เหตุการณ์แทรกซ้อนของตระกูลหลัวไม่มีความสำคัญสักนิด หลังจากนั้นห้าวัน วันที่สี่ เดือนมิถุนายน ฉู่อี้อันกับซูอี้ก็นำทัพกลับมาราชสำนักด้วยชัยชนะ
สถานการณ์ชายแดนทางเหนือสงบลงแล้ว ฮ่องเต้พอใจเป็นอย่างมากจนจัดงานเลี้ยงราชสำนัก เหล่าขุนนางร่วมฉลองให้กับทั้งสองคนที่นำทัพกลับมาด้วยชัยชนะ
ถึงแม้ฮ่องเต้จะยังไม่ได้ปูนบำเหน็จให้แก่ขุนนางที่สร้างความดีความชอบคนนี้อย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเป็นไปได้มากทีเดียวที่หลังจากสงครามทางใต้สงบลงแล้ว ตำแหน่งบรรดาศักดิ์อ๋องฉางซุ่นจะต้องตกเป็นของเขา
หลังจากช่วงเวลาหนึ่งเดือนอันแสนสั้นนั้นสถานการณ์พลิกผันอย่างสิ้นเชิง คนที่เคยเป็นนักโทษอย่างซูอี้กลายเป็นขุนนางใหม่ที่มีอำนาจและอิทธิพลในราชสำนักอย่างมาก ผู้คนมากมายต่างแย่งกันผูกมิตรประจบสอพลอเขา
——————————-
ณ จวนหลัวกั๋วกง
บรรยากาศอึมครึมปกคลุมหลัวอวี่ก่วนกับหลัวเสียง ทั้งสองคนต่างมีสีหน้าแย่ยิ่งกว่าอีกฝ่าย
หลัวเสียงนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้นานมาก ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าจ้องหลัวอวี่ก่วนเขม็ง
“ก็บอกไปว่าเจ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เลือกคนทั้งทีก็มีตาหามีแววไม่ ดันเลือกเจ้าคนอายุสั้นที่ดีแต่คุยโวโอ้อวดนั่น!”
แม้มาจากตระกูลซูเหมือนกัน แต่ซูอี้กลายเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบจากการทำให้สงครามชายแดนทางเหนือสงบลง และดูจากท่าทีของฮ่องเต้ในเวลานี้ เขาก็ได้พิสูจน์ว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีก่อกบฏของจวนอ๋องฉางซุ่นแล้ว ทำให้ไม่เพียงแต่ไม่ติดร่างแหไปด้วย แต่กลับมีความเป็นไปได้มากว่าจะได้รับตำแหน่งต่อจากซูหังและกลายเป็นผู้กุมบังเหียนจวนอ๋องฉางซุ่นคนใหม่
หากคนที่หลัวอวี่ก่วนพึ่งพาแต่แรกไม่ใช่ซูหลินแต่เป็นซูอี้ เวลานี้ทุกคนคงยินดีด้วยกันหมด!
ทว่า…
“ท่านพี่มาพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ยังมีประโยชน์อะไรอีก? ข้าจะนึกถึงได้อย่างไร…” หลัวอวี่ก่วนเอ่ยทั้งน้ำตา ช่วงนี้นางยิ่งเป็นทุกข์เรื่องนี้จนไม่เป็นอันกิน แต่พูดไปได้เพียงครึ่งเดียวน้ำย่อยในกระเพาะก็ตีกลับขึ้นมาอีก นางรีบปิดปากแล้วไปอาเจียนอยู่ด้านหนึ่ง
หลัวเสียงยิ่งรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมา สายตาของเขาจับจ้องไปที่ท้องของนางอย่างแน่วแน่ครู่หนึ่ง รอนางหายเป็นปกติแล้วถึงเอ่ย “สองสามวันนี้หลัวเถิงกับหลัวซืออวี่ต่างคอยจับตาดูพวกเราทุกฝีก้าว ข้าก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม…”
จะทำแท้งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หลัวเถิงกับหลัวซืออวี่คอยจับตาดูอย่างใกล้ชิดแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าทำอะไรแม้แต่น้อยเช่นกัน เกรงว่าหากขยับตัวทำอะไรแม้แต่นิดเดียวจะทำให้อีกฝ่ายล่วงรู้ด้วย
หลัวอวี่ก่วนยิ่งกระวนกระวายใจ ยังดีที่ช่วงนี้นางผอมลงมาก สวมเสื้อผ้าก็แลดูหลวมจึงยังสามารถซ่อนไว้ได้ชั่วคราว แต่หากผ่านไปอีกสองสามเดือนนางคงได้แต่หลบหน้าหลบตาไม่เจอผู้คนตลอดเวลา หาไม่แล้ว…
“หลัวซืออวี่รู้เรื่องของข้ากับซูหลินหมดแล้ว!” หลัวอวี่ก่วนเอ่ยอย่างลนลานและประคองถ้วยชาในมือไว้แน่น
หากไม่รีบกำจัดเด็กคนนี้อย่างเร็วที่สุด หลัวซืออวี่จะต้องส่งคนมาฆ่านางแน่! เพื่อไม่ให้คนตระกูลหลัวเข้าไปพัวพันกับคดีก่อกบฏของตระกูลซู
ผู้หญิงร้ายลึกอย่างนางจะต้องทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน!
