ตอนที่ 605

Elixir Supplier

605 ทำยังไง

 

แคเรน คาร์เพนเทอร์ นักร้องชื่อดังของทางฝั่งสหรัฐอเมริกาได้เสียชีวิตลงด้วยโรคอะนอเร็กเซีย มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เธอต้องเสียชีวิตลงในวัยแค่ 32 ปีเท่านั้น

 

หวังเย้าอ่านเคสรักษาที่คล้ายกันนี้ในตำราที่ได้จากระบบ “แต่เคสที่อยู่ในตำราไม่ได้หนักเท่ากับคนไข้ที่เขาพบ ผู้ป่วยในตำราเป็นเพศชาย เขาอาเจียนออกมาทุกครั้งที่เขาได้กลิ่นปลา แล้วอาการของเขาก็ค่อยๆพัฒนาจนกลายเป็นโรคอะนอเร็กเซียในภายหลัง วิธีการรักษาก็คือ การให้เขาอยู่ให้ห่างจากปลาและจ่ายยาสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร แล้วในที่สุด เขาก็หายดี แต่เขาก็ไม่สามารถกินปลาได้บ่อยนัก เพราะร่างกายของเขาค่อนข้างอ่อนไหวต่ออาหารทะเล

 

แต่คนไข้รายนี้ของเขาไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น

 

บางที ฉันน่าจะเอาอาหารทุกอย่างไปให้ไกลจากเขาเลย

 

ดวงตาของหวังเย้าเป็นประกายขึ้นมา ในบางครั้ง ก่อนที่จะกินอาหาร คนก็มักจะได้กลิ่นของทะเล

 

“ขอโทษนะครับ ผมลืมถามเรื่องหนึ่งไปว่า กลิ่นของอาหารทำให้คุณรู้สึกมวนท้อง หรือเป็นเพราะคุณไม่อยากอาหารจริงๆ?” หวังเย้าถาม

 

เขาคิดเกี่ยวกับการจ่ายยาสมุนไพรที่มีส่วนช่วยกระตุ้นความอยากอาหารให้กับคนไข้ เขาใช้ความคิดอย่างหนักและเขียนรายการสมุนไพรที่สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ด้วยลงไป เขาเขียนชื่อสมุนไพรทั้งหมดสำหรับรักษาคนไข้รายนี้

 

หวังเย้ากลับไปที่บ้านในตอนกลางวัน พ่อแม่ของเขากำลังรับแขกอยู่ เขาก็คือน้าชาย ซึ่งเป็นญาติฝั่งแม่ของเขา

 

“สวัสดีครับ น้า” หวังเย้าพูด

 

“สวัสดี เสี่ยวเย้า ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?” น้าชายถาม

 

“ครับ” หวังเย้าพูด

 

“วันนี้ เธอมีคนไข้เยอะรึเปล่า?” น้าชายถาม

 

“ก็ไม่เยอะหรอกครับ” หวังเย้าพูด

 

หลังจากที่พูดคุยเรื่อยเปื่อยกันได้สักพัก น้าชายของหวังเย้าก็บอกหวังเย้าและพ่อแม่ของเขา ถึงจุดประสงค์ที่เขามาเยี่ยมในระหว่างมื้อเย็นในวันนี้

 

น้าชายอยากจะเปลี่ยนบ้าน เขาต้องการบ้านที่ใหญ่ขึ้น หวังเย้าไม่แน่ใจว่า น้าชายของเขาไปได้ยินเรื่องการนำบ้านในหมู่บ้านไปแลกเปลี่ยนเป็นอพาร์ทเมนต์ในเมือง หรือเรื่องที่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับซุนหยุนเชิงมาจากที่ไหน

 

“อพาร์ทเมนต์อยู่ในทำเลที่ดีมาก แล้วยังใกล้กับโรงเรียนด้วย” น้าชายของเขาพูด “เธอช่วยถามเขาให้หน่อยได้ไหม ว่าเขาลดราคาให้สักหน่อยได้รึเปล่า?”

