ณ จักรวรรดิฟูซี

ใจกลางเมืองหลวง

ต้องขอบคุณกฎเหล็กอันแสนเด็ดขาดของจักรพรรดินีเวโรน่า ทำให้หลังจบสงคราม ทุกอย่างที่นี่จึงสามารถกลับคืนสู่ความเป็นระบบระเบียบได้อย่างรวดเร็ว

ภายในห้องอาหารลอยฟ้าที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากที่สุดในจักรวรรดิ

แบรี่นั่งอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง เบื้องหน้าเขาถูกจัดวางไว้ด้วยอาหารอร่อยๆ ทั่วโต๊ะ

“ขอสรรเสริญเหล่าทวยเทพที่ได้สร้างโลกดีๆ แบบนี้ทิ้งเอาไว้!”

“บาร์บีคิวมันอร่อยจริงๆ”

“เฮ้บริกร แล้วอาหารจานนี้เรียกว่าอะไร? ช่างมันเถอะ ไม่อยากรู้แล้ว แต่เอามาเสิร์ฟให้ฉันอีกจานก็พอ”

“อืม…ซุปถ้วยนี้ซดแล้วรู้สึกสดชื่นดีจริงๆ”

“ถ้าฉันได้กินอาหารดีๆ แบบนี้ทุกวัน สาบานเลยว่าในชีวิตนี้ ฉันจะไม่ไปล่ามอนสเตอร์เอกภพกินอีกแล้ว”

“ช่วยเสิร์ฟซุปให้ฉันอีกจานด้วยนะ”

ขณะกำลังรับประทาน เขาก็เอ่ยชมออกมาไม่ขาดปาก

หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เสี่ยวเหมียวได้ลุกจากโต๊ะไปก่อนแล้ว

เธอเช็ดปากเบาๆ และทิ้งผ้าผืนนั้นไว้ เร่งรุดออกไปอย่างอดใจรอไม่ไหว

เนื่องจากเทพธิดากงเจิ้งได้แนะนำสถานที่ดีๆ เอาไว้หลายแห่ง ดังนั้นพออิ่มท้อง เสี่ยวเหมียวจึงรีบไปด้วยความตื่นเต้นทันที

สุดท้ายเลยเหลือแบรี่ที่นั่งอยู่ลำพัง และยังคงกินไม่หยุดมาเป็นเวลายาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว

และเนื่องจากที่นี่เป็นห้องส่วนตัวที่แยกต่างหากออกมา มันเลยไม่มีใครเข้ามารบกวนเวลาอาหารของเขา แต่ที่ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ จริงๆ แล้วก็เพราะ…

เจ้าของร้านอาหารและพนักงานได้รับการแจ้งล่วงหน้าเอาไว้แล้ว

พวกเขาได้รับแจ้งว่าจะมีสองมืออาชีพที่น่านับถือมารับประทานอาหารในร้านแห่งนี้

ดังนั้น ส่งผลให้แม้จะได้เห็นแบรี่ที่เอาแต่กินไม่หยุดมาเป็นเวลายาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม พนักงานเสิร์ฟก็ยังพอสามารถทำความเข้าใจได้

เพราะมืออาชีพน่ะมักจะแตกต่างจากคนปกติทั่วไป การที่เขาจะสามารถกินอาหารได้อย่างมหาศาลมันจึงไม่น่าแปลกใจอะไร

พนักงานนำอาหารจานใหม่มาเสิร์ฟให้แบรี่ และเก็บจานอาหารเดิมกลับไปอย่างคล่องแคล่ว

การเคลื่อนไหวของเขาช่างกระฉับกระเฉง แต่ขณะเดียวกันก็นุ่มนวล ไม่เป็นการรบกวนการรับประทานของแบรี่เลย

อย่างไรก็ตาม แบรี่ที่กำลังสวาปามอาหารอย่างมีความสุข ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจกับการกระทำเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้

เศษอาหารที่เหลือจะถูกส่งไปยังสถานที่ทำความสะอาดตามขั้นตอนปกติ และจัดเก็บเอาไว้อย่างเรียบร้อย

ซึ่งมันจะยังไม่ถูกทำความสะอาดในทันที แต่จะทำการชะล้างและฆ่าเชื้อในทีเดียวหลังเวลาร้านปิด

