“หออันดับหนึ่งในใต้หล้า?”

นี่เป็นกลุ่มก้อนอันใดกันเหตุใดถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ความทรงจำในสมองก็ไม่มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับชั้นที่หนึ่งใต้หล้าเลย

“มีข่าวลือในใต้หล้าว่าหนึ่งหออันดับหนึ่งภูตผีทวยเทพก็ยังหวั่นวิตก ที่ว่าหนึ่งหออันดับหนึ่งนั้นหมายถึงหอเทียนหวั่งและหออันดับหนึ่งของใต้หล้า เรื่องราวที่พวกเขากุมเอาไว้เป็นเรื่องสูงสุดที่ทั่วทั้งใต้หล้าไม่รู้ สามารถกล่าวได้ว่าเพียงแค่พวกเขาค้นหาไม่มีที่ค้นหาไม่พบ”

ชิงเฟิงไม่ได้บอกกู้ชูหน่วนว่าเจ้าของหอเทียนหวั่งก็คือนายท่าน

เขายิ่งเกรงใจที่จะกล่าวว่าช่วงนี้เพิ่งสืบค้นสถานะตัวตนของพระชายากับอี้เฉินเฟยและได้พบเจอกับอุปสรรคมากมาย ราวกับว่ามีมือใหญ่คู่หนึ่งตัดเบาะแสออกไปโดยที่มองไม่เห็นทำให้พวกเขาไม่มีความคืบหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน

กู้ชูหน่วนเกานิ้วมือ “กล่าวเช่นนี้หอประมูลเฟิงเซียวก็ค่อนข้างแข็งแกร่งนัก”

“กล่าวในตอนนี้ก็ใช่ ไม่เคยมีใครกล้าสร้างปัญหาที่หอประมูลเฟิงเซียวแม้แต่ผู้สูงศักดิ์ก็ยังต้องไว้หน้าอยู่บ้าง เนื่องจากผู้ใดก็ต้องมีเรื่องราวสกปรก หากว่าทำให้หอประมูลเฟิงเซียงขุ่นเคืองเรื่องอื้อฉาวของพวกเขาก็จะถูกเปิดเผยออกมาทันที”

ขณะพูดคุยการประมูลได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

“ครั้งนี้ของที่ประมูลคือหญ้าจื่อเยียนเม็ดหนึ่ง แม้ว่าหญ้าจื่อเยียนจะเป็นเพียงสมุนไพรอันดับหนึ่งแต่ก็หาได้ยากนัก และหากว่ามีหญ้าจื่อเยียนโอกาสการปรุงเม็ดยาล้างไขกระดูกจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าแปดสิบในหนึ่งร้อยส่วน สำหรับผู้ที่ไม่มีวรยุทธ์และต้องการเปิดจุดเส้นชีพจรวรยุทธ์หรือว่ายอดฝีมือที่เข้าไปไม่ถึงขั้นที่หนึ่งได้นั้นมีประโยชน์ในการใช้งานยิ่งนัก สำหรับผู้คนเหล่านี้อาจห่างจากการเปิดจุดก็ขาดเพียงแค่หญ้าจื่อเยียนเท่านั้น”

สายตาของทุกคนในที่นั้นประหลาดใจกันหมด แต่ละคนนั้นแสดงความโลภออกมากัน

ในที่นั้นมีคนจำนวนมากเท่าใดที่ไม่มีวรยุทธ์

แล้วยังมีผู้คนมากเท่าใดที่มีพรสวรรค์ของวรยุทธ์อันสูงส่งแต่ยังก็ไม่สามารถเข้าไปถึงขั้นที่หนึ่งของยอดฝีมือด้านวรยุทธ์

พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะประมูลหญ้าจื่อเยียนมาให้ได้ในทันที

“ราคาเริ่มประมูลอยู่ที่สี่พันตำลึง”

“ห้าพันตำลึง”

“หกพันตำลึง”

“หกพันห้าร้อยตำลึง”

“พันแปดร้อยตำลึง”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยรีบแย่งกันประมูล ส่วนกู้ชูหน่วนกลับไม่รู้ว่าการค้าของหอประมูลดีมากเช่นนี้

นางเห็นว่าเสนาบดีกู้ก็ยกป้ายเพื่อเพิ่มราคา คิดว่าต้องการประมูลหญ้าจื่อเยียนให้กู้ชูอวิ๋น

เจ๋ออ๋องก็ได้เสนอราคาหลายครั้ง ดูเหมือนว่ามุ่งมั่นที่จะประมูลหญ้าจื่อเยียนให้ได้

กู้ชูหน่วนยกป้ายขึ้น “หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง”

ในที่นั้นเงียบไปชั่วขณะและคนจำนวนไม่น้อยมองไปยังกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนพร้อมใบหน้าอันมีเสน่ห์อย่างไร้ผู้ใดเทียบเทียมได้ นางไม่ต้องการเป็นจุดสนใจมากเกินไปจึงได้สวมผ้าคลุมผืนหนึ่งในเวลานี้เพื่อปกปิดใบหน้าทั้งหมดไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาเปล่งประกายคู่หนึ่งเท่านั้น

ถึงกระนั้นรูปร่างอันสง่างามของนางและดวงตาขาวดำกระจ่างชัดก็ยังดึงดูดผู้คนจำนวนไม่น้อย

กู้ชูอวิ๋นตกตะลึงครู่หนึ่ง “ท่านพ่อ ดูเหมือนว่าจะเป็นน้องสามชูหน่วน”

เสนาบดีกู้ก่นด่าว่า “นางไร้วรยุทธ์แล้วจะประมูลหญ้าจื่อเยียนอันใดกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่านางคิดจริงๆว่าเพียงหญ้าจื่อเยียนเม็ดเดียวก็สามารถเปิดจุดเส้นวรยุทธ์ได้ จะพยายามฝึกฝนวรยทธ์แบบครึ่งๆกลางๆหรือ?”

“หรือบางที……อาศัยเทพแห่งสงครามนางสามารถฝึกสร้างเม็ดยาออกมาและเปิดชีพจรวรยุทธ์ได้จริงๆ”

แววตาของกู้ชูอวิ๋นปรากฏร่องรอยแห่งความอิจฉาริษยาแว๊บผ่านไป

อิจฉาความงามของนาง

อิจฉาที่นางสามารถแต่งงานกับชายผู้ที่มีกุมอำนาจเอาไว้ในมือ

ส่วนนาง……กลับถูกบังคับให้แต่งงานกับเซี่ยวอวี่เซวียนเจ้าหนุ่มเสเพล

ผู้ที่นางหลงรักเห็นได้ชัดว่าเป็นอาจารย์ซั่งกวน

“แต่ก่อนมีปรมาจารย์ระดับสี่ได้ตรวจดูชีพจรให้กับนาง ร่างกายของนางไม่สามารถเปิดจุดเส้นวรยุทธ์ได้ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเข้าสู่สูงกว่าขั้นที่หนึ่ง

“ท่านพ่อ วรยุทธ์ของข้าเจอปัญหาติดอยู่ที่ต้นเส้น หญ้าจื่อเยียนเม็ดนี้สำคัญต่อข้ายิ่งนัก หวังว่าท่านพ่อจะช่วยข้าประมูลมาให้ได้” กู้ชูอวิ๋นกัดฟันสีเงินกล่าวด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ลำบากใจ

สีหน้าของเสนาบดีกู้อ่อนลงในทันที “เจ้าวางใจได้ ไม่ว่าอย่างไรพ่อก็จะช่วยเจ้าประมูลหญ้าจื่อเยียนมาให้จงได้”