ช่วงกลางดึก

บริเวณพื้นที่ราบสูงที่ยากจะเข้าถึง

ทิวทัศน์โดยรอบ เป็นเทือกเขาที่ถูกคั่นกลางไว้ด้วยทะเลสาบ

อย่างไรก็ตาม กลับปรากฏถึงเมฆที่ทะมึนยิ่งกว่าความมืดในยามค่ำคืน ปกคลุมไปตลอดทั้งทะเลสาบ

ประกายสายฟ้าหยดย้อยลงจากก้อนเมฆ และยังคงผ่าลงสู่ทะเลสาบอย่างต่อเนื่อง

หากมองจากระยะไกล จะเห็นเหมือนกับว่ามีเส้นสายสีไข่มุกร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า กลมกลืนแลดูงดงามไปกับฉากหลังในยามค่ำคืน

อย่างไรก็ตาม เมื่อไข่มุกเหล่านั้นตกลงสู่ทะเลสาบ พวกมันจะแตกกระจาย และกลายเป็นงูสายฟ้าเส้นเล็กๆ วิ่งไปคนละทิศทางทันที

ระหว่างสวรรค์และโลก บังเกิดเสียงระเบิดแล้วระเบิดเล่าของสายฟ้า ดังก้องไปทั่วบริเวณ

ขณะเดียวกัน ประกายแสงจากสายฟ้าก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

ทัณฑ์สายฟ้าดั่งดวงดาราสุกสกาวจากทุกทิศทาง ร่วงโรยลงมายังทะเลสาบ

ท่ามกลางแสงสะท้อนจากทะเลสาบ สวรรค์และโลกถูกเติมเต็มไปด้วยประกายแสงสายฟ้า

โดยใจกลางของสายฟ้าทั้งหมด ใจกลางทะเลสาบใหญ่ ปรากฏให้เห็นถึงผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์คนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น

มนุษย์คนนั้นกำลังโบกสะบัดดาบยาวในมือของเขา โขกสับเข้าใส่สายฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด ที่กำลังโถมลงมา

ผู้ฝึกยุทธ์กำลังปกป้องตนเอง โดยการใช้สองดาบที่กุมอยู่ในมือ ปัดป้องการโจมตีจากสายฟ้าเสียงคำรามของสายฟ้าดำเนินเช่นนี้ต่อไปอีกกว่าหนึ่งชั่วยาม จนในที่สุดมันก็ค่อยๆ สลายหายไป

อย่างไรก็ตาม สวรรค์และโลกยังมิได้กลับคืนสู่ความสงบ

ลมทะเลสาบเริ่มกรรโชกรุนแรง

เสียงหวีดหวิวของสายลม และเสียงกรีดร้องของการดำรงอยู่ที่ไม่ทราบชนิดมากมาย ค่อยๆ ย่างกรายเข้ามาเยือนโลกใบนี้

สักพักหนึ่ง  เสียงหอนและกรีดร้องใคร่ครวญก็ดังขึ้นจนฟังชัด

ทุกชนิดของสิ่งมีชีวิตในโลกปีศาจและโลกภูตผี เริ่มปรากฏกายขึ้นในสายลม

เจตนาฆ่าพวยพุ่งออกมาจากทุกทิศทาง

ภูตผีปีศาจนับสิบรายล้อมผู้ฝึกยุทธ์เพียงหนึ่งจากทุกสารทิศ

ทว่ากลับเห็นแค่เพียงเจ้าตัวประสานกำปั้น ผุดรอยยิ้มออกมา และเอ่ยอะไรบางอย่างกับในความว่างเปล่า

หากผู้ใดก็ตามในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์มาเห็นถึงฉากนี้ พวกเขาคงจะเกิดความประหลาดใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เพราะในการยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตพันวิบัติ หลังจากที่สิ้นการต่อกรกับทัณฑ์สายฟ้าแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ก็จะต้องเผชิญหน้ากับกษัตริย์ปีศาจ และราชาภูตผีที่มารับตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ทั้งสิบแปดตน พร้อมกันกับผู้บังคับบัญชาของพวกมันที่ตามมา เพื่อสังหารหมู่ผู้ที่คิดข้ามผ่านโทษทัณฑ์

นี่คือหายนะที่ผู้ฝึกยุทธ์จะต้องเผชิญเสมอมา ทุกคนในอดีตล้วนต้านทานการบุกสังหารตนอย่างเต็มกำลัง

อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้กลับเป็นฝ่ายประสานมือทักทายผีปีศาจที่มากับทัณฑ์สายลม

และที่แปลกยิ่งกว่านั้น คือมันได้ผล!

