ ความพยายามของเฝิงจิ้งในการทำให้พวกเขาแตกคอกันไม่มีความหมายแต่อย่างใด

 

 

เฝิงจิ้งถูกเยาะเย้ย ยิ่งไปกว่านั้นคุณนายหลี่ยังอัดเสียงของเธอเอาไว้อีก เธอโกรธจนเกือบจะทำให้โต๊ะตรงหน้าพังเป็นชิ้นๆ ในขณะที่เธอมองทั้งครอบครัวเดินจากไป

 

 

“กล้าดียังไงมาหลอกฉัน! คอยดูไปเถอะว่าฉันจะทำอะไรได้บ้าง!”

 

 

 

 

หลังจากทั้งสี่คนก้าวขึ้นรถ น้ำตาของหลินเฉี่ยนเริ่มไหลทะลักออกมา เธอปวดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

 

เมื่อหลี่จินเห็นดังนั้น เขาเข้าไปช่วยเธอเช็ดน้ำตาทันที “เรื่องกำลังไปด้วยดี อยู่ๆ ทำไมคุณร้องไห้ออกมาล่ะครับ”

 

 

“ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับมันเลยค่ะ…” หลินเฉี่ยนสะอื้นไห้

 

 

“โถ่ เด็กน้อย อย่าคิดมากสิจ๊ะ ตลอดหลายปีฉันผ่านเรื่องมาทุกอย่างแล้ว หนูคิดว่าฉันจะสู้กับนังเศษสวะนั่นไม่ได้เหรอ ไม่ต้องห่วงนะ ป้าของหนูคนนี้ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่ายๆ หรอกจ้ะ”

 

 

“แม่ของผมเคยเป็นเนตรนารีมาก่อนนะ ไม่ต้องคิดมากแล้วก็ปล่อยให้แม่ปกป้องคุณเถอะ ไม่อย่างนั้นแม่จะรู้สึกเบื่อเกินไปน่ะสิ!”

 

 

เดิมทีหลินเฉี่ยนกำลังร้องไห้อยู่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้เธอก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้

 

 

“ขอบคุณที่ปกป้องฉันนะคะ”

 

 

เธอจะจดจำว่าตระกูลหลี่ดีกับเธอแค่ไหนไว้ตลอดไป ในเวลาเดียวกันเธอก็จะไม่ยั้งมือในการตอบโต้เฝิงจิ้งกลับเช่นกัน

 

 

สำคัญไปกว่านั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เธอเข้าใจสิ่งหนึ่งขึ้นมา มีบางอย่างที่เธอต้องทำให้จบด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นเฝิงจิ้งจะต้องไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปเพราะความหน้าด้านหน้าทนเกินบรรยายของเธอ

 

 

การพบกันครั้งนี้ทำให้หลินเฉี่ยนเข้าใจว่าตระกูลหลี่ปกป้องเธอมากเพียงไหน และยิ่งทำให้เธอมุ่งมั่นที่จะช่วยลัวอิงหงมากขึ้น

 

 

เมื่อได้ยินว่าคุณนายหลี่พูดจาฉีกหน้าเฝิงจิ้งไม่เหลือชิ้นดี ถังหนิงแทบจะตบมือและไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี นี่คือพลังอำนาจและความกล้าหาญที่เธอต้องการเห็น

 

 

“พี่หนิง…ฉันคิดว่าถึงเวลาที่เฝิงจิ้งต้องชดใช้ในสิ่งที่เธอทำแล้วล่ะค่ะ”

 

 

ถังหนิงมองหลินเฉี่ยนด้วยสายตาเฉียบคม

 

 

“ค่อยๆ ลงมือเถอะ เธอจะได้หนีไปไหนไม่รอดอีก”

 

 

ในขณะที่ถังหนิงพูดเช่นนี้ เธอได้ปูทางให้กับลัวอิงหงไว้เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่ามันเป็นการทำลายเฝิงจิ้งไปในพร้อมๆ กัน ด้วยความสำเร็จของลัวอิงหงย่อมหมายถึงความพ่ายแพ้ของเฝิงจิ้ง

 

 

“คุณวางแผนทุกอย่างไว้แล้วเหรอคะ”

 

 

ถังหนิงกวักมือเรียกหลินเฉี่ยนก่อนเริ่มอธิบายแผนของเธอ

 

 

หลังได้ยินสิ่งที่ถังหนิงพูด หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ ที่เธอเชื่อถังหนิงและยินดีที่จะทำงานอยู่ข้างๆ เพราะอีกฝ่ายใส่ใจรายละเอียดในทุกอย่างที่ทำทั้งยังมองการณ์ไกลอีกด้วย ทำให้ยากที่จะไม่เชื่อมั่นในตัวเธอ

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ…”

 

 

หลังการฝึกฝนอันหนักหน่วงทั้งสี่สิบห้าวัน ถังหนิงจัดการให้ลัวอิงหงปรากฏตัวที่โรงยิม ร้านหนังสือ สนามกอล์ฟ สนามเทนนิส และคลินิกเสริมความงามที่มีระดับ

 

 

และทุกครั้งที่ปรากฏตัว เธอมักดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้อย่างไม่รู้ตัว ด้วยความเปลี่ยนแปลงของเธอและรูปแบบชีวิตที่หันมาใส่ใจสุขภาพนั้นได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ

 

 

ก่อนที่จะเซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดีย ลัวอิงหงเป็นเพียงหญิงสูงวัยที่มีชีวิตขมขื่น ด้วยกาลเวลาที่ผ่านเลยไป เธอกลายเป็นเพียงแม่บ้านแก่ๆ ร่างกายซูบผอม

 

 

ไม่เหมือนนักแสดงแม้แต่น้อย

 

 

อย่างไรก็ตามหลังเซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดีย เธอได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเอง ทิ้งชีวิตเดิมๆ และเริ่มใช้ชีวิตแบบใหม่

 

 

เธอกลับมาใช้ชีวิตอย่างใส่ใจสุขภาพ เข้าร่วมงานสังคมที่ดูดีมีระดับมากมาย และแทบจะใช้ชีวิตราวกับมันเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง

 

 

เมื่อเห็นดังนั้นคนอื่นๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม ต่อให้เธอไม่ได้เป็นนักแสดงอีก ลัวอิงหงก็ยังคงสามารถกลายเป็นศิลปินได้เพราะความสามารถที่มีมาแต่เดิมของเธอ