เมื่อมองจากพื้นดินเบื้องบนที่เห็นเพียงภายนอกของปราสาทน้ำแข็งใต้ดินหลังนี้ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่ามันมีขนาดมโหฬารแล้ว ทว่าเมื่อได้เดินเข้ามาด้านใน นางกลับพบว่าปราสาทงดงามของราชินีเหมันต์นั้น แท้จริงแล้วมีขนาดที่ใหญ่โตอย่างยากจะบรรยาย
เป็นเวลากว่าสามวันแล้วที่พันธมิตรค้นหาผลเยือกมณีเดินอยู่วนเวียนอยู่ภายในปราสาทกว้าง ทว่าพวกเขาทั้งหมดก็ยังไม่พบเจอจุดที่น่าจะเป็นโถงหลักของปราสาทเหมันต์นี้เลย และแน่นอนว่าเบาะแสของผลเยือกมณีก็ไม่มีปรากฏให้ได้รับรู้แม้แต่น้อยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยการนำทางของมารยาทำให้ในสามวันที่ผ่านมาเหล่าสมาชิกแห่งพันธมิตรกลุ่มใหญ่ได้สมบัติกันไปเป็นจำนวนมาก
ปราสาทเหมันต์คือปราสาทที่ราชินีเหมันต์เคยอาศัยอยู่ แน่นอนว่ามันย่อมมีสมบัติล้ำค่าอยู่อย่างนับไม่ถ้วน
แร่หายาก สมุนไพรล้ำค่า อุปกรณ์ระดับสูง โอสถหรือแม้แต่ตำราทักษะยุทธ์จำนวนมากมาย ของบางชิ้นเป็นของใช้ บางชิ้นคล้ายจะเป็นเพียงของสะสมที่มีไว้เพื่อดูเล่น บ้างก็ถูกจัดวางไว้หรือบ้างก็ถูกซุกซ่อน กระจัดกระจายไปตามที่ต่าง ๆ ในปราสาท กระนั้นก็ยังเห็นได้ชัดว่าพวกมันทุกชิ้นล้วนแต่ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี
ในช่วงสามวันที่ล่วงเลยไปนั้น คณะค้นหาผลเยือกมณีที่มีจุดประสงค์รองเป็นการล่าสมบัติค่อย ๆ ไล่ค้นหาและรวบรวมสมบัติภายในปราสาทเหมันต์กันไปทีละห้องอย่าไม่รีบร้อน นอกจากห้องโถงมากมายและห้องหับน้อยใหญ่ทั้งหลายแล้ว พวกเขายังเดินทะลุไปยังหอคอยอื่น ๆ และตรวจตราดูทุกซอกทุกมุมที่ทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พลาดจุดที่น่าจะเป็นที่ซุกซ่อนผลเยือกมณีไป
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มจูโยวหรานถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มจูโยวหรานไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มจูโยวหรานถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มจูโยวหรานไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
ขณะที่ยังคงมุ่งหน้าเดินไปตามทางเดินภายในปราสาทนั้นเสียงประกาศจากทางโรงเรียนก็ดังขึ้นและทำให้ฉินอวี้โม่กับเหล่าสหายในคณะชะงักไป
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา นับตั้งแต่เหล่าผู้เข้าแข่งขันประเภทกลุ่มแห่งศึกประชันยุทธ์โรงเรียนราชสำนักบุกเข้ามาในปราสาทเหมันต์จวบจนถึงตอนนี้ นี่คือกลุ่มที่ห้าแล้วที่ถูกชิงแผ่นป้ายไป ยิ่งไปกว่านั้นสี่กลุ่มที่ถูกชิงป้ายไปก่อนหน้าต่างก็ถูกคัดออกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกคนก็คาดเดาว่ากลุ่มที่ห้าก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างกัน
จากเดิมที่เคยมีสิบเจ็ดกลุ่ม ตอนนี้เหลือเพียงสิบสามกลุ่ม ขณะที่อีกกลุ่มกำลังจะถูกคัดออก
พันธมิตรของฉินอวี้โม่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมดห้ากลุ่ม ทางด้านพันธมิตรของจีหย่งมีอยู่สามกลุ่ม ซึ่งทั้งสามกลุ่มนั้นยังไม่มีกลุ่มใดถูกคัดออก และกลุ่มที่ยังไม่ถูกคัดออกอีกสี่กลุ่มย่อย มีกลุ่มที่ฉินอวี้โม่รู้จักก็คือกลุ่มของลั่วเฉิน แต่อีกสามกลุ่มที่เหลือฉินอวี้โม่ไม่รู้จักผู้เป็นหัวหน้า
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่อยู่รอดมาจนถึงวันนี้แน่นอนว่าย่อมไม่ธรรมดา กลุ่มที่เหลืออีกสามกลุ่มเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกอยู่ขอบเขตมายาบรรพชนหลายคน
ทว่ายังไม่ทันที่ทุกคนจะดึงสติกลับมาก็มีเสียงประกาศดังขึ้นมาอีกครั้ง
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มจิงไท่ถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มจิงไท่ไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
“มารดาเถอะ ! ไอ้กลุ่มที่มันเที่ยวไล่ชิงป้ายผู้อื่นมันคือกลุ่มไหนกัน ?!”