พอคิดถึงตรงนี้ หลัวเสียงก็ร้อนใจเช่นกัน หลัวอวี่ก่วนถูกลงโทษยังไม่เท่าไร แต่ถึงตอนนั้นพวกคนของฮูหยินใหญ่จะต้องฉวยโอกาสจัดการเขาไปด้วยแน่!
ถึงแม้เขาจะไม่อยากยุ่งกับหลัวอวี่ก่วน แต่เวลานี้ทั้งสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ดังนั้นใครจะเป็นอะไรไปไม่ได้ทั้งนั้น
“เจ้าให้เวลาข้าคิดอีกหน่อยเถอะ!” หลัวเสียงคิดมานานแล้วแต่ยังคิดไม่ออก สุดท้ายเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ มองท้องของหลัวอวี่ก่วนอีกครั้งและลุกขึ้นเดินออกไป
หลัวอวี่ก่วนวางถ้วยชาลงแล้วเข้าไปในห้องนอน สองมือของนางจับท้องแล้วก็ร้องไห้อีก
เซียงเฉ่ายกรังนกเข้ามาให้นางและเอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “คุณหนู ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องทำตัวให้สดชื่นเข้าไว้นะเจ้าคะ เวลานี้ตัวท่านมีสองคนแล้ว อย่างไรก็ทำร้ายตนเองไม่ได้ กินก่อนสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ!”
“ไสหัวไป!” หลัวอวี่ก่วนผลักนางอย่างโมโหเดือดดาล แล้วไปฟุบหน้าร้องไห้โฮบนเตียง “จะทำร้ายตนเองก็ช่าง ตอนนี้ข้าอยากจะทำให้เขาหายไปซะ เขาเป็นไอ้ตัวซวย!”
เซียงเฉ่าเก็บเศษชามที่แตกแล้วเดินไปนั่งบนขอบเตียงร้องไห้เป็นเพื่อนนางเงียบๆ “คุณหนู ข้าเคยได้ยินคนบอกว่าการทำแท้งอันตรายมาก หากไม่ไหวจริงๆ ท่านขอฮูหยินใหญ่กลับบ้านเกิดเถอะเจ้าค่ะ แล้วถึงตอนนั้นค่อยแอบคลอดเด็กออกมา ที่นั่นห่างไกลจากผู้คนไม่มีใครรู้อย่างแน่นอน ท่านไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตตนเองไปเสี่ยงอันตรายจริงๆ หรอกเจ้าค่ะ หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะได้ไม่คุ้มเสีย!”
หลัวอวี่ก่วนเอาแต่ซบหน้าร้องไห้อยู่บนเตียง
แน่นอนว่านางก็รู้ว่าการทำแท้งอันตราย แต่อย่างไรถ้าจะเก็บไว้ก็ยังไม่รู้ว่าจะสามารถปิดบังได้จนถึงที่สุดและไม่มีใครรู้ได้จริงหรือเปล่า ทว่าหากคลอดออกมาจริงก็จะเป็นภัยแก่ตนเองเช่นกัน
ไม่ควรเลยจริงๆ ซูหลินไม่ควรเป็นพ่อของเด็กคนนี้
เหมือนที่หลัวเสียงบอก หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น…
ถึงแม้เรื่องที่ลอบมีความสัมพันธ์กันจนท้องหลุดออกไปแล้วจะอับอายขายหน้า แต่นางก็คงไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวาดหวั่นเช่นตอนนี้
ทั้งหมดนี่ต้องโทษซูหลิน!
หลัวอวี่ก่วนรู้สึกเกลียดชังมาก นางดึงและทุบตีผ้าห่มอย่างแรง จนดึงฟูกด้านล่างออกมาข้างนอกด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ ขวดเซรามิกเล็กๆ สีม่วงอมแดงที่ทำขึ้นอย่างประณีตก็กลิ้งตกลงไปบนพื้น
“อ๊ะ!” ถึงแม้ในห้องจะไม่มีคนนอก แต่เซียงเฉ่าก็ยังตกใจตลอด นางรีบแย่งขวดนั้นมาถือไว้ในมือและเอ่ยอย่างหวาดผวาว่า “ทิ้งของชิ้นนี้ไปเถอะเจ้าค่ะ!”
หลัวอวี่ก่วนหยุดร้องไห้แล้วหันกลับมาเพ่งมองขวดเซรามิกที่อยู่ในมือเซียงเฉ่า
ตอนแรกนางตั้งใจเสาะหาพวกของที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศเก็บไว้ เพื่อให้ซูหลินชื่นชอบนาง เพียงแต่กลัวว่าหากเขารู้เข้าแล้วจะไม่พอใจจึงไม่ได้ใช้บ่อย
สายตาของหลัวอวี่ก่วนขยับเล็กน้อย นางค้ำไม้รองเตียงแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง พลางยื่นมือเอ่ย “เอามา!”
เซียงเฉ่าส่งให้อย่างลังเล
หลัวอวี่ก่วนกุมขวดนั้นไว้ในมือแน่น แต่สายตาของนางกลับค่อยๆ ฉายแววเด็ดเดี่ยว
ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ แม้แต่หลัวเสียงยังไม่จริงใจกับนาง และเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พึ่งพาคนอื่นไม่สู้พึ่งพาตนเอง[1] อย่างไรนางก็ยอมรับชะตากรรมไม่ได้อยู่ดี!
ในเมื่อมาถึงทางตันแล้วก็ต้องสู้จนถึงที่สุดเหมือนกัน!
เซียงเฉ่าเห็นนัยน์ตาของนางฉายแววเย็นชาอย่างไร้สาเหตุ ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในทันใด
——————————-
เทียบกับสถานการณ์ทางฝั่งซูอี้ที่ดีขึ้นตามไปด้วยในสงครามครั้งนี้ ทางฝั่งวังบูรพากลับเงียบสงบมาก
หลังจากฉู่อี้อันกลับมาราชสำนักแล้วเขายังคงไปเข้าเฝ้าตอนเช้าแล้วกลับมาที่วังตามปกติทุกวัน เขาลงมือบริหารและบัญชาการทั้งหกกรม[2] ด้วยตนเอง แล้วยังกำหนดวันแต่งงานใหม่ให้ฉู่เยว่หนิงและเตรียมงานแต่งงานให้ลูกสาว
นอกจากถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าวังบ่อยยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว เรื่องอื่นก็ยังเหมือนเดิม
วันที่ยี่สิบสี่เดือนนี้ ท่านหญิงฉู่เยว่หนิงแห่งวังบูรพาจะแต่งงาน
ภายในวังเต็มไปด้วยแขกมากมาย ขุนนางระดับสูงในรัชสมัยปัจจุบันเกือบทั้งหมดต่างมาร่วมงานแต่งงานที่ทั้งยิ่งใหญ่และคึกคัก รอบงานประดับประดาไปด้วยโคมไฟและผ้าแพรหลากสี แม้แต่ซูอี้ที่ทุกคนต่างคิดว่ามีความบาดหมางกับวังบูรพาก็นำของขวัญมาให้เช่นกัน
ฮูหยินใหญ่ต้อนรับแขกที่มาร่วมงานแต่งงานของลูกสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขยิ่งนัก
เนื่องด้วยเป็นโอกาสดีที่ได้ชัยชนะจากชายแดนทางเหนือพอดีเช่นกัน ฮ่องเต้อารมณ์ดีมากจนเขียนแผ่นป้ายคำขวัญที่แขวนไว้เหนือประตู ‘รักกันกลมเกลียวตลอดไป’ ด้วยลายพระหัตถ์ของพระองค์เอง ยิ่งเพิ่มสีสันให้พิธีแต่งงานไม่น้อย
ฉู่สวินหยางก็ลุกขึ้นมาช่วยฮูหยินใหญ่จัดงานตั้งแต่เช้ามืดและฟ้ายังไม่สว่างเช่นกัน นางยุ่งจนหัวหมุน
หากไม่ใช่ว่าหาฤกษ์มงคลตอนกลางคืนไม่ได้จริงๆ โดยปกติแล้วพิธีแต่งงานของชนชั้นสูงซีเยว่จะกำหนดให้จัดในเวลากลางคืน แต่ว่างานเลี้ยงทางฝั่งวังบูรพานี้จะเริ่มในตอนเที่ยง
——————————————————
[1] พึ่งพาคนอื่นไม่สู้พึ่งพาตนเอง หมายถึง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
[2] หกกรม ประกอบด้วย 1) กรมขุนนาง รับผิดชอบด้านงานบริหารทั่วไปและแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งขุนนาง 2) กรมคลัง รับผิดชอบด้านการเงิน ดูแลจัดเก็บภาษี และงบประมาณแผ่นดิน 3) กรมพิธีการ รับผิดชอบด้านงานพระราชพิธีในราชสำนัก การจัดสอบจอหงวน และงานด้านการต่างประเทศ 4) กรมกลาโหม รับผิดชอบด้านการทหารและกองทัพ 5) กรมอาญา รับผิดชอบด้านกฎหมายและการตัดสินคดี 6) กรมโยธา รับผิดชอบด้านงานก่อสร้างของแผ่นดิน ทั้งการคมนาคมและชลประทาน