 

“ได้ครับ ผมจะลองถามเขาให้” หวังเย้าพูด

 

นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับหวังเย้าเลย ขอแค่เขาเอ่ยถามออกไป ซุนหยุนเชิงก็คงจะยกอพาร์ทเมนต์ให้เขาทั้งตึก

 

“ไว้ผมจะโทรหานะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เยี่ยม ขอบคุณนะ” น้าชายพูด

 

หลังทานอาหารเสร็จ หวังเย้าก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านนานนัก

 

“ขับรถดีดีล่ะ!” จางซิวหยิงไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือนน้องชายของเธอ ก่อนที่เขาจะขับรถออกไป เธอยังเอากล่องของขวัญให้เขาไปอีกสองกล่อง ซึ่งเป็นของที่เพื่อนของหวังเย้าให้มา

 

“ได้ ไม่ต้องห่วงผมหรอก” น้องชายของจางซิวหยิงพูด “ผมจะเข้าเมืองพรุ่งนี้”

 

“อืม” จางซิวหยิงพูด

 

หวังเย้าไม่จำเป็นต้องติดต่อไปหาซุนหยุนเชิง เพราะเขาได้ให้พนักงานของเขาอยู่ที่ตัวเมืองเหลียนชานเพื่อจัดการเรื่องอพาร์ทเมนต์ แล้วเขายังให้เบอร์ติดต่อของพนักงานคนนั้นกับหวังเย้าไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว

 

ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลกใบนี้ เรื่องบ้านถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายๆคน

 

หวังเย้าขับรถเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชาน ในเช้าของวันต่อมา

 

อย่างที่คาดเอาไว้ การก่อสร้างอพาร์ทเมนต์ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าของห้องบางคนได้เริ่มทำการตกแต่งอพาร์ทเมนต์ของพวกเขาแล้ว หวังเย้ายังเจอเข้ากับคนจากหมู่บ้านอยู่หลายคน

 

“สวัสดี เสี่ยวเย้า” หนึ่งในพวกเขาทักทายหวังเย้า

 

“สวัสดีครับ มาทำอะไรที่นี่เหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“ฉันกำลังตกแต่งอพาร์ทเมนต์อยู่น่ะ” ชายวัยกลางคนตอบ

 

“แล้วเรื่องเอกสาร เสร็จเรียบร้อยหมดแล้วเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“อืม คนในเมืองทำงานเร็วมากเลยล่ะ” ชายวัยกลางคนยิ้ม

 

“อ่อ ถ้าอย่างนั้น ผมไม่รบกวนแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ไม่เป็นไร ไว้ตอนที่ตกแต่งห้องเสร็จ ฉันจะเชิญเธอกับพ่อแม่ของเธอมานะ” เขาพูด

 

“ได้ครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาพบเจอกับคนคุ้นเคยอีกหลายคน

 

อพาร์ทเมนต์พร้อมที่จะให้คนย้ายเข้ามาอยู่แล้ว ทางเดินเท้าในบริเวณตึกโดยรอบก็ได้สร้างเสร็จแล้วเช่นกัน ผู้รับเหมายังคงปลูกต้นไม้ไม่เสร็จ แต่มันก็ไม่ได้กระทบกับการย้ายเข้าของผู้อยู่อาศัยใหม่

 

หวังเย้าเข้าไปคุยกับผู้ช่วยของซุนหยุนเชิง ซึ่งเขาเคยเจอหน้าแล้วครั้งหนึ่ง

 

“สวัสดีครับ หมอหวัง” ผู้ช่วยจดจำหวังเย้าได้ทันที เพราะซุนหยุนเชิงได้บอกกับเขาเอาไว้แล้วว่า ให้เขาทำตามคำขอทุกอย่างของหวังเย้า ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการตึกทั้งหมดก็ยังได้

 

“สวัสดีครับ ขอโทษที่มารบกวนคุณอีกแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ไม่มีปัญหาครับ เชิญเข้ามาก่อนสิครับ” ผู้ช่วยเชิญหวังเย้าเข้าไปในห้องทำงานของเขา เขาชงชาด้วยใบชาที่ดีที่สุด ซึ่งมีไว้สำหรับแขกสุดพิเศษ

 

“แล้ว มีแค่นี้เหรอครับ?” หลังจากได้รู้ถึงความต้องการของหวังเย้า ผู้ช่วยก็ถามออกมาด้วยควาประหลาดใจ

 

“ใช่ครับ คุณพอจะช่วยได้ไหม?” หวังเย้าถาม

 

“อ่อ ได้แน่นอนอยู่แล้วครับ” ผู้ช่วยรีบตอบ

 

มันเป็นเรื่องง่ายมาก ทั้งหมดที่หวังเย้าต้องการ ก็คือส่วนลดสำหรับอพาร์ทเมนต์ห้องหนึ่ง มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขามาก

 

“ความจริง คุณไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เองเลยนะครับ” ผู้ช่วยพูด “คุณแค่โทรมาหาผมก็ได้แล้ว นี่เป็นนามบัตรของผมครับ”

 