ในที่สุดหลินซิวหยาก็หมดความอดทน บุรุษร่างใหญ่สบถออกมาอย่างหัวเสีย
ไม่มีใครในกลุ่มของพวกเขาคาดเดาได้เลยว่ากลุ่มปริศนาดังกล่าวคือผู้ใด แต่ที่แน่ชัดแล้วคือในเวลานี้มีคนกลุ่มหนึ่งที่ซึ่งอาจจะเป็นผู้เข้าแข่งขันกลุ่มเดียวหรือเกิดจากการร่วมมือกันหลายกลุ่มกำลังเปิดฉากไล่ล่าและแย่งแผ่นป้ายของผู้อื่นทั้ง ๆ ที่ทุกคนตกอยู่ในสถานที่และสถานการณ์แสนอันตรายเช่นนี้
ถึงแม้การล่าป้ายประจำกลุ่มจะไม่ใช่เรื่องผิด ทว่าเรื่องนี้เพิ่มแรงกดดันและความตึงเครียดให้แก่เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่ยังเหลืออยู่เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้องมุ่งหน้าค้นหาผลเยือกมณีที่ยังไม่มีแม้แต่เบาะแสใด ๆ ไปพร้อมกับการระวังภัยจากมังกรจอมกระหายเลือดแล้ว พวกเขายังต้องพะว้าพะวังและหวาดระแวงภัยจากสหายร่วมสถาบันด้วย เพราะเหตุนั้นเองทำให้ทุกครั้งเมื่อมีเสียงประกาศนามผู้ถูกชิงป้ายดังขึ้นจะมีใครคนใดคนหนึ่งสบถออกมาอย่างหัวเสีย
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน สองกลุ่มที่ถูกชิงแผ่นป้ายไปเมื่อวานนี้ก็ถูกคัดออกไปแล้ว
เวลาผ่านไปเพียงไม่นานนัก กลุ่มผู้เข้าแข่งขันที่ยังอยู่ในป่าเหมันต์ก็เหลือเพียงสิบเอ็ดกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม เสียงประกาศก็ยังไม่หยุดเท่านั้นเพราะในไม่กี่ชั่วยามถัดมาก็มีเสียงประกาศดังขึ้นอีก
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้แผ่นป้ายประจำกลุ่มไป๋เยว่เฟยถูกชิงไปแล้ว สิบสองชั่วยามนับจากนี้หากกลุ่มไป๋เยว่เฟยไม่สามารถชิงมันกลับคืนมาได้จะต้องถูกคัดออก”
ทันทีที่เสียงนั้นเงียบลง สมาชิกทั้งหลายในคณะพันธมิตรอวี้โม่ก็เริ่มรู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง
“เข้ามาสี่วันก็ชิงแผ่นป้ายของกลุ่มอื่นไปได้ถึงเจ็ดกลุ่ม ช่างเป็นความเร็วที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก นั่นเท่ากับจัดการคนสามสิบห้าคนลงได้ภายในเวลาน้อยนิด ข้าชักอยากจะรู้แล้วสิว่าคนพวกนั้นเป็นใคร !”
