ผสานจิตแห่งยอดเต๋า!

 

ณ ตรงนี้ไม่มีใครเข้าใจเต๋าลึกซึ้งไปกว่าคุนหวูแล้ว

แม้วรยุทธหลอมกลั่นของเย่หยวนจะดูเรียบง่ายจนชวนง่วงนอน แต่ทุกกระบวนเคลื่อนไหวกลับเปลี่ยนไปเสน่ห์แห่งเต๋า

เหล่าลูกศิษย์ของเย่หยวนต่างอุทานขึ้นด้วยความฉงนใจเจือเลื่อมใส เพราะพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงเต๋าของเย่หยวนได้เลย

ระดับของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากเกินไป

 

คุนหวูไม่รู้จักการหลอมกลั่นโอสถ แต่เท่าที่ได้ยินจากคำอุทานของเหล่าลูกศิษย์เย่หยวน เขาก็สามารถสันนิฐานได้ทันทีว่า สิ่งที่เย่หยวนกำลังสำแดงใช้อยู่คือวรยุทธหลอมกลั่นขั้นพื้นฐานที่สุด

แต่แน่นอน สิ่งที่เย่หยวนกำลังใช้จริงๆนั้นมันไม่ใช่วรยุทธหลอมกลั่นขั้นพื้นฐานที่สุดอย่างที่คิด

มันดูขัดแย้งกันไปหมด สูงสุดคืนสู่สามัญ

นี่แหละคือ…เคล็ดสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์!

 

“หุหุ น่าสนใจเลยทีเดียว! เด็กคนนี้อาจทำสำเร็จก็เป็นได้!”

คุนหวูกล่าวขึ้นพลางหัวเราะเล็กน้อย

 

เสี่ยวหลู่หยานพลันได้ยินคำกล่าวนั้นพอดี ยามนี้นางกลั้นใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดและเอ่ยถามไปว่า

“ท่านอาวุโสนั้นหมายความอย่างไร? ผู้เยาว์เห็นว่าอาจารย์กำลังสำแดงใช้วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งอยู่ เพียงแรกเห็นก็ทราบทันที! แล้วเช่นนี้…อาจารย์จะหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์ได้สำเร็จหรือไม่?”

 

ทุกคนต่างเงี่ยหูฟังโดยพร้อมใจ รอฟังคำตอบที่ออกจากปากของคุนหวู

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอิ้งหมัวหู่ ก่อนหน้าเขาเพิ่งฟังมาว่า เย่หยวนได้สร้างวรยุทธหลอมกลั่นชนิดใหม่ทีทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า นั้นคือ เคล็ดสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์ แต่สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้กลับเป็น วรยุทธหลอมกลั่นขั้นพื้นฐานที่สุดแทน

เขาทราบดีว่า เย่หยวนมิได้ล้อเล่นแน่นอน แต่ก็ไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่า วรยุทธที่เย่หยวนสำแดงใช้อยู่ในขณะนี้ แตกต่างจากวรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งอย่างไร?

 

“วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่ง? ฮ่าฮ่า! ผิดแล้ว,ผิดแล้ว! อาจารย์ของพวกเจ้าได้สำเร็จถึงจุดที่เรียกว่า เห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นธารน้ำเป็นธารน้ำแล้ว สูงสุดคืนสู่สามัญ สรรสร้างแต่งเติมจนสวยหรูเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแก่นแท้คือแท้จริง ขุมพลังที่พรั้งพรูออกมา มันต่างระดับชั้นเกินไปจนพวกเจ้าไม่สามารถสัมผัสได้”

คุนหวูกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ

 

ดวงเนตรไสวงามคู่นั้นของเสี่ยวหลู่หยานส่องสว่างขึ้นทันใด นางพยายามพินิจครุ่นคิดอย่างละเอียดทว่ามิอาจเข้าใจ เช่นนั้นจึงกล่าวต่อว่า

“ท่านอาวุโสโปรดแถลงไขให้ผู้เยาว์!”

 

คุนหวูเหลียวมองนางเล็กน้อยพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“เรามิอาจบรรลุเป้าหมายได้โดยไม่ทำอะไรเลย และมิอาจบรรลุเป้าหมายได้เช่นกันหากข้ามขั้นตอน ทุกอย่างต้องเป็นไปทีละเล็กละน้อย แม่น้ำไม่สามารถถือกำเนิดขึ้นได้ในวันเดียว มันจำต้องสั่งสมธารน้ำหลายหลากสายผสานรวม แม้ข้าจะไม่รู้เรื่องการหลอมกลั่นโอสถ แต่จุดหมายของเต๋าล้วนบรรจบลง ณ จุดเดียวกัน และข้าสามารถสัมผัสถึงเต๋าของอาจารย์เจ้าได้อย่างชัดเจน! วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งคือวรยุทธขั้นพื้นฐานที่สุด และนั้นยังมีรากฐานแห่งเต๋าซ่อนเร้นอยู่ด้วย เมื่อผู้คนฝึกปรือถึงระดับสูง เวลาก้มมองลงมาย่อมเห็นทัศนียภาพที่กว้างกว่าผู้คนในระดับต่ำเสมอ!”