เขาส่งนามบัตรให้กับหวังเย้า ถึงแม้ว่าหวังเย้าจะมีเบอร์ติดต่อของเขาอยู่แล้วก็ตาม

 

“ได้ครับ ขอบคุณมาก” หวังเย้าพูด

 

“ยินดีครับ” ผู้ช่วยพูด

 

เขาไม่คิดว่า หวังเย้าจะสุภาพได้ขนาดนี้

 

หลังจากที่ได้พบกับผู้ช่วยของซุนหยุนเชิงแล้ว หวังเย้าก็แวะไปเยี่ยมหวังหมิงเปา

 

“หืม วันนี้นายไม่ต้องอยู่เฝ้าคลินิกเหรอไง?” หวังหมิงเปาถามด้วยท่าทีหยอกเย้า

 

“ฉันมาในเมืองเพราะมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อยน่ะ แล้วก็เลยคิดถึงนายขึ้นมา” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ดื่มชาสักหน่อยสิ” หวังหมิงเปาพูด

 

“ขอบคุณ” หวังเย้าพูด

 

“ฉันเพิ่งจะไปที่อพาร์ทเมนต์ของซุนหยุนเชิงมา แล้วก็เจอกับคนในหมู่บ้านของเราเยอะเลยล่ะ” หวังเย้าพูด

 

“ฉันก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก มีหลายคนเลยล่ะ ที่มาซื้อของตกแต่งที่นี่” หวังหมิงเปาที่เปิดร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งภายในพูด “พวกเขากลัวเกินกว่าที่จะอยู่ในหมู่บ้านต่อ”

 

คนที่มาซื้อของตกแต่งที่ร้านของหวังหมิงเปา ก็มักจะมาพูดคุยกับเขาอยู่บ่อยๆ ชาวบ้านหลายคนต่างก็แสดงท่าทีกังวล หรือไม่ก็บ่นถึงเรื่องชีวิตของพวกเขาในหมู่บ้านให้หวังหมิงเปาฟัง บางคนยังอยากจะเอาบ้านเก่าสองหลังแลกเปลี่ยนเป็นอพาร์ทเมนต์สองห้องด้วยซ้ำ คนโลภมีอยู่ทุกที่

 

“แล้วนายล่ะ? เอากับเขาด้วยไหม?” หวังหมิงเปาถาม

 

ชาวบ้านสามารถนำบ้านเก่าของพวกเขาไปแลกเป็นอพาร์ทเมนต์ห้องใหม่ หรือไม่ก็ซื้ออพาร์ทเมนต์ในราคาที่ถูกลง เมื่อดูจากความสัมพันธ์ระหว่างหวังเย้ากับซุนหยุนเชิงแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องง่ายมาก หากเขาจะต้องการอพาร์ทเมนต์เหมือนกับคนอื่นๆ

 

“ไม่ล่ะ ฉันไม่ได้อยากอยู่ที่นี่” หวังเย้าพูด

 

เขาซื้ออพาร์ทเมนต์ไว้ในตัวเมืองห้องหนึ่ง แต่เขาก็ไม่เคยมาอยู่เลยสักครั้ง

 

“นายต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านรึเปล่า?” หวังหมิงเปาถาม

 

“ไม่” หวังเย้าพูด

 

“งั้นเราไปกินข้าวด้วยกันไหม?” หวังหมิงเปาถาม

 

“เอาสิ” หวังเย้าพูด

 

หวังหมิงเปายังชวนเพื่อนอีกสองสามคนมากินข้าวด้วยกัน ทุกคนต่างก็ถามไถ่หวังเย้าเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน

 

 

ในห้องแล็ปที่ปักกิ่ง เจ้าหน้าที่หลายคนกำลังจดจ่ออยู่กับบางอย่าง

 

“คิดว่ายังไง?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“แมลงพวกนี้มีเชื้อที่ทำให้ถึงตายอยู่ด้วย” ผู้เชี่ยวชาญในห้องแล็ปวัยประมาณ 50 พูดออกมา เขาสวมแว่นตาและมีรูปร่างท้วมเล็กน้อย

 

“จริงเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูรู้สึกประหลาดใจ

 

“ศาสตราจารย์ไปเอาแมลงพวกนี้มาจากที่ไหนเหรอ?” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปถาม

 

“ถามทำไมเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“แมลงชนิดนี้ต่างไปจากแมงกระชอน ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ผมไม่มีบันทึกเกี่ยวกับแมลงชนิดนี้อยู่เลย” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปพูด

 

“เธอไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“บางทีมันอาจจะถูกค้นพบที่อื่น แต่ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ก็ได้ครับ” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปพูด “แล้วคุณไปเจอพวกมันที่ไหนเหรอครับ?”