เห็นแค่เพียงในทัณฑ์สายลม เสียงกรีดร้องโหยหวนค่อยๆ จางหายไป

ตามมาด้วยทุกชนิดของโทนเสียงที่ต่างกันออกไปตอบสวนกลับมา

แม้โทนเสียงจะแตกต่าง แต่น้ำเสียงของจากในทัณฑ์สายลมดูจะเผยถึงความรู้สึกอบอุ่นเล็กๆ น้อยๆ

ยิ่งนาน พวกผีปีศาจก็ยิ่งปรากฏขึ้นในทัณฑ์สายลม ทั้งหมดเริ่มสนทนาอย่างสนิทสนมกับผู้ฝึกยุทธ์

เมื่อเวลาผ่านไป บทสนทนาก็ยิ่งเริ่มออกรสขึ้นเรื่อยๆ

ถึงขนาดที่ว่ามารสวรรค์ที่ครองตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ ต้องมาหยุดยืนกอดแขนอยู่ข้างกายของผู้ฝึกยุทธ์เลยทีเดียว

หลายราชาภูตผีหัวเราะเสียงดังลั่น

ขณะที่พวกกษัตริย์ปีศาจตนใหม่ๆ กำลังคิดว่าจะเข้าไปทำความรู้จัก และเป็นสหายกับผู้ฝึกยุทธ์คนนี้ได้อย่างไรดี

มีปีศาจบางตนเหมือนกันที่ไม่อาจเข้าใจถึงสถานการณ์ จึงหันไปสอบถามปีศาจตนอื่นๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

‘ที่แท้ก็เป็นเรื่องอันมีชื่อเสียงโด่งดังก่อนหน้านี้นั่นเอง!’

การเจรจาแลกเปลี่ยนที่มีจำนวนจิตวิญญาณกว่าสองร้อยล้านดวงเป็นรางวัล!

ในช่วงเวลานั้น เหล่าราชาภูตผี และกษัตริย์ปีศาจที่เข้าร่วม ต่างก็ได้รับผลกำไรตอบแทนกลับมามากมาย

และเวลานี้ ตัวต้นเรื่องในการเจรจาแลกเปลี่ยนในคราวก่อน ก็กำลังยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนแล้ว!

เมื่อต้องเผชิญกับผู้ฝึกยุทธ์ที่เปรียบดั่งเหมืองทองคำ ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ปีศาจตนใด ต่างก็อยากจะก้าวออกมา และเป็นสหายกับเขาทั้งนั้น

ส่วนเรื่องที่จะเอาชนะเขาหรือสังหารเขาน่ะหรือ ช่างหัวมันสิ!

เพราะคนตรงหน้าเป็นใครกัน!?

เป็นสมาชิกหมายเลขสามของสมาคมกำปั้นเหล็ก

เป็นราชาภูตผีแห่งหกวิถี

ไม่ว่าจะสถานะไหน มันก็สุดโต่งทั้งนั้น! ดังนั้นมันจะไม่เป็นการดีกว่าหรือถ้าจะไม่ยั่วให้เขาโกรธ และให้ทุกอย่างมันจบลงด้วยดี

ขณะเดียวกันทางฝั่งราชาภูตผี หลายราชาที่มีส่วนร่วมในทัณฑ์สายลมในครั้งก่อน ต่างก็ได้เปิดเผยรายละเอียดของกู่ฉิงซานให้แก่เพื่อนคนอื่นๆ ฟัง

พวกมันเล่าว่าเขาได้ลงทัณฑ์นรกทั้งขุม ล้างบางคนตายนับล้านๆ โดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ

และสงครามในเวลาต่อมา เขาก็ได้สั่งการให้คนตายจากนรก บุกเข้าไปกัดกินเผ่ามารทั้งหมดที่เข้ามารุกราน

