ตั้งแต่ฉู่อี้อันกลับมา ฉู่สวินหยางก็โดนควบคุมพฤติกรรมอยู่เป็นระยะ และเนื่องจากต้องช่วยจัดงานแต่งงานของฉู่เยว่หนิง นางจึงไม่ว่างมาเจอเหยียนหลิงจวินหลายวันแล้ว
ดังนั้นเหยียนหลิงจวินไม่ยอมพลาดโอกาสอย่างวันนี้แน่นอน แต่ก็ไม่คิดว่าเพียงแค่เขามาด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์อย่างชัดเจน ฉู่สวินหยางจะยังยุ่งอยู่กับการต้อนรับญาติผู้หญิงที่เรือนด้านหลังตลอดทั้งเช้าและไม่ได้เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ
เหยียนหลิงจวินทักทายเพื่อนขุนนางหลายคนไปเล็กน้อย แต่จิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงหาข้ออ้างออกมาจากห้องโถง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังแว่วมาจากข้างหลัง ระหว่างที่เดินอ้อมระเบียงคดและกำลังจะเข้าไปในสวนดอกไม้
“ใต้เท้าเหยียนหลิง?”
เหยียนหลิงจวินหยุดฝีเท้าและหันกลับไปมอง
หญิงสาวนางหนึ่งเดินอมยิ้มเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า
รูปร่างหน้าตานางไม่ได้โดดเด่นกว่าคนอื่นสักเท่าไรกลับธรรมดาเสียด้วยซ้ำ แต่นางก็เป็นเช่นนี้ ท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน สุขุมเยือกเย็น และดูสูงศักดิ์แบบชนชั้นสูงแสดงออกผ่านการขยับตัวอย่างคล่องแคล่วว่องไวนั้นทุกย่างก้าว
วันนี้นางสวมชุดสีเขียวของฝ่ายใน แต่กลับติดเครื่องประดับทองคำบริสุทธิ์และมรกตทั้งชุด จนดูเป็นชนชั้นสูงไปทั้งตัว
ทว่าที่น่าแปลกที่สุดคือแม้จะแต่งตัวมาอย่างอลังการและดูสูงศักดิ์เช่นนี้ แต่กลับไม่วางอำนาจบาตรใหญ่ บรรยากาศที่แผ่กระจายออกมาจากตัวนางยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม
“ไม่คิดว่าจะเจอท่านที่นี่!” หญิงสาวเดินอมยิ้มเข้ามาหา รอยยิ้มของนางยังคงรักษาท่าทีดูมีมารยาทและไม่ได้ออกหน้าออกตาเกินไป
ท่าทางเหยียนหลิงจวินเหมือนจะสนิทกับนางเช่นกัน เขายกยิ้มเอ่ย “ท่านหญิงกลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไรกัน?
ทำไมข้าไม่ได้ยินองค์ชายเจี่ยนพูดถึงเลย?”
“ใต้เท้าเหยียนหลิงงานยุ่ง เรื่องเล็กน้อยของข้าจะอยู่ในสายตาท่านได้อย่างไร” หญิงสาวเอ่ยอย่างนุ่มนวล จะว่าพูดเล่นแต่กลับไม่ค่อยเหมือน สรุปแล้วท่าทีของนางช่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
“ฮ่า…” เหยียนหลิงจวินได้ยินแล้วก็ปิดปากหัวเราะเจื่อนกลบเกลื่อนอย่างอึดอัดใจทันที
หญิงสาวมองเขาแล้วก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ นางยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัยเหมือนเดิมและเอ่ย “เกิดสงครามขึ้นทางใต้ ท่านพ่อไม่สบายใจจึงเรียกข้ากลับมาก่อน ข้ากลับมาได้สักระยะแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ? อาการป่วยของรุ่ยหวางเฟย[1] ดีขึ้นบ้างหรือไม่?” เหยียนหลิงจวินเอ่ยถาม
“ร่างกายของท่านแม่ก็เป็นแบบนั้นตลอด เดี๋ยวดีเดี๋ยวทรุด พูดถึงก็ยังต้องขอบคุณใต้เท้าเหยียนหลิงครานั้นที่ให้คำแนะนำตั้งแต่ต้น หลังจากไปรักษาตัวที่หมู่บ้านน้ำพุร้อนทางใต้มาระยะหนึ่ง สีหน้าของท่านแม่ก็ดูดีขึ้นมากจริงๆ อาการหายใจหอบก็ไม่กำเริบบ่อยอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยอย่างซาบซึ้ง แต่กลับรักษาสีหน้าไว้ได้ดีมากจนดูไม่ออกว่าจงใจแม้แต่น้อย
“ใต้เท้าว่างวันไหน ไปตรวจท่านแม่ข้าที่จวนของพวกเราได้อีกหรือไม่?”