 

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาได้แต่จับจ้องดั่งคนโง่งม!

มีเพียงพวกเขาที่ตระหนักดีเยี่ยม โลกที่เย่หยวนยืนอยู่ช่างแตกต่างจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง

ซึ่งโลกที่เย่หยวนกำลังยืนอยู่นี้ก็ไม่สามารถสรรหาคำใดมาพรรณนาได้เลยเช่นกัน

พวกเสี่ยวหลู่หยานทั้งสามต่างสบสายตากันไปมา พลางคลี่ยิ้มเจื่อนแสนขื่นขม

ที่เย่หยวนเรียกพวกเขาออกมาก็เพื่อต้องการใหรับรู้ถึงศาสตร์แห่งโอสถในอีกระดับที่แตกต่าง

แต่น่าเสียดาย พวกเขาจะเฝ้าดูศึกษาได้อย่างไร ในเมื่อเย่หวนใช้เพียงวรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งเท่านั้น

 

พวกเขาทั้งสามล้วนถูกกวดขันอย่างหนักโดยเย่หยวน และคุ้นชินกับวรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งเป็นอย่างดี

ความเชี่ยวชาญของทั้งสามได้บรรลุถึงอาณาจักรบรรพกาลนานแล้ว

เฉพาะเสี้ยวอึดใจนี้ พวกเขากลับเพิ่งตระหนักได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว เส้นทางแห่งโอสถยังคงอีกยาวไกลนัก

แต่ละวันที่พ้นผ่าน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม พริบตาเดียวสิบวันผ่านไป

ในระยะสิบวันมานี้ กลับไม่มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นเลยสักนิด

เย่หยวนยังคงใช้วรยุทธขั้นพื้นฐานที่สุดเพื่อหลอมกลั่นโอสถ เขามิได้มีท่าทีรีบร้อนใดๆ

 

อย่างไรก็ตาม สีหน้าการแสดงออกของพวกเสี่ยวหลู่หยานและคนอื่นๆต่างดูเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง

เย่หยวนกำลังหลอมกลั่นสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าชนิดไปพร้อมๆกัน ซึ่งเขาก็สามารถทำได้สำเร็จจริงๆภายในเวลาสิบวัน

ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเข้าใจถึงความหมายในคำกล่าวของคุนหวู

หากนี่เป็นแค่วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งจริงๆ นั้นจะไม่สามารถหลอมกลั่นสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าชนิดได้ในเวลาเดียวกัน

ยิ่งไปกว่านั้นเอง ภายในหัวเชื้อของสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าชนิดยังผสมผสานกับสมุนไพรวิญญาณอื่นๆนับร้อยชนิด ความยากในการควบคุมทุกอย่างให้สมดุลกัน มันยากพอๆกับการขึ้นสวรรค์

 

สิบวันมานี้ได้พิสูจน์แล้วว่า เย่หยวนมิได้กล่าวผิดแต่อย่างใด

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภาพฉากที่ผู้คนไม่กล้าจินตนาการ

ศาสตร์แห่งโอสถของเย่หยวนสูงล้ำเกินขอบเขตรความเข้าใจของทุกคนไปแล้ว

 

ลึกซึ้งเกินไป!

 

ทันใดนั้นเอง สีหน้าการแสดงออกของทุกคนพลันแปรเปลี่ยนในบัดดล มวลเมฆากลุ้มหนาเข้ารวมตัวกันเหนือน่านฟ้า รัศมีสุริยันสีทองอร่ามสาดกระจายลงมาแพร่ประกายสวยงาม เสมือนว่ากำลังจะมีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้น

 

คุนหวูเงยหน้ามองท้องนภา พลางหัวร่อกล่าวขึ้น

“หุหุ ผสานจิตแห่งยอดเต๋า! เด็กคนนี้น่าที่งโดยแท้!”

 

 

……………….

 

 

เปรี๊ยงงง!

เหนือน่านฟ้าทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏม่านรัศมีสุริยันทองคำไสวเจิดจรัสเช่นกัน สิ่งนี้ได้ย่อมผืนพิภพกลายเป็นสีสันสวยงาม

 

เหนือเก้าสวรรค์ คลื่นเมฆาสายอัสนีวชิระคำรนกู่ก้องจากทั่วสารทิศ!

 

ณ เผ่ามังกรในภูมิภาคอสูร ฟางเทียนเงยศีรษะขึ้นมองน่านฟ้าทอดยาวสุดสายตาด้วยแววตาเป็นประกายสุกไสว

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ใครกันที่ทำให้ฟ้าดินก่อเกิดปรากฏการณ์อันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้!”

ฟางเทียนกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ

 

“ท่านอาวุโส หากพินิจมองทิศทางที่เกิดปรากฏการณ์ให้ดี นั้นมาจากทางทิศใต้ที่ตั้งหุบเขาเหวพระเจ้าอย่างแม่นยำ หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เย่หยวนจะสามารถบรรลุกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้แล่ว?”

