ด้านนอกวัด ด้านล่างของกำแพง ชาวบ้านที่ถูกขับไล่ออกมาเดินไปวิพากษ์วิจารณ์กันไป ทำให้อวิ๋นหว่านชิ่นและคนอื่นๆ รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน
ฉิงเสวี่ยถุยน้ำลายหนึ่งที “แซงแถวอย่างไม่มีเหตุผล ต้องโดนหั่นเป็นชิ้นๆ!”
เจินจูเป็นคนซื่อสัตย์ไร้เล่ห์เหลี่ยมที่สุด ยกมือเห็นด้วย พลางพยักหน้า อย่าว่าแต่มีเหตุฉุกเฉินรอเป็นเวลานานแล้วถูกแทรกแถว แม้แต่ในวันธรรมดาไปซื้อกับข้าวตามท้องถนนแล้วถูกแทรกแถว ยังโกรธเลย!
ในเวลานั้นเอง เณรน้อยมุทะลุบุ่มบ่ามเดินผ่านประตูหลังวัดพอดี เดินไปลูบหัวไป พลางก่นด่า “เป็นใครมาจากไหนกัน แทรกแถว ไล่คนอื่น โหดร้ายอย่างกับอะไรดี แถมยังตีหัวข้าอีก ไม่รู้ว่าโดนทุบจนโง่ไปหรือยัง……”
นั่นก็คือเณรที่ถูกองครักษ์จวนเว่ยอ๋องทุบหัวจนบวมเต่ง
อวิ๋นหว่านชิ่นมองไปไกลๆ เห็นไต้ซืออู้เต๋อนั่งบนโต๊ะไม้พะยูงตัวยาวภายในวิหาร โดยมีห้องเซียงฝางเล็กๆ อยู่ด้านหลัง ประตูหน้าห้องใช้ม่านไผ่บังไว้ ดวงตากลอกไปมา สบตาเข้ากับเณรน้อย จึงตะโกนเรียก
“เณรเจ้าคะ”
เสียงหวานของหญิงสาวร้องเรียก ดึงความสนใจของเณรน้อยไว้ได้
ก่อนที่อวิ๋นหว่านชิ่นจะมารออนุฟางที่นอกเมือง ได้สั่งให้เจินจูไปซื้อเสื้อผ้าหญิงชาวบ้านจากร้านเสื้อผ้าใกล้ๆ มาสองสามตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับบ่าวอีกสามคนบนรถม้า จากชุดหรูหราที่ใส่กลับบ้านในตอนนี้เป็นกระโปรงยาวลายดอกมะลิสีเขียวอ่อนเข้ารูป ให้ความรู้สึกอ่อนหวานเข้าถึงง่าย นิ่มนวลและอ่อนโยน ราวกับเป็นวันสบายๆ ของคุณนายน้อยที่พาสาวใช้ไปเที่ยวนอกบ้าน
เณรน้อยหน้าแดงโดยพลัน ชี้ไปที่จมูกตนเอง “โยมเรียกอาตมาหรือ”
ฉิงเสวี่ยตลกเขา พลางหัวเราะออกมา “แน่นอนว่าต้องเรียกท่านอยู่แล้ว ท่านรีบมาทางนี้หน่อย นายท่านของข้ามีเรื่องจะคุณกับท่าน”
เณรน้อยเดินเข้าไปด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก เห็นหญิงงามตรงหน้าเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ท่านคะ ข้าผู้ศรัทธาของท่านอาจารย์ วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อพบไต้ซืออู้เต๋อโดยเฉพาะ แต่น่าเสียดายที่พอมาถึงก็เห็นหมาบ้าไล่กัดคน กว่าข้าจะออกจากบ้านได้นั้นไม่ง่ายเลย แล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้ออกมาได้อีกเมื่อไร ต่อให้วันนี้ไมได้ฟังคำทำนายของไต้ซือ ก็ยังอยากได้ยินเสียงสวดมนต์ของท่าน ไม่ทราบว่าแอบพาพวกเราอยู่หลังม่านท่านได้หรือไม่”
เณรน้อยลำบากใจยิ่งนัก “ไม่ได้ๆ หากไต้ซืออู้เต๋อรู้เข้าล่ะก็ ต้องดุอาตมาตายแน่”