เหยียนหลิงจวินพยักหน้า “วันมะรืนเถอะ ถึงเวลานั้นข้าจะแจ้งท่านหญิงกับองค์ชายเจี่ยนให้ทราบก่อน”
“ได้!” หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกว่า “ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครู่หนึ่งกว่าจะเริ่มงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ หากใต้เท้าเหยียนหลิงไม่มีธุระอื่น จะว่างเดินเล่นกับข้าสักหน่อยหรือไม่? คิดเสียว่าฆ่าเวลา ช่วงนี้ข้าก็อ่านตำราแพทย์พื้นฐานเหมือนกัน มีหลายคำถามอยากขอคำชี้แนะจากท่านพอดี”
“ข้า…” เหยียนหลิงจวินคิดจะปฏิเสธ
แล้วหญิงสาวก็หัวเราะเยาะอีก พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงครึ่งไม่จริงครึ่งว่า “ครั้งก่อนท่านปฏิเสธสาส์นของข้า ครั้งนี้ก็ยังจะปฏิเสธอีกงั้นหรือ?”
เหยียนหลิงจวินยิ้มอย่างขอไปที
แล้วก็ได้ยินเสียงคล้ายอึดอัดใจของชิงเถิงดังมาจากด้านหลังว่า “คารวะท่านหญิงฉางหนิงและใต้เท้าเหยียนหลิงเจ้าค่ะ!”
เหยียนหลิงจวินแอบเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะเห็นชัดแล้วว่าข้างหลังมีชิงเถิงเดินมาแค่คนเดียว แต่กลับไม่กล้าชะล่าใจ
“เจ้าเป็นสาวใช้ของสวินหยางใช่หรือไม่?” หญิงสาวพยักหน้ายิ้ม แล้วเดินเข้าไปหาอย่างใจเย็น
“เจ้าค่ะ! ข้าเป็นสาวใช้ของท่านหญิงสวินหยาง ชื่อชิงเถิงเจ้าค่ะ!” ชิงเถิงเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัด แต่เรื่องมารยาทนั้นไม่มีข้อบกพร่อง นางคารวะทั้งสองคนแล้วก็เดินต่อไปข้างหน้า “ข้ายังต้องไปหาท่านหญิงของข้าอีก ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
เหยียนหลิงจวินอยากพูดอะไรบางอย่างแต่กลับทำไม่ได้ จึงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวเห็นท่าทางของเขาแล้วก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ นางถามด้วยรอยยิ้มว่า “ใต้เท้าเหยียนหลิง?”
“อ้อ!” เหยียนหลิงจวินได้สติกลับมา เขายิ้มตอบนางอย่างมีมารยาท “ได้ยินว่าวันนี้ซูอี้ก็มาเช่นกัน ข้าไม่เจอเขานานมากแล้ว กำลังจะไปหาเขาพอดี ไว้วันหลังข้าค่อยมาคุยเรื่องเก่าๆ กับท่านหญิงดีกว่า!”