เคียงกายฟางเทียน ปรากฏเป็นเต็งหยุนที่โพล่งกล่าวขึ้นอย่างตื่นอกตื่นเต้น

 

ฟางเทียนหัวเราะขึ้นทันทีและกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่นว่า

“เจ้าคิดมากเกินไป! ลืมเรื่องทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าได้เลย ต่อให้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า ฟ้าดินย่อมไม่มีทางเกิดปรากฏการณ์แบบนี้เช่นกัน! สิ่งเดียวที่พออธิบายคือ อาจมีการดำรงอยู่ใดในเขตพระเจ้าต้องห้ามไปกระตุ้นมันขึ้น ข้าเกรงว่า…”

 

ความหวังของเต็งหยุนดุจดวงไฟน้อยๆถูกดับวูบทันทีโดยฟางเทียน

 

ปรากฏว่า ปรากฏการณ์ฟ้าดินในครั้งนี้กินเวลานานถึงสามวันสามคืนเต็ม ยิ่งเวลาผ่านไป รัศมีสุริยันทองคำยังแพร่กระจายครอบคลุมทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์

แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า ยังไม่สามารถสร้างปรากฏการร์อันน่ามหัศจรรย์ขนาดนี้ได้เลย

 

ทันใดนั้นเอง ฟางเทียนเร่งหลับตาในทันใด แต่เมื่อเต็งหยุนเห็นดังนั้นก็เร่งโพล่งเตือนขึ้น

“ท่านอาวุโส อย่าเด็ดขาด!”

 

ยังไม่ทันสิ้นเสียงดี ฟางเทียนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่พลันกระอักพ่นเลือดสดคำโตเสียงดัง

ในเสี้ยวอึดใจต่อมา ฟางเทียนก็ดูแก่ลงยิ่งกว่าเดิมทันตา!

 

ฟางเทียนลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างเจจ็บปวดและกล่าวว่า

“สรวงสวรรค์มิได้อนุญาตให้ข้าสอดเห็น! ข้าหวังว่า เย่หยวนจะกลับออกมาอย่างปลอดภัย!”

 

 

………………………….

 

 

ในเขณะเดียวกัน ข่านนั่วก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างแช่มช้า สีหน้าการแสดงออกของมันพลันบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง!

 

“นี่มัน ผสานจิตยอดเต๋า! เจ้าเด็กนั้นคงไม่ประสบความเสร็จจริงๆใช่ไหม?”

 

“หื้ม? กลัวงั้นรึ? ตาแก่ เจ้าในตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรแล้ว!”

เยวี่ยจี้กล่าวบ่นเสียงเย็น

 

“หึ! ตอนนี้เหลือแค่มันกับข้าใครจะเร็วกว่าเท่านั้น! เมื่อใดที่ข้าผู้นี้กวาดล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์จนสิ้นซากได้ ต่อให้มันจจะขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าแล้วอย่างไร? สามวันหลังจากนี้ เตรียมเคลื่อนทัพบุกภูมิภาคอสูร! เป้าหมายต่อไปคือ การล้างบางเผ่าอสูรให้หมดสิ้น! ข้าไม่เชื่อว่า เจ้าฟางเทียนจะสามารถหยุดทัพของเราได้เช่นกัน!”

ข่านนั่วกล่าวขึ้นอย่างเดือดดาล

 

คู่ดวงเนตรงามไสวเล็กน้อย เยวี่ยจี้กล่าวขึ้นว่า

“เจ้าฟื้นพลังสมบูรณ์แล้ว?”

 

“หึหึ แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร? ผ่อนคลายเถอะ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของข้าโดยสมบูรณ์! ต่อให้เจ้าเด็กนั้นจะบรรลุกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าและกลับมาล้างแค้น มันก็มิอาจหนีรอดออกจากเงื้อมมือของข้าได้! ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เมื่อกล่าวจบ ข่านนั่วก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นอย่างชอบอกชอบใจ

 

เยวี่ยจี้จับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา นางไม่ทราบจริงๆว่า ข่านนั่วไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน

 

 

…………………………

 

 

ภายในหุบเขาเหวพระเจ้า รัศมีสุริยันทองคำบนท้องนภาค่อยไหลบ่าบรรจบลงในหม้อหลอมราชามังกร

 

เสี่ยวหลู่หยานและคนอื่นๆต่างจับจ้องไม่กล้าละสายตาออก

 

ตึงงง…

ทันใดนั้น หม้อหลอมราชามังกรก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

 

จากภาพฉากนี้ทำเอาสีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไปในทันที!

 

 

บูมมมม!

 

เพียงได้ยินเสียงระเบิดดังกระหึ่ม หม้อหลอมราชามังกรระเบิดออกโดยตรง

คลื่นพลังขุมหนึ่งสุดน่าสะพรึงกลัวพลันพรั่งพรูออกมาไม่หยุดหย่อน