บทที่ 48 คนเถื่อน

ท่องภพสยบหล้า

“คู่ประลอง หลินเจิ้งหลี่จากเมืองวั่งเจียง เจ้าเถี่ยเหอจากเมืองซานซาน เริ่มได้!”

เมื่อผู้ตัดสินออกคำสั่ง ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มประสานปางมือด้วยความเร็วที่ทำให้ตาลาย

สิ่งเดียวที่แตกต่างกันคือ หลินเจิ้งหลี่ยืนอยู่ที่เดิม จิตใจสงบมั่นคง ส่วนเจ้าเถี่ยเหอประสานปางมือพลางพุ่งมาด้านหน้า

นี่เป็นลักษณะการจู่โจมสองแบบที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่จะเกิดการปะทะ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรู้ผลลัพธ์ได้

พลังปราณธาตุดินรวมตัวกัน หนามศิลาแหลมคมแทงทะลุดินออกมา

แม้ลงมือด้วยหนามปฐพีเหมือนกัน ทว่าหยางซิ่งหย่งใช้ป้องกัน ส่วนเจ้าเถี่ยเหอใช้โจมตี

คลื่นลูกหนึ่งราวกับเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า ยกตัวหลินเจิ้งหลี่ลอยขึ้นกลางอากาศ หลบการโจมตีของหนามปฐพีไปได้พอดิบพอดี

นี่คือวิชาเต๋าชั้นสี่ระดับบนชื่อคลื่นทะยาน เป็นวิชาเต๋าที่ขับเคลื่อนโดยพลังปราณธาตุน้ำ

เจ้าเถี่ยเหอประสานปางมือเสร็จสิ้นก็ยกสองมือขึ้น หนามปฐพีเหล่านั้นทยอยกันพุ่งขึ้นมาจากดิน ก่อนพุ่งแทงไปทางหลินเจิ้งหลี่ที่อยู่กลางอากาศ!

ไม่เหมือนหยางซิ่งหย่งก่อนหน้านี้ที่ใช้พลังยุทธ์กระตุ้นหนามปฐพีเพื่อโจมตีขั้นที่สอง เจ้าเถี่ยเหอควบคุมวิชาเต๋าให้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงขั้นที่สองด้วยตัวเอง เป็นการปฏิวัติวิชาเต๋านี้อย่างแท้จริง!

หลินเจิ้งหลี่ลอยอยู่กลางอากาศ วิชาคลื่นทะยานก็ใช้ไปแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีแผนรับมืออีก ทว่านิ้วมือที่ไม่เคยหยุดนิ่งของเขาดีดขึ้นมาอย่างฉับพลัน คลื่นที่แบกตัวเขาอยู่จู่ๆ ก็โหมแรง จากนั้นมีคลื่นอีกลูกเกิดจากคลื่นลูกเดิม แล้วแบกหลินเจิ้งหลี่หลบการพุ่งแทงของหนามปฐพีไปในชั่วเวลาวิกฤต

เขาเองก็เช่นกัน แสดงการเปลี่ยนแปลงขั้นที่สองของวิชาเต๋าคลื่นทะยานออกมา!

พูดได้ว่าการต่อสู้ของเจ้าเถี่ยเหอกับหลินเจิ้งหลี่ในเวลานี้ต่างหาก ถึงจะเป็นการประลองพลังวิชาเต๋าอย่างแท้จริง

และการพัฒนาของวิชาเต๋าทั้งสองวิชา ก็สะท้อนให้เห็นขุมพลังของสำนักเต๋าเมืองซานซานและสำนักเต๋าเมืองวั่งเจียงเช่นกัน เรื่องที่พึงรู้คือการปรับปรุงวิชาเต๋าขั้นพื้นฐานเช่นนี้เอง จึงจะยกระดับพลังโดยรวมของสำนักเต๋าได้อย่างแท้จริง

หลินเจิ้งหลี่หลบแล้วหลบอีก เจ้าเถี่ยเหอกลับโจมตีไม่หยุด ครั้นปลายเท้าแตะพื้นก็ทะยานขึ้นมา

เขาพุ่งจากล่างขึ้นบนมาพร้อมกับหมัดเสย เพียงแต่หมัดนั้นมีหินปกคลุมไว้แล้วหลายต่อหลายชั้น หมัดพลิกศิลา!