เพราะที่แห่งนี้มีเครื่องทำความสะอาดอัตโนมัติ ดังนั้นกระบวนการทำความสะอาดจึงเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องมาคอยล้างจานตลอดเวลาแต่อย่างใด

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ในที่สุดแบรี่ก็เติมเต็มกระเพาะของเขาจนอิ่มสักที

เขากวักมือเรียกพนักงาน และยื่นบัตรให้อีกฝ่าย

“ระหว่างกิน ถึงจะไม่สนใจ แต่ฉันก็เห็นถึงความใส่ใจที่นายมีต่อลูกค้านะ เพราะงั้นเอานี่ไป แล้วอย่าลืมรวมค่าทิปเล็กๆ น้อยๆ ไปด้วยล่ะ” เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา

พนักงานเสิร์ฟยิ้ม และรีบไปทำการชำระเงินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยื่นสองมือออกไป ส่งบัตรคืนให้แก่แบรี่

“ท่านครับ บิลได้รับการชำระเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของท่านในครั้งนี้ ถ้าเป็นไปได้ คราวหน้าพวกเราขอเชิญท่านมาใช้บริการอีกนะครับ” พนักงานกล่าวด้วยความเคารพ

แบรี่พยักหน้า เขารับบัตร และเดินออกจากห้องอาหารด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

เมื่อท้องอิ่ม จากนั้นเขาก็จะไปยังกาสิโน และอยู่ที่นั่นจนกว่าจะถึงเที่ยงคืน!

หลังจากสนุกไปกับการเล่นพนัน เขาตั้งใจที่จะไปต่อที่บาร์เพื่อดื่มเหล้าฆ่าเวลาให้ผ่านพ้นไป

อืม นี่ช่างเป็นแผนการใช้วันหยุดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!

หลังจากที่แบรี่ออกจากห้องอาหาร

เฝ้ารอจนกระทั่งแน่ใจว่าเขาได้ไปถึงกาสิโน และเบนสมาธิไปกับการเล่นพนันแล้ว

สองบริกรก็เร่งตรงไปยังเครื่องล้างจานทันที และทำการเลือกบางจานที่ดูพิเศษออกไปจากทั้งหมดหลายร้อยจานอย่างระมัดระวัง

ซึ่งจานพิเศษที่ว่า คือจานที่ถูกใช้โดยแบรี่กับเสี่ยวเหมียวนั่นเอง

สองบริกรทำการเคลื่อนย้ายมันอย่างรวดเร็ว

จานที่ถูกใช้โดยแบรี่กับเสี่ยวเหมียว ถูกส่งไปบรรจุในกล่องผนึกขนาดใหญ่

ขณะเดียวกัน ตรงด้านหลังของห้องอาหาร ก็มีรถขนส่งเครื่องเคียงและอาหารทะเลกำลังจอดรออยู่เป็นเวลานานแล้ว

กล่องผนึกถูกส่งต่อเข้าไปในคลังบรรทุกสินค้า

จากนั้นรถขนส่งก็เริ่มเดินเครื่อง และมุ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ขับไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงเขตชานเมืองของจักรวรรดิจึงค่อยหยุดลง

มันคือสถานที่สำหรับทำการจัมป์มิติ

หลังจากเกิดการขยายตัวครั้งใหญ่ของผืนโลก เทพธิดากงเจิ้งก็ได้ทำการก่อตั้งศูนย์อพยพเอาไว้ใกล้กันกับเมืองของมนุษย์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกเขา ในการจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ

กล่องผนึกถูกยกออกจากคลังสินค้า และส่งผ่านเครื่องจัมป์ตรงจุดนี้

โดยไม่มีใครรู้ว่ามันจะถูกส่งไปที่ไหน

นอกเสียจาก…

ลึกเข้าไปในป้อมปราการดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า บนจอม่านแสงขนาดใหญ่ กำลังฉายถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

“เริ่มกระบวนการคัดแยกน้ำลายที่เหลือ”

“หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการคัดแยกทั้งยี่สิบห้าขั้นตอน ผลปรากฏว่า ผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวเหมียวไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้บนโต๊ะอาหารเลย สามารถเก็บได้แค่น้ำลายของผู้ชายที่ชื่อแบรี่เท่านั้น”

“เริ่มต้นการสกัดเซลล์จากน้ำลาย”

“การสกัดล้มเหลว”

“การสกัดล้มเหลว”

“การสกัดล้มเหลว”

“การสกัดประสบความสำเร็จ!”