ด้วยเหตุนี้…

ควรที่จะเป็นพันธมิตรกัน และสร้างโอกาสแลกเปลี่ยนกันจะเป็นการดีกว่า

เพราะยิ่งมีเพื่อนมาก การเดินทางหรือกิจกรรมใดๆ ก็ย่อมสะดวกสบายมากขึ้น

พวกปีศาจและภูตผีต่างก็คิดแบบนั้น

ด้วยเหตุนี้เอง ฉากอย่างการลงทัณฑ์จากสวรรค์ บรรยากาศจึงค่อยๆ กลายเป็นความสามัคคีและเป็นมิตร

อย่างไรก็ตาม เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ

ไม่นาน ช่วงเวลาสิ้นสุดของทัณฑ์สายลมก็ได้มาถึง

ทุกคนพูดคุยกันอีกสักพัก ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกันและกัน และหารือเกี่ยวกับธุรกิจต่อไปในอนาคต

กษัตริย์ปีศาจและราชาภูตผีทั้งหมดต่างชักอาวุธขึ้น และเริ่มกล่าวคำอำลากับผู้ฝึกยุทธ์

ติ๊งๆๆ

เสียงปะทะอันคมชัดจากอาวุธทั้งสิบแปดชนิด สะท้อนไปมาท่ามกลางทัณฑ์สายลม

ทุกคนต่างเริ่มบอกลา

และแล้วสายลม

ก็ค่อยๆ สงบลง

โทษทัณฑ์จบลงในที่สุด

กู่ฉิงซานยืนยิ้ม และโบกมือลาปีศาจและภูตผีทั้งหมด

เมื่อผีปีศาจทั้งหมดได้กลับคืนสู่โลกของพวกมันแล้ว กู่ฉิงซานจึงค่อยลดอาวุธตนลง

เขารู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย

เพราะเมื่อต้องเผชิญกับกษัตริย์ปีศาจและราชาภูตผีที่ครอบครองตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ทั้งสิบแปดแล้ว เขาจำเป็นที่จะต้องทักทาย กล่าวสนทนาโดยห้ามไร้ซึ่งความเย็นชา ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับพวกที่มาใหม่ เขายังจำเป็นต้องใช้คนกลางเป็นตัวช่วยแนะนำกันและกันอีกต่างหาก

ส่วนในเรื่องธุรกิจแลกเปลี่ยนในอนาคต เขาจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายอย่างรอบคอบ และจะบอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับมันในครั้งต่อไป

อนิจจา นี่มันเป็นเรื่องจริงเช่นนั้นหรือนี่?

การข้ามผ่านโทษทัณฑ์ของตนเอง มันกลับกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?

แทนที่จะเป็นแบบนี้ บางทีการสู้กันมันอาจจะดีเสียกว่าอีก เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังได้รับแต้มพลังวิญญาณมาจากพวกมันไม่ใช่หรือ?

แต่ตอนนี้ สัมพันธ์ได้ถูกสานแล้ว ดังนั้นเมื่อเผชิญกับหลายผีปีศาจที่เข้ามาทักทายด้วยไมตรีจิต ตนคงไม่สามารถก้าวออกไปข้างหน้าและสับอีกฝ่ายได้

เขาไม่ใช่คนแบบนั้น

โดยเฉพาะมารสวรรค์

เวลานี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าหลี่อันจะติดธุระบางอย่างอยู่ จึงไม่ได้รับตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ในครั้งนี้

คนที่มาแทนเป็นหนึ่งในน้องสาวของเธอ

และน้องสาวของเธอ ก็พยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อยั่วยวนเขา

ซึ่งในส่วนนี้ บอกตรงๆ เลยว่ากู่ฉิงซานแทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

มือของเขากดลงบนด้ามดาบหลายต่อหลายครั้ง แทบจะทนไม่ไหวที่จะง้างสับอีกฝ่าย

ทว่าเมื่อได้ลองไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และพบว่าการสานสัมพันธ์กับมารสวรรค์มันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหลี่อันที่มีความจริงใจกับตนเอง ดังนั้นกู่ฉิงซานจึงจำใจต้องอดกลั้น ฝืนทนต่อไปแม้ในใจจะไม่ยินยอมก็ตาม