เขาแทบจะจำลองวิชาเต๋าของหยางซิ่งหย่งขึ้นมา ใช้สวนกลับคำพูดที่ว่า ‘ไก่อ่อนจิกกัน’ ของหลินเจิ้งหลี่ก่อนหน้านี้

ยามนี้หลินเจิ้งหลี่ยังไม่ลงมาที่พื้น แทบจะหนีไม่พ้นอยู่แล้ว แต่นิ้วมือของเขาก็ดีดขึ้นมาอีกครั้ง

คลื่นใหม่อีกลูกออกมาจากในคลื่นทะยาน ผลักให้เขาพ้นจากการโจมตีอีกครั้งหนึ่ง

คลื่นทะยานซ้อนสาม!

แค่คลื่นทะยานลูกเดียว วิชาเต๋าเคลื่อนย้ายธรรมดาๆ กลับสำแดงการเปลี่ยนแปลงถึงสามขั้นในวันนี้

หากบอกว่าการเปลี่ยนแปลงขั้นที่สองของหนามปฐพีก่อนหน้านี้คือการยกระดับวิชาเต๋านี้ไปจนถึงขีดจำกัดของชั้นสี่ระดับบน คลื่นทะยานซ้อนสามในเวลานี้ก็ยกระดับวิชาเต๋าชั้นสี่ขึ้นไปถึงชั้นสามเรียบร้อย นี่คือการยกระดับทางคุณสมบัติ!

หมัดพลิกศิลาของเจ้าเถี่ยเหอพลาดอีกครั้ง เขาไม่มีเวลาตกตะลึง เพราะการโจมตีกลับของหลินเจิ้งหลี่มาถึงแล้ว

หลินเจิ้งหลี่ใช้ไพ่ตายอย่างคลื่นทะยานซ้อนสามหลบหลีกครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเหนือความหมาย ในที่สุดเวลานี้ก็สำเร็จวิชาเต๋าของเขาเสียที

พลังปราณธาตุน้ำทั้งหมดตรงนั้นปะทุในฉับพลัน สายน้ำพุ่งขึ้นมาสี่ทิศ คลื่นโหมกระหน่ำซัดเข้ามาจากทุกทิศทาง เจ้าเถี่ยเหอหลบไม่ทัน ถูกคลื่นลูกหนึ่งชนเข้า ทั้งร่างของเขาลอยกลับหัวอย่างเสียการควบคุมเหมือนถูกหมัดหนักๆ ชก

ขณะร่างลอยอยู่กลางอากาศ ก็มีคลื่นอีกลูกซัดเข้าใส่อีกจนเขากระอักเลือดลอยออกไป

คลื่นกระแทกไปมา เจ้าเถี่ยเหอถูกโจมตีซ้ำดุจกระสอบทรายขาดๆ ส่งเสียงร้องในลำคอออกมา

นี่คือวิชาเต๋าชั้นสาม คลื่นพิโรธ!

สีหน้าของหลินเจิ้งหลี่ยังคงไม่แยแส ไม่เห็นความเหลาะแหละเหมือนก่อนจะเริ่มประลองอีก แต่กลับไม่สะทกสะท้านเหมือนควบคุมทุกสิ่งไว้ในกำมือแทน เขาใช้สองมือทำปางมืออย่างรวดเร็ว พริบตาที่คลื่นพิโรธสิ้นสุดลง ก็ดึงแส้เถาวัลย์ยาวเหยียดเส้นหนึ่งออกมาแล้วสะบัดไปโจมตี

เจ้าเถี่ยเหอที่อยู่ในคลื่นพิโรธแทบจะไม่เหลือแรงสวนกลับแล้ว เขาเพียงหดศีรษะงอตัวเข้าหากัน เพื่อลดขอบเขตการโจมตีให้เหลือน้อยลงมากที่สุด

ชั่วพริบตาที่คลื่นพิโรธสิ้นสุดลง ร่างของเขาก็แผ่ออกและพลันยื่นมือคว้าแส้เถาวัลย์นั้นเอาไว้

มุมปากของเขายังมีเลือดไหล เสื้อผ้าฉีกขาดเละเทะ เผยให้เห็นรอยจ้ำหลายจุดบนร่างกาย ทว่าเขาเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร ราวกับว่าผู้บำเพ็ญจากเมืองซานซานทุกคนล้วนมีพละกำลังแข็งแกร่งเช่นนี้ เขาออกแรงจับแส้เถาวัลย์ คิดจะดึงหลินเจิ้งหลี่มาตรงหน้า!