“เซลล์ได้รับการประมวลผล เริ่มทำการสกัดดีเอ็นเอที่สอดคล้องกัน”

“ได้รับดีเอ็นเอผู้ชายจากที่ชื่อแบรี่ แล้ว”

“พิจารณาจากความแข็งแกร่งของเขา ผลสรุปว่าเป็นตัวอย่างสำคัญ ทำการจัดส่งไปเก็บยังธนาคารยีน”

“เริ่มกระบวนการวางแผนการขั้นที่สอง”

“ปฏิบัติการจัดเก็บยีนของผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวเหมียว เริ่ม ณ บัดนี้!”

อีกด้านหนึ่ง

บนถนนที่ดูวุ่นวาย

ภายในร้านเสื้อผ้า

ตั้งแต่ที่เสี่ยวเหมียวเดินเข้ามาในร้าน เธอก็ลองเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งแต่หัวจรดเท้า บนไหล่ที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้ก็สะพายไว้ด้วยกระเป๋าใบเล็กน่ารัก

เธอหยิบลิปสติกขึ้นมาจากมัน และทาอย่างระมัดระวังเบื้องหน้ากระจก

เจ้าตัวยิ้มด้วยความพึงพอใจ

“ช่วยห่อเจ้านี่ ตรงนี้ และก็อันนี้ใส่ถุงให้ฉันด้วย ฉันต้องการมันทั้งหมดเลย” เธอชี้ไปยังเสื้อผ้าหลายตัวที่พึ่งลองใส่ไป

“ค่ะคุณผู้หญิง ทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งแสนสองหมื่นแปดพันแต้มเครดิตนะคะ” พนักงานขายกล่าว

เสี่ยวเหมียวยื่นบัตรออกไป

พนักงานขายรับบัตรมา และเริ่มชำระเงิน

เสื้อผ้าถูกห่อและเก็บใส่ถุงอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากได้ทำการเลือกซื้อสินค้าไปมากมาย ส่งผลให้เสี่ยวเหมียวได้กลายเป็นลูกค้าวีไอพีของแบรนด์นี้ทันที แถมยังได้รับบัตรวีไอพีแถมเพิ่มมาอีกด้วย

เธอรับบัตรวีไอพี และโยนมันเข้าไปในมิติห้องเสื้อพร้อมกันกับชุดใหม่ของเธอโดยตรง

ในตอนที่เสี่ยวเหมียวอายุได้สิบเอ็ดปี เจ้าตัวก็มีพลังถึงขั้นสามารถเปิดพื้นที่มิติพิเศษ ไว้ใช้สำหรับเป็นห้องเก็บเสื้อผ้าส่วนตัวได้แล้ว

แต่น่าเสียดาย ที่ภายในห้องมีเสื้อผ้าอยู่เพียงแค่ไม่กี่ชุดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เวลานี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…

“ห้องมิติเก็บเสื้อจะเต็มเสียแล้ว นี่มันน่ารำคาญจริงๆ” เสี่ยวเหมียวบ่นพึมพำ

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่น้ำเสียงของเธอกลับไม่เผยถึงร่องรอยรู้สึกทุกข์ใจใดๆ เลย

“ช่างมันเถอะ เอาไว้เดี๋ยวค่อยเปิดพื้นที่มิติที่สองเพิ่มทีหลังก็แล้วกัน”

เสี่ยวเหมียวเอียงศีรษะของเธอ คิดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับมัน และตัดสินใจอย่างมีความสุข

“คุณผู้หญิง ชำระเงินเสร็จสิ้นแล้ว นี่บัตรของคุณค่ะ”

พนักงานขายยื่นสองมือส่งบัตรคืนให้แก่เสี่ยวเหมียวด้วยความนอบน้อม

เสี่ยวเหมียวรับบัตรมา และเสียบมันเก็บใส่กระเป๋าเล็กๆ ที่สะพายไว้ข้างกายอย่างระมัดระวัง

ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา เพราะด้วยบัตรใบนี้มันทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตได้ดั่งราชินีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่จำเป็นต้องฝากบิลหรือติดหนี้คนอื่นทิ้งเอาไว้ ดังนั้นการที่เธอเก็บมันไว้อย่างระมัดระวังจึงสมเหตุสมผลแล้ว

แถมพนักงานขายก็ต้อนรับเธอเป็นอย่างดี ทุกคนแสดงออกถึงความสุขและเต็มใจให้บริการ เพื่อให้ตลอดทั้งกระบวนการช็อปปิ้งเป็นไปอย่างสะดวกสบายและน่าพึงพอใจ

การที่ได้ใช้จ่ายเงิน ไม่ใช้หนี้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษจริงๆ

ย้ำอีกครั้งนะ ว่านี่คือการจ่ายเงินจริงๆ ไม่ใช่เป็นหนี้!