“ในเมื่อใต้เท้าเหยียนหลิงมีธุระ เช่นนั้นก็ตามใจเถอะ!” หญิงสาวก็ไม่ฝืนใจเช่นกัน นางยิ้มเล็กน้อยแล้วขยับตัวเปิดทางให้เขา แต่สายตากลับหันไปเพ่งมองทางเดินแคบเยื้องฝั่งตรงข้ามเล็กน้อยในชั่วพริบตา
ตรงนั้นฉู่สวินหยางกำลังพาสาวใช้กลุ่มหนึ่งเดินถือของพวกถ้วยชาและจานรองมาทางนี้ ชิงเถิงเดินอ้อมระเบียงคดไปเจอนางพอดี สองนายบ่าวกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่
ทันใดนั้นสายตาของฉู่สวินหยางก็มองมาทางนี้เช่นกัน
เหยียนหลิงจวินชะงักฝีเท้าไป
ว่าแล้วฉู่สวินหยางก็พาเหล่าสาวใช้เดินขึ้นมาบนระเบียงคดอย่างสุภาพเรียบร้อย
ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้ทำอะไรเช่นกัน แต่เหยียนหลิงจวินกลับรู้สึกหวาดหวั่นอย่างไร้สาเหตุ เขามัวแต่ลังเลอยู่จึงไม่ได้เอ่ยทักทายก่อน
ทว่าฉู่สวินหยางกลับเดินผ่านเขาไป แล้วอมยิ้มเอ่ยกับหญิงสาวว่า “ท่านอา ตอนนั้นได้ยินฮูหยินใหญ่บอกว่าท่านก็มาด้วย ข้ายังว่าทำไมไม่เห็นท่านเลย ในห้องอุดอู้เกินไปหรือ?”
ครอบครัวของฉู่ซิ่นรุ่ยชินอ๋อง[2] นอกจากฉู่อี้เจี่ยนที่โชคดีรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดแล้ว คนอื่นล้วนตายในการสังหารหมู่สมัยฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อนหมด หลังจากนั้นเขาก็แต่งงานและมีลูกใหม่อีกครั้ง
ผู้ได้รับบรรดาศักดิ์ ‘ท่านหญิงฉางหนิง’ ตรงหน้านี้คือลูกสาวเพียงคนเดียวที่เกิดจากชายาเอกของเขาในเวลานี้
ฉู่ซินรุ่ย…
และเพราะว่าเป็นลูกสาวที่เกิดจากชายาคนใหม่ที่แต่งหลังจากสูญเสียชายาคนแรกไป ตอนนี้ฉู่ซินรุ่ยก็เพิ่งจะอายุสิบหกปีเท่านั้น และนางยังสนิทกับฉู่อี้เจี่ยนพี่ชายต่างมารดาของนางมากด้วย
นางอายุมากกว่าฉู่สวินหยางแค่ปีเดียว แม้จะถูกฉู่สวินหยางเรียกว่า ‘ท่านอา’ แต่สีหน้ากลับเยือกเย็นและไม่มีแววไม่พอใจหรืออึดอัดใจแม้แต่น้อย
“สวินหยาง!” ฉู่ซินรุ่ยยิ้ม แล้วเงยหน้ามองถาดที่อยู่ในมือสาวใช้ข้างกายนาง “ข้าก็กำลังคิดว่าทำไมวันนี้ยังไม่เห็นเจ้าเลยเช่นกัน นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือ?”
“ฮูหยินใหญ่ต้องคอยต้อนรับแขกจนทำไม่ทัน ข้าจึงจะเอาของไปให้น้องสี่หน่อย” ฉู่สวินหยางเอ่ย “ท่านอาก็กลับ มาได้พักใหญ่แล้ว แต่ข้ายังไม่ว่างไปเยี่ยมท่านเลย ไว้วันหลังค่อยเรียกพี่รองให้ไปหาด้วยกัน”
“ได้!” ฉู่ซินรุ่ยพยักหน้ายิ้มอย่างอ่อนโยน นึกไม่ถึงว่าสีหน้าและน้ำเสียงของนางจะเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กจริงๆ
“ข้าเอาชาเขียวชั้นหนึ่งกลับมาจากทางใต้ด้วยพอดี ไว้ค่อยต้มมาให้เจ้าลองชิม”
———————————————————
[1] หวางเฟย ตำแหน่งพระชายาเอกในอ๋อง ซึ่งตำแหน่งนี้อ๋องสามารถแต่งตั้งได้คนเดียว
[2] ชินอ๋อง ตำแหน่งรองจากองค์รัชทายาท ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้มักเป็นพระโอรส พระเชษฐา หรือพระอนุชาของฮ่องเต้