 

“ฉันไม่ได้เป็นคนเจอพวกมันหรอก แต่เป็นเพื่อคนหนึ่งของฉันน่ะ เขาพบพวกมันอยู่ในหินก้อนใหญ่” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“ในหินเหรอ?” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปถาม

 

“ใช่ แมลงพวกนี้อาศัยอยู่ในก้อนหิน พวกมันทำให้หินทั้งก้อนกลายเป็นโพรงเหมือนกับรังผึ้ง” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“หา!” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปขมวดคิ้ว “แมงกระชอนอาศัยอยู่ในดิน ผมรู้ว่า พวกมันสามารถขุดดินได้ แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า พวกมันขุดก้อนหินให้เป็นโพรงได้ด้วย นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว แล้วนอกจากแมลงพวกนี้ เขายังเจออะไรอีกไหม?”

 

“เจอหนูตัวหนึ่ง เธอก็รู้ ว่าหนูกับแมลงชอบอยู่ด้วยกัน” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“นี่มันแปลกมาก หนูชอบกินแมงกระชอน ดังนั้น พวกเขาจะไม่มีทางอยู่ด้วยกัน ผมอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้เลย” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปพูด

 

“ไว้เธอค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลังก็ได้ แต่บอกฉันมาก่อนว่า แมลงพวกเขาเอาเชื้อมาจากที่ไหน” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“มันอธิบายได้ยากนะครับ มันอาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของพันธุกรรมก็ได้” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปพูด

 

“แล้วแมงกระชอนชอบกินเนื้อรึเปล่า?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“ไม่ครับ พวกมันกินพืช” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปพูด

 

“แต่แมลงพวกนี้กินเนื้อนะ” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“จริงเหรอครับ?” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปถามด้วยความตกใจ “ไปเอาเนื้อมา!”

 

หนึ่งในผู้ช่วยรีบไปหยิบเนื้อชิ้นเล็กๆมาชิ้นหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปหย่อนเนื้อลงไปในโถแก้ว แมลงพากันโผเข้าไปหาชิ้นเนื้อ และเริ่มกัดกินเนื้อ

 

“พวกมันกินเนื้อจริงๆด้วย” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปรู้สึกประหลาดใจ

 

“เธอแน่ใจนะ ว่าพวกมันเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับแมงกระชอนน่ะ?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“ไม่เชื่อผมเหรอครับ?” ผู้เชี่ยวชาญห้องแล็ปถาม

 

“ศาสตราจารย์หลิน มีคนโทรมาครับ” หนึ่งในผู้ช่วยของเขาพูด

 

“รอก่อนนะครับ อย่าเพิ่งไปไหน ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันนะครับ” ศาสตราจารย์หลินเดินออกไปรับโทรศัพท์ ปล่อยให้ศาสตราจารย์หวูมองดูแมลงกัดกินเนื้ออยู่ในห้องแล็ปเพียงลำพัง มันราวกับว่า พวกมันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว

 

“แมงกระชอนเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูพึมพำ

 

ทั้งแมลงและหนูต่างก็มีเชื้อร้ายอยู่บนร่างกาย นี่เป็นเรื่องร้ายแรงมาก

 

หลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นาน ศาสตราจารย์หลินก็กลับเข้ามาในห้อง “ไปที่ห้องทำงานของผมกันเถอะครับ”

 

“โอเค” ศาสตราจารย์หวูตอบตกลง

 

ทั้งสองเขาไปในห้องทำงานของศาสตราจารย์หลิน และปิดประตูตามหลัง

 

“ทางรัฐบาลประทับใจกับวิธีการที่คุณรับมือกับโรคระบาดในเหลียนชานมากเลยนะครับ” ศาสตราจารย์หลินพูด

 

“ฉันไม่จำเป็นต้องสร้างความประทับใจให้กับพวกเขาหรอก” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“คุณไม่เปลี่ยนไปเลยนะ จริงไหม?” ศาสตราจารย์หลินรู้จักเพื่อนเก่าคนนี้ดี “ปีนี้ มีอะไรที่อยากทำเป็นพิเศษรึเปล่า?”

 

“หมายถึงอะไรเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูถาม “ฉันแค่อยากจะรู้ว่า ทำไมแมลงที่เรียกว่า แมงกระชอนถึงได้มีเชื้ออยู่บนตัว แล้วก็หาที่มาของเชื้อตัวนี้ให้เจอ”