มันคือการจ่ายเงินจริงๆ!!

เสี่ยวเหมียวรู้สึกว่าเธอได้ตกหลุมรักโลกใบนี้เสียแล้ว

เจ้าตัวเดินออกจากร้านขายเสื้อผ้า และมองหาร้านช็อปปิ้งร้านต่อไป

ตลอดเส้นทาง คู่มือช็อปปิ้งของเทพธิดากงเจิ้งมีประโยชน์มากจริงๆ มันช่วยให้เสี่ยวเหมียวได้เพลิดเพลินไปกับการช็อปปิ้งได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุดเลย

และถ้าดูจากคู่มือการช็อปปิ้งของเทพธิดากงเจิ้ง สถานที่ต่อไปของเสี่ยวเหมียวก็คือ…

‘หนึ่งในร้านออกแบบทรงผมส่วนบุคคลที่ติดอันดับหนึ่งในสามของโลก’

ไม่นานนัก เสี่ยวเหมียวก็เดินมาหยุดอยู่หน้าร้าน

เธอเงยหน้าขึ้นไปมองป้ายโฆษณา

บนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เป็นรูปของผู้หญิงที่มีหน้าตางดงาม เธอกำลังเผยรอยยิ้มสดใสและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

“มันคงจะไม่ใช่การแปลงโฉมหรือศัลยกรรมใบหน้าหรอกนะ” เสี่ยวเหมียวเอ่ยถามด้วยความกังวล

“โปรดมั่นใจ สถานที่นี้ไม่ใช่แบบนั้น”

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น “ตระกูลเจ้าของร้านแห่งนี้ เป็นตระกูลที่เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก อย่างเช่นเรื่องการบำรุงรักษาผิวพรรณ คุณสามารถสปาผิวให้ชุ่มชื้น ขัดผิวให้ขาวผ่องนุ่มนวล และหลังจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญในการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์กว่าหกคนจะช่วยกันออกแบบทรงผมและภาพลักษณ์ใหม่ให้แก่คุณ”

เสี่ยวเหมียวพอได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาสัมผัสลงบนใบหน้าของตัวเอง

จริงสิ เธอจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองบำรุงผิวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

แล้วผมของเธอ มันก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีเวลาที่จะตัดมันเลย

มันกี่วันมาแล้วกันนะ…

เสี่ยวเหมียวก้าวเข้าไปข้างใน

“ยินดีต้อนรับค่ะ!”

“โอ้! คุณคงจะเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ได้ทำการนัดหมายไว้ใช่ไหมคะ กรุณาตามดิฉันมาได้เลย”

สองชั่วโมงต่อมา

เทพธิดากงเจิ้งก็ได้รับเส้นผมของเสี่ยวเหมียวมาในที่สุด

“ได้รับยีนของผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวเหมียวมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

“พิจารณาจากความแข็งแกร่งของเธอ ผลสรุปว่าเป็นตัวอย่างสำคัญ ทำการจัดส่งไปเก็บยังธนาคารยีน”

“โครงการวิจัยรวบรวมยีนชั้นเลิศของผู้หญิง เริ่มกระบวนการเพาะเลี้ยง และทดสอบในครั้งที่หนึ่ง”

“โครงการการจัดเก็บรวบรวมยีนยังคงดำเนินต่อไป”

“เริ่มทำการสกัดตัวอย่างยีนจากบุคคลสำคัญทั้งหมดในโลก”

“ยีนของเก้าตระกูลใหญ่ ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว”

“จากการวิเคราะห์ พิจารณาว่ายีนของตระกูลเมดิซี มีลักษณะที่ค่อนพิเศษออกไป”

“ขั้นตอนที่สามของแผนการ ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นแล้ว”

“ในไม่ช้า แผนปฏิบัติการจัดเก็บยีนของตระกูลเมดิซี จากจักรพรรดินีเวโรน่า กำลังจะเริ่มขึ้น”

“เริ่มปฏิบัติการได้!”

………………………………….