หลิงซวงแสดงความเห็น
“แต่ข้าได้กลิ่นบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล”
เยว่ชิงเฉิงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ นางรู้สึกสงสัย เรื่องนี้มันดูไม่ปกติ
การไล่กำจัดกลุ่มอื่นไปเรื่อย ๆ ในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าผลเยือกมณีอยู่ในจุดใด อีกทั้งยังอาจจะโชคร้ายถูกมังกรเหมันต์จู่โจมได้ทุกเมื่อเช่นนี้ ถ้าหากว่ากลุ่มคนผู้เป็นปริศนาเหล่านั้นไม่ได้โง่งมจนเกินเยียวยา พวกเขาก็จะต้องมีเจตนาบางอย่างที่จงใจทำเรื่องเช่นนั้น
ทว่าโอกาสที่คนไร้ปัญญาถึงเพียงนั้นจะอยู่รอดมาจนถึงเวลานี้แทบจะเท่ากับศูนย์ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากว่ากำลังมีใครบางคนวางแผนทำบางสิ่งบางอย่าง แต่จะเป็นคนกลุ่มใดหรือพวกเขามีวัตถุประสงค์อย่างไร ทุกคนในคณะต่างก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลย
เวลานี้กลุ่มที่เหลืออยู่คือกลุ่มพันธมิตรของฉินอวี้โม่ที่ประกอบด้วยห้ากลุ่มย่อย กลุ่มพันธมิตรของจีหย่งที่มีสามกลุ่ม และกลุ่มย่อยของลั่วเฉินและกลุ่มอื่นที่ฉินอวี้โม่ไม่รู้จักอีกหนึ่งกลุ่ม
ในคณะพันธมิตรของพวกนาง ทั้งห้ากลุ่มอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ใครคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งหายตัวไปลงมือแย่งชิงป้ายผู้อื่น ความเป็นไปได้สูงสุดจึงน่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรจีหย่งและจีชาง เหล่าอันธพาลในคราบนักเรียนที่รวมตัวกันถึงสามกลุ่ม อย่างไรก็ตามกลุ่มของลั่วเฉินที่เป็นถึงยอดฝีมืออันดับสองแห่งทำเนียบนภาเองก็มีความเป็นไปได้อยู่บ้าง ส่วนอีกกลุ่มนั้นฉินอวี้โม่ไม่แน่ใจแม้แต่น้อย
ในตอนนี้สีหน้าของคนในกลุ่มพันธมิตรต่างก็เคร่งเครียดหนักหน่วง ถ้านี่เป็นเรื่องที่มีการวางแผนไว้จริง เช่นนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังก็จะต้องอันตรายมาก
“อย่างไรในช่วงนี้กลุ่มของพวกเราทั้งห้าน่าจะปลอดภัย อีกเจ็ดวันการแข่งขันก็จะจบลงแล้ว เรื่องย่ำแย่นี่จะเป็นฝีมือของคนกลุ่มไหนอีกไม่นานเราก็จะได้รู้เอง”
ถึงแม้จะไม่ทราบถึงตัวตนของคนก่อเรื่อง แต่เพ่ยหลงก็มั่นใจว่าในเมื่อกลุ่มของพวกนางอยู่รวมตัวกันถึงห้ากลุ่มก็ย่อมต้องปลอดภัย ที่สำคัญยังมีปิงเสวียนนักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนอยู่ร่วมด้วย เช่นนี้คงไม่มียอดฝีมือกลุ่มไหนขวัญกล้ามาชิงป้ายของพวกนางแน่
ทุกคนพยักหน้าก่อนจะปัดความคิดและความกังวลที่มีทิ้งไป สิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่งในตอนนี้ก็คือการตามหาผลเยือกมณีให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้เวลาจะเหลือไม่มาก แต่ถ้าหากทุกคนร่วมมือกันโอกาสสำเร็จอย่างรวดเร็วก็จะเพิ่มขึ้นหลายส่วน หลังจากนั้นพวกเขาค่อยมาตัดสินกันอีกครั้งว่ากลุ่มใดจะได้มันไปครอง
เมื่อเดินมาได้อีกสักพัก ภาพของห้องโถงขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากลุ่มพันธมิตร และในตอนที่กำลังจะเข้าไปสำรวจดูสิ่งที่อยู่ด้านใน ทุกคนก็ได้ยินเสียงประกาศของทางโรงเรียนดังขึ้น
“นักเรียนที่รักทุกคน ขณะนี้กลุ่มจีหย่งได้ครอบครองผลเยือกมณีแล้ว กลุ่มของจีหย่งจะขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งเป็นการชั่วคราว หากไม่มีกลุ่มใดชิงผลเยือกมณีจากพวกเขาได้ก่อนการแข่งขันจะสิ้นสