บทที่13 เตรียมตัวประหลาดใจ
นับแต่ออกจากบริษัทเซียวซื่อ เซียวชูหรันก็ตื่นเต้นยังนับประมาณมิได้
พรุ่งนี้คุณย่าจะประกาศภารกิจใหม่ของตนแล้ว ในที่สุดตนเองก็ลืมตาอ้าปากได้สักที!
คิดมาถึงตรงนี้ เธออดพูดขึ้นกับเย่เฉินไม่ได้“เย่เฉิน ขอบคุณนะ!ถ้าไม่ใช่เพราะคุณให้กำลังใจ ฉันคงไม่กล้ารับภารกิจนี้”
เย่เฉินยิ้มแล้วพูด“เมียจ๋า เป็นสิ่งที่คุณควรได้”
พูดพลาง เย่เฉินพูดอีก“จริงสิเมียจ๋า เรื่องมงคลขนาดนี้ เราควรฉลองกันหน่อยไหม”
เซียวชูหรันพยักหน้า“คุณอยากฉลองยังไงล่ะคะ”
เย่เฉินยิ้มแล้วพูด“ใกล้ครบรอบแต่งงานสามปีของเราพอดี ฉลองพร้อมกันเลยทีเดียวดีไหม!ผมเตรียมการเอง คุณไม่ต้องห่วง”
เซียวชูหรันถามอย่างประหลาดใจ“คุณจะเซอร์ไพรส์์ฉันหรือคะ”
“ใช่สิ!”เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มแล้วพูด“ผมจะเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้คุณ!”
เซียวชูหรันรู้สึกหวานฉ่ำขึ้นในใจ พูดขึ้น“งั้นฉันไม่ถามคุณต่อแล้วดีกว่า!”
เย่เฉินพูด“ไม่ต้องถามหรอกน่า รอดูก็แล้วกัน!”
เพื่อที่จะเตรียมของขวัญวันครบรอบให้ภรรยาสุดรัก เย่เฉินเองก็มีแผนการอยู่ในใจ
โดยหลักแล้วเป็นการชดเชยให้ เพราะเมื่อก่อนตนเองยากจน ไม่มีเงินซื้อของขวัญให้ภรรยา แม้กระทั่งงานแต่งงานก็ไม่สามารถจัดให้ ตอนนี้มีเงินแล้ว จะต้องชดเชยเธอให้ดี
หลังจากที่แยกตัวออกมาจากภรรยาแล้ว เย่เฉินจึงมาที่ร้านจิวเวลลี่ในใจกลางเมืองจิน หลิงชื่อว่าชุ่ยเก๋อซวน
ชุ่ยเก๋อซวนเป็นร้านจิวเวลลี่ชื่อดังของพื้นที่
ทองคำ ทองคำขาว เพชร พลอย หยก ไพลินมีทุกสิ่งอย่าง
เย่เฉินซื้อของขวัญให้ภรรยาก่อนชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงไปที่โรงแรมที่ดีที่สุด ไปจองห้องแต่งงานสำหรับการแต่งงานย้อนหลัง
หลังจากที่มาถึงชุ่ยเก๋อซวน พวกเซลล์เห็นเขาสวมชุดลำลองของอดิดาสจึงไม่สนใจ
เย่เฉินเดินดูของอยู่เป็นนาน เขาถูกใจสร้อยคอหยกมรกตเส้นหนึ่งในตู้
เนื้อของหยกมรกตเส้นนี้เป็นหยกมรกตเนื้องาม ละเอียดประณีต เข้ากับราศีของเซียวชู หรัน
เฉินเย่เห็นราคา สิบสามล้าน เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับตนเอง
จึงเรียกพนักงานขายมา พูดขึ้นว่า“สวัสดีครับ ผมรบกวนขอดูสร้อยเส้นนี้”
ฝ่ายตรงข้ามมองเย่เฉินพลางพูด“ผมไม่มีกุญแจ กุญแจอยู่ที่ผู้จัดการ”
พูดพลาง เขาจึงยกวอขึ้นพูด “ผู้จัดการหวังครับ มีคนอยากดูอัญมณีเม็ดงามของร้านเราครับ!”
ไม่นานหญิงสาวที่แต่งตัวฉูดฉาดก็รีบออกมาอย่างตื่นเต้น เธอชื่อหวังเย่น เป็นผู้จัดการ ฝ่ายขายของที่นี่
“แขกผู้มีเกียรติท่านไหนที่อยากดูอัญมณีล้ำค่าของร้าน”
พนักงานขายชี้ไปที่เย่เฉิน พลางพูด“ผู้จัดการหวังครับ คือคุณผู้ชายคนนี้”
“อะไรนะ”หวังเย่นมองเย่เฉิน ด้วยท่าทีรังเกียจราวกับกินแมลงวันเข้าไป
ใส่เสื้อกล้ามมาแบบนี้จะไปมีปัญญาซื้อได้ไง
คิดมาถึงตรงนี้ หล่อนจึงหันไปพูดกับพนักงานขายว่า“เสี่ยวหลิว ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย”
ฝ่ายตรงข้ามพูด“ไม่ใช่นะครับ คุณผู้ชายคนนี้จะดูอัญมณีล้ำค่าของร้านจริงๆ”
หวังเย่นด่าทอ“เสื้อกล้ามแบบนี้จะไปมีปัญญาซื้ออัญมณีล้ำค่าของร้านได้ไง แกตาบอดหรือไง หรือว่าหลับหูหลับตาพูด ไสหัวไปให้ไกลๆลูกตาเลย อย่าทำฉันเสียอารมณ์!”
ท่าทีหวังเย่นทุเรศเกินทน
คนแบบไหน ก็มีกำลังซื้อแบบนั้น หล่อนมองปราดเดียวก็รู้
ดังนั้น หล่อนจึงฟันธง เย่เฉินเป็นคนจน ที่ใส่เสื้อกล้ามเหม็นๆมา
ไม่ต้องพูดถึงอัญมณีล้ำค่าราคาสิบสามล้านในร้านหรอก ต่อให้สร้อยคอธรรมดาราคา พันสามก็ไม่น่าจะมีปัญญาซื้อ!
แบบนี้ไม่เสียเวลาหล่อนหรอกหรือ
พนักงานชายคนนั้นโดนด่าจนไม่กล้าเอ่ยปากพูด เย่เฉินขมวดคิ้วถามหล่อน“พวกเธอเปิดร้านทำธุรกิจไม่ใช่เหรอ ฉันจะดูสร้อยเส้นนี้ มีปัญหาอะไร”
หวังเย่นยิ้มเย็น พูด“พวกเราเปิดร้านทำธุรกิจ แต่ไม่ทำธุรกิจที่ติดขัด ถ้าคุณไม่มีปัญญาซื้อก็อย่ามาเกะกะ!”
เย่เฉินขมวดคิ้ว เอ่ยปากถาม“แล้วเธอรู้ได้ไงว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อ”
“หึหึ!”
หวังเย่นพูดอย่างไม่สบอารมณ์“หยกมรกตชิ้นนี้ราคาเป็นสิบล้าน คุณจะเอาอะไรมาซื้อ ฉันรู้ว่าคุณแค่อยากให้ฉันหยิบออกมาถ่ายรูป แล้วไปโพสต์อวดใช่ไหมล่ะ”
พูดพลาง หวังเย่นกอดอกยืนจังก้า ท่าทางยโส สีหน้าเต็มไปด้วยรอยเหยียดหยาม
พอได้ยินราคาของหยกมรกตเหยียบสิบล้าน คนรอบๆต่างก็ชี้มือซุบซิบกัน พูดอย่างเหยียดหยาม“คนแบบนี้หน้าไม่อาย ไม่มีปัญญาซื้อแล้วยังเสือกขอดู ดูทำไม”
“นั่นสิ ไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเล้ยยย สารรูปแบบนี้ ไม่เข้ากับหยกมรกตชั้นเลิศขนาดนั้นแม้แต่น้อย”
“จะบอกให้นะ ตอนนี้คนแบบนี้มีกลาดเกลื่อน!”
เย่เฉินจ้องมองหวังเย่นที่อยู่หลังตู้ เห็นอีกฝ่ายกำลังแค่นยิ้มเย็นมาทางตนเอง จึงตัดสิน ใจแน่วแน่ว่า จะต้องอบรมสุนัขรับใช้แบบนี้ให้ขยาดสักตั้ง!
ดังนั้น เย่เฉินจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรหาถังซื่อไห่
“มาที่ชุ่ยเก๋อซวนหน่อยสิ เตรียมเงินสดสิบสามล้านมาด้วยนะ ภายในสิบนาที ต้องมาถึง”
“ไม่มีปัญหาครับคุณชาย ผมมาเดี๋ยวนี้”
หวังเย่นยักมุมปากขึ้น ยิ้มพูด“แสดงจนติดลมเลยสินะ!มีเงินสดสิบสามล้านด้วย ทั้งชีวิตฉันยังไม่เคยเห็นเงินสดเยอะขนาดนี้เลย หวังว่าคุณจะทำให้ฉันเปิดหูเปิดตาได้บ้างนะ!คุณคงยังไม่รู้ เงินสดที่เกินหนึ่งล้าน ต้องนัดถอนกับทางธนาคารนะ ฮ่าๆๆ ตลกสิ้นดี!”
เย่เฉินพยักหน้า พูด“ในเมื่อไม่เคยเห็นเงินสดมากขนาดนี้ งั้นก็รีบๆเห็นซะ”
คนรอบตัวต่างก็ถกกันเซ็งแซ่
“ยากจนไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือจนแล้วพยายามอวยรวยเหมือนกับตบหน้าให้บวมเพื่อให้ดูอ้วน……”
“ฮ่าๆ คนๆนี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนมีเงิน ยังจะสิบสามล้านอีก ควักออกมาสามแสนได้ กูจะเรียกพ่อเลย!”
“ฉันก็อยากเห็นเงินสดสิบสามล้านเป็นยังไง!”
พอเห็นคนส่วนใหญ่เข้าข้างตน หวังเย่นจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้ อยากรอดูว่าถึงเวลาไม่ได้สิบสามล้าน ยาจกนี่จะทำยังไง
ไม่กี่นาทีให้หลัง ที่ประตูชุ่ยเก๋อซวน รถโรลสรอยด์สองสามคันจอดลง
จากนั้น รถโรลสรอยด์สองคันแรก มีบอดี้การ์ดสวมสูทดำแปดคนลงมา
ในมือพวกเขาถือกระเป๋าหนังสีดำ แต่ละคนกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ สีหน้าเคร่งเครียด ดูเยือกเย็นราวนักฆ่า ถึงขนาดที่ว่า ทำให้บรรยากาศโดยรอบ อึมครึมไปตามๆกัน
ฉากนี้ ทำให้ชุ่ยเก๋อซวนตกตะลึงขึ้นมาทั้งร้าน!
คนใหญ่คนโตที่ไหนมากัน ถึงได้จัดฉากอลังการขนาดนี้!