อวิ๋นหว่านชิ่นหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เปลี่ยนสีหน้าทันควัน น้ำตาไหลริน “พูดตามตรง ท่านพ่อของข้าป่วย อยู่ได้อีกไม่นาน เราสองพ่อลูกเป็นผู้ศรัทธาของไต้ซือ ที่ข้ามาในวันนี้นอกจากจะมาดูให้เป็นขวัญตาแล้ว ก็มาเพื่อขอพรแทนท่านพ่อของข้า กลับไปจะไปบรรยายลักษณะของไต้ซือให้ท่านพ่อฟัง และทำให้ท่านพ่อสบายใจได้บ้าง คนพวกนี้ขวางทางไว้ ทำให้ความปรารถนาก่อนตายของท่านพ่อไม่อาจเป็นจริงได้……”
เดิมทีเณรน้อยผู้เต็มไปด้วยความโกรธจากการถูกตี เมื่อเห็นสาวงามกำลังเศร้าโศกเช่นนี้ คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟัน “ได้ โยมพาสาวใช้ตามอาตมามา”
**
ชาวบ้านที่ต่อแถวอยู่ด้านหน้าถูกไล่กลับไปแล้ว พื้นที่ภายในวิหารถูกจัดการให้เรียบร้อย อวิ๋นหว่านถงเดินเข้าไปตรงหน้าไต้ซืออู้เต๋อ ท่าทางสูงส่งจนไม่อาจเอื้อม ยกกรามขึ้นเล็กน้อย ท่าทางไร้ซึ่งความศรัทธาแม้แต่น้อย ราวกับการมาหาอู้เต๋อ เป็นเรื่องโชคดีของท่านเอง นางเอ่ย “นมัสการไต้ซือ”
แม้ไต้ซืออู้เต๋อจะเป็นคนนอกพื้นที่ ทว่าธุดงค์ไปทั่วภูมิภาคเป็นเวลานาน เจอคนมาทุกรูปแบบ เห็นนางไล่ผู้ศรัทธาที่อยู่ด้านหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจแล้ว แถมยังทำพุทธสถานวุ่นวายอีก พาลทำให้คิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว
จากนิสัยของไต้ซืออู้เต๋อแล้ว สามารถไล่นางออกตรงนี้ได้ไม่มีปัญหา ทว่าจากเครื่องแต่งกายปราณีตหรูหราของอวิ๋นหว่านถงแล้ว ทั้งยังมีองครักษ์ติดตามมาอีก ต้องเป็นผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงแห่งนี้เป็นแน่ หากทำให้นางเสียหน้า ลำพังตัวเขาเองนั้นไม่เป็นอะไร กลัวแต่จะทำให้วัดหวาอันเดือดร้อนไปด้วย จึงยังไม่โมโห ทำได้เพียงแสดงสีหน้าเย็นชาออกมาเท่านั้น
อวิ๋นหว่างถงมิได้รู้สึกว่าไต้ซือผู้นี้ไม่สบอารมณ์แต่อย่างใด เดินเข้าไปนั่ง พบเพียงไต้ซือนั้นแก่ชราเหลือเกิน ทว่ากลับดูกระฉับกระเฉง หนวดขาวปลิวไสว ผิวพรรณขาวผ่อง คิ้วและดวงตาดูสงบ ดุจดั่งเทพเซียนมิปาน อวิ๋นหว่านถงรู้สึกดีใจขึ้นเล็กน้อย เพราะคิดว่าไต้ซือนั้นต้องเก่งกาจแน่ๆ “ข้าอยากมาถามเรื่องบุตร รบกวนไต้ซืออู้เต๋อทำนายให้ข้าที”
ยวนยางนำเซียมซีที่ทำจากไผ่ของชายารองส่งไปให้
นัยน์ตาไต้ซืออู้เต๋อเย็นชา กวาดตามองไปยังท้องของอวิ๋นหว่านถงแวบหนึ่ง “ครรภ์ที่คนสร้างขึ้น มิใช่พรจากสวรรค์ มีสิ่งใดต้องทำนายหรือ”
อนุฟางที่ฟังน้ำเสียงไม่หยี่ระของไต้ซืออยู่ด้านข้าง ตบโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยท้วง “บังอาจ! พูดจาเช่นนี้ได้อย่างไร! เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร”
อู้เต๋อไม่โกรธ กลับยิ้มออกมา “แม้แต่สุนัขข้างกายยังเห่าเก่งเช่นนี้ ย่อมต้องเป็นคนเก่งกาจเป็นแน่ แค่เพียงในเมืองเยี่ยจิง เชื้อพระวงศ์เยอะดั่งขนวัว เดินอยู่บนถนนที่คึกคักที่สุด ป้ายร้านค้าร้านหนึ่ง ถ้าลองจำแนกออกมาสิบคน มีเก้าคนล้วนเป็นคนมีอิทธิพลทั้งสิ้น นายท่านของเจ้าอยู่ในลำดับที่เท่าไรล่ะ”
“เจ้า……” อนุฟางโมโห
“เงียบ ท่านแม่ ยวนยาง ทั้งสองคนออกไปก่อนเถิด” แม้อวิ๋นหว่านถงจะโกรธเคืองจากการเฉยชาของไต้ซือ ทว่าได้ยินเขาเอ่ย นอกจากจะดูออกว่าตนตั้งครรภ์ พูดตรงประเด็นในคำเดียว ทั้งยังบอกใบ้ให้ตนว่าครรภ์นี้เป็น ‘ครรภ์ที่คนสร้างขึ้น’ แต่กลับเข้าใจได้ พระรูปนี้ต้องมีวิชาอย่างแน่นอน
เมื่ออนุฟางกับยวนยางออกไป ท่าทางของอวิ๋นหว่านถงดีขึ้นมาเป็นกอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไต้ซือ ในเมื่อตั้งครรภ์แล้ว ก็น่าจะมีดวงชะตาของเขา เหตุใดจึงไม่อาจทำนายได้หรือ”
อู้เต๋อเอ่ยเสียงเรียบ “ฮูหยิน คำพูดนี้ไม่ถูกต้อง ตั้งครรภ์ได้ แต่ไม่แน่ว่าจะคลอดออกมาได้ ในเมื่อคลอดไม่ได้ ก็เท่ากับเป็นสิ่งที่ตายแล้ว ไม่อาจเรียกว่าคนได้ แล้วจะมีชะตาชีวิตและทำนายได้อย่างไรเล่า”
หลังม่านไผ่ อวิ๋นหว่านชิ่นนึกไม่ถึงว่าที่แท้อวิ๋นหว่านถงท้องแล้ว ภายในใจเกิดความสงสัยเต็มประดา การตั้งครรภ์ถือเป็นเรื่องดี เหตุใดต้องแอบนัดพบกับอนุฟาง ขณะกำลังขบคิดอยู่นั้นเอง ได้ยินคำพูดของพระที่อยู่หน้าม่านนั้น กลับทำให้อยากหัวเราะขึ้น
ไต้ซืออู้เต๋อท่านนี้ ทั้งๆ ที่เป็นผู้สละทางโลกแท้ๆ ทว่าคำพูดช่างร้ายกาจเหลือทน
อวิ๋นหว่านถงได้ฟังคำพูดของไต้ซืออู้เต๋อ กำหมัดแน่น เสียจนอยากเรียกองครักษ์เข้ามาตบตีพระชราปากไม่ดีรูปนี้ให้ฟันร่วงเต็มพื้น อยากจะดูว่าถึงตอนนั้นเขายังจะกล้าพูดจากซี้ซั้วอยู่อีกไหม!
แต่ หากพระแก่ไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาเล่า
หากครรภ์ในครั้งนี้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่อาจคลอดได้ล่ะ
พอคิดได้เช่นนี้ อวิ๋นหว่านถงเก็บกดความโกรธไว้ คลายหมัด น้ำเสียงนิ่มนวลขึ้น กระทั่งเพิ่มอาการวิงวอนเข้าไปบางส่วน “ไต้ซือ ครรภ์ของข้ามีปัญหาอะไรกันแน่หรือ ได้โปรดบอกข้าเถิด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข้าจะได้ระวังได้สักหน่อย หากความปรารถนาเป็นจริง ข้ายินดีจะบริจาคธูปเทียนทองให้กับวัดหวาอัน หล่อองค์พระโพธิสัตว์ทองคำ ไม่สิ ไม่เพียงวัดหวาอันเท่านั้น ไม่ว่าไต้ซือจะไปวัดใด ข้าจะไปบริจาคเพื่อการบูรณะ!”
เมื่อไต้ซือเห็นว่าท่าทีของนางดีขึ้นมาก สีหน้าไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นแล้ว จึงนำเซียมซีนั้นมาดู ยกขึ้นดูครู่หนึ่ง ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ในชีวิตคนเรา มักจะมีบางสิ่งที่ต้องเอาชนะ ซึ่งเรียกว่าศัตรูธรรมชาติ นั่นก็คือสิ่งที่เราเรียกกันว่า ดวงเพชรฆาต ร่างกายโยมเต็มไปด้วยแรงอาฆาต บวกกับคำทำนายบนเซียมซี ลูกในครรภ์มีดวงเพชรฆาตแต่กำเนิด ต่อให้อีกฝ่ายจะมีตัวตนอยู่ เกรงว่าก็ยากที่จะตายดี หากไม่ตายในท้อง เกิดมาก็อาจเจ็บไข้ได้ป่วย ชีวิตไม่สงบสุขทั้งชีวิต”