โชคดีจริงๆ ที่ทั้งหมดมันจบลงแล้ว

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก และหันไปมองหน้าต่างเทพสงคราม

ปรากฏถึงบรรทัดแสงตัวอักษรขนาดเล็ก

“ทัณฑ์สวรรค์ได้สิ้นสุดลงแล้ว”

“ต้องขอบคุณของขวัญที่เกิดจากการผสานรวมโลก ทำให้คุณสามารถยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตพันวิบัติได้สำเร็จ”

“คุณได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตพันวิบัติแล้ว”

“โปรดทราบด้วยว่า การยกระดับจากร่างเทวะ พันวิบัติ และขีดสุดความว่างเปล่า จะไม่เกิดการเหนี่ยวนำในการกระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์ คุณจำเป็นที่จะต้องยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตลมปราณจิตเสียก่อน จึงจะสามารถปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ให้ตื่นขึ้นได้”

กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “นี่เป็นเฉพาะฉันคนเดียว หรือคนทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ด้วย?”

“นี่คือกฎขั้นพื้นฐานของขอบเขตวรยุทธ์ มันคือสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดจะต้องเผชิญ” ระบบตอบกลับ

“เข้าใจแล้ว งั้นพวกเราค่อยมาพูดถึงเรื่องนี้กันในภายหลัง”

กู่ฉิงซานหลับตาลง และเริ่มทำการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพื้นฐานวรยุทธ์อย่างรอบคอบ

นี่คือของขวัญอันล้ำค่าที่ได้มาจากแหล่งกำเนิดของโลก พลังวิญญาณของเขาทั้งสงบ และเสถียรไม่มีทีท่าว่าจะหลุดจากการควบคุมเลย

และความเข้าใจของเขาในส่วนของกฎเกณฑ์ของโลก มันก็ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สำหรับเรื่องปริมาณพลังวิญญาณ

ปัจจุบันพลังวิญญาณของตนเองได้ถูกเติมเต็มขึ้นมากกว่าเดิมถึง ในสิบส่วน!

นี่หมายความว่าเขาสามารถผันแปรกลยุทธ์ และต่อสู้ได้นานยิ่งขึ้น

นับจากนี้ไป เขาจะสามารถสำแดงวิชาลับอย่างค่ายกลดาบได้อย่างไม่ขาดสาย

นั่นนับว่าเป็นข่าวดี

“แน่นอน การที่ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมันช่างเป็นอะไรที่รู้สึกดีจริงๆ”

กู่ฉิงซานพึมพำกับตัวเอง

จากนั้น เขาก็หยิบเอาเม็ดยาออกมา โยนมันเข้าปาก และนั่งสมาธิเหนือคลื่นทะเลสาบ

ถึงแม้ว่าทัณฑ์สายลมจะไม่ได้กินพลังงานใดๆ แต่ทัณฑ์สายฟ้ามันทำให้เขารู้สึกอ่อนล้าไม่น้อยจริงๆ

ดังนั้นตนจึงต้องเร่งฟื้นฟูพละกำลังกลับคืนมา

ปัจจุบันนี้ โลกเทวะและอีกหลายโลกได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์แล้ว

และท่านอาจารย์ยังได้นำโลกใบนี้ เข้าร่วมกับพันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์อีกด้วย

ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่กระทั่งกิจกรรมของมนุษย์ เมื่อได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมใหม่ๆ มันก็ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

ดังนั้น ก่อนจะเดินทางกลับไปยังนิกายร้อยบุปผา กู่ฉิงซานจึงไม่คิดเร่งรีบใดๆ

เขาจะต้องเตรียมการอย่างระมัดระวังและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุด กู่ฉิงซานก็ลืมตาขึ้น

ร่างกายของเขาได้กลับคืนสู่สภาวะสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง

เขาเหยียดตัวบิดขี้เกียจ และค่อยๆ ลุกขึ้นยืนกลางทะเลสาบ

ตอนนี้ เขาพร้อมที่จะจัดการกับเรื่องราวทุกสิ่งแล้ว!

………………………………….