แต่เมื่อหลินเจิ้งหลี่ปล่อยมือ แส้เถาวัลย์ก็สะบัดกลับในฉับพลัน จากนั้นเลื้อยผ่านทั้งร่างของเจ้าเถี่ยเหอเหมือนงูแล้วพันรัดเขาเอาไว้แน่น

ที่แท้วิชาเต๋าที่หลินเจิ้งหลี่เพิ่งใช้ไปไม่ใช่แส้เถาวัลย์เขียวชั้นสี่ระดับกลาง แต่เป็นวิชาเถาวัลย์พันธนาการชั้นสี่ระดับสูง!

เขาไม่ได้ใช้วิชาเถาวัลย์พันธนาการเพื่อพันธนาการศัตรูก่อน แต่ทำเหมือนมันเป็นแส้เถาวัลย์เขียว ก็เพื่อล่อให้เจ้าเถี่ยเหอเข้ามาจับ ต่อมาค่อยพันรัดอย่างสมบูรณ์แบบ

พูดได้ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนตอนนี้ ทุกย่างก้าวของเจ้าเถี่ยเหอล้วนอยู่ในแผนการของเขา กระทั่งคำที่เขาพูดกับเจ้าเถี่ยเหอก่อนเริ่มประลอง ก็อาจจะเป็นแผนที่ซ่อนไว้ก็เป็นได้

จนถึงเวลานี้ หลินเจิ้งหลี่สามารถเก็บเกี่ยวชัยชนะของเขาได้แล้ว

เขาทำปางมือเสร็จสมบูรณ์อย่างไม่สะทกสะท้าน ครั้งนี้ดึงเอาแส้เถาวัลย์เขียวที่แท้จริงออกมา ก่อนฟาดเข้าใส่คู่ต่อสู้ที่ถูกพันธนาการไว้อย่างแรง

ทว่าจู่ๆ เถาวัลย์พันธนาการบนร่างเจ้าเถี่ยเหอก็ระเบิดออก เจ้าเถี่ยเหอกลิ้งไปบนพื้น หลบแส้ที่หวดมาอย่างไร้ปรานีนั้น

ตอนนี้ทุกคนจึงเพิ่งสังเกตเห็นเลือดสดที่ไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของเจ้าเถี่ยเหอ รวมถึงบาดแผลมากมายนับไม่ถ้วน บนพื้นดินก็มีเศษหินแน่นขนัดและเศษซากเถาวัลย์กองอยู่ด้วยกัน

ที่แท้ตอนที่คลื่นพิโรธหยุดลง เจ้าเถี่ยเหอก็ใช้เกราะศิลาคลุมร่างตัวเองไว้ชั้นหนึ่ง หลินเจิ้งหลี่อาจไม่ทันสังเกตเห็น หรืออาจจะเห็นแต่ไม่สนใจ

เพราะวิชาเกราะศิลาก็เป็นแค่วิชาเต๋าเสริมการป้องกัน ไม่ได้ช่วยให้รอดพ้นจากวิชาเถาวัลย์พันธนาการ

แต่ว่าเกราะศิลาระเบิดออกมา ในพริบตานั้นก็ระเบิดผิวเนื้อของเจ้าเถี่ยเหอจนเป็นแผลเหวอะหวะ และจัดการระเบิดเถาวัลย์บนตัวเขาออกไปด้วย

ภาพนี้สยดสยองเกินจะกล่าว คนมากมายทนดูต่อไม่ไหว หลิงเหอยื่นมือมาปิดตาของเจียงอันอันไว้

ส่วนเจ้าเถี่ยเหอก็พาร่างที่เต็มไปด้วยรอยเลือดพุ่งเข้าไปหาหลินเจิ้งหลี่อีกครั้ง

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาจึงยังไม่ปล่อยวาง ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงยึดมั่นขนาดนี้

ไม่ใช่แค่การประลองเสวนาเต๋าหรอกหรือ

ไม่ใช่การสอบใหญ่ของทางเขตปกครองช่วงเดือนสิบเอ็ดเสียหน่อย ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอนาคตเลย!

นี่คือการต่อสู้ของลูกศิษย์ปีหนึ่ง ผู้บำเพ็ญคนอื่นที่เข้าแข่งขันล้วนชมอยู่นอกสนามประลอง

ซุนเสี่ยวหมานจ้องบนสนามประลองตาไม่กะพริบ

หลินเจิ้งเหรินหันมามองนาง “มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะสู้ต่ออีกหรือ แม่นางเสี่ยวหมาน? เขาจะตายเอานะ”

“จะเลือกชีวิตหรือเกียรติยศ ข้าไม่อาจตัดสินใจแทนเขาได้” สาวน้อยเท้าเปล่าที่ดูตัวเล็กคนนี้ตอบโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ามา

“เพียะ!”

แส้ฟาดครั้งนี้ เจ้าเถี่ยเหอหลบไม่พ้น

รอยแส้ลึกเส้นหนึ่งปรากฏขึ้น เนื้อหนังแตกเหวอหวะ

แต่ดูเหมือนเขาไม่มีความคิดที่จะหลบ แต่ใช้จังหวะที่แส้ฟาดลงมาคว้าเอาไว้ด้วยมือ! จากนั้นหมุนตัวหลายรอบให้แส้เถาวัลย์พันอยู่บนร่าง

เขาดึงแส้เส้นนี้เดินเข้าหาหลินเจิ้งหลี่ บนกำปั้นของเขามีหินค่อยๆ รวมตัวกัน ความเร็วช้าลงกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่ยังคงเป็นวิชาเดิม…หมัดพลิกศิลา

หลินเจิ้งหลี่ทำได้เพียงปล่อยมือ ทิ้งแส้ที่สร้างขึ้นจากวิชาเต๋าเส้นนี้ไป เขากระโดดถอยหลังพลางพูดว่า “ยอมแพ้เถอะ! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเจ้าจะได้ตายจริงๆ!”

“ยอมแพ้รึ” เจ้าเถี่ยเหอมองหลินเจิ้งหลี่ รอยยิ้มตรงมุมปากกว้างขึ้นเรื่อยๆ “พวกเราคนเมืองซานซาน จะโดนพวกเจ้าดูแคลนเพียงนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”

เขาสาวเท้าพุ่งไปโดยพลัน หมัดพลิกศิลาชกออกไป!

ตูม!

หลินเจิ้งหลี่กระโดดหนีจากจุดเดิม หมัดศิลาจึงซัดลงบนพื้นดินจนเกิดเป็นหลุมลึกหลุมหนึ่ง

“รนหาที่ตาย!” หลินเจิ้งหลี่ลอยอยู่กลางอากาศ สองมือประสานปางมืออย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากยอมรับว่าตนเกิดความเกรงกลัวขึ้นในการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้วิชาเต๋าที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่า ต่อให้ควบคุมไม่ได้ ต่อให้…อาจจะสังหารคู่ต่อสู้ก็ตาม

ตอนที่วิชาเต๋าเริ่มก่อตัวรางๆ เขาก็ลงมาถึงพื้นพอดี จับจังหวะได้สมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้ เขาแทบจะร้องชมตัวเองออกมาแล้ว

ทว่าบนพื้นไม่รู้ว่าทำไมและไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ถึงได้มีหลุมกับดักปรากฏขึ้น

นั่นคือกับดักที่เจ้าเถี่ยเหอวางเอาไว้ตั้งแต่แรก พลังปราณธาตุดินก่อให้เกิดดินยุบตัวเป็นหลุม เป็นวิชาเต๋าระดับต่ำเตี้ยวิชาหนึ่งในชั้นสี่ระดับล่าง มีชื่อว่า ‘หลุมพราง’

แต่กลับมีประโยชน์อย่างประจวบเหมาะ

หลินเจิ้งหลี่เมื่อใต้เท้าสูงชัน ท่วงท่าวิชาก็เสียรูป วิชาเต๋าที่เตรียมไว้สลายไป ถึงแม้เขาจะหมุนตัวเป็นอันดับแรกเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องล้มลงแล้วก็ตาม ทว่าเจ้าเถี่ยเหอกระโจนเข้ามาเหมือนสัตว์ป่าแล้ว โผนใส่จนเขาล้มลง และกดเขาไว้กับพื้น!

ทั้งสองคนเข้าประชิดกันด้วยเหตุนี้ วิชาเต๋าที่ไม่อาจใช้ได้ในพริบตาล้วนสิ้นความหมาย

ผัวะ!

เสียงหมัดกระแทกใบหน้าดังขึ้นมา

“ข้าไม่ใช่คนเถื่อน!”

ผัวะ! ผัวะ!

“ข้าคือ…ผู้บำเพ็ญเมืองซานซาน! ที่เขตปกครองแม่น้ำชิงแห่งรัฐจวง! เจ้า! เถี่ย! เหอ!”

ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

เจ้าเถี่ยเหอกระหน่ำหมัดใส่

หลินเจิ้งเหรินที่อยู่นอกสนามประลองหนังตากระตุก ราวกับว่าหมัดพวกนั้นซัดเขาใส่ใบหน้าของตนเอง

“ยอมแพ้!” เขาตะโกนขึ้น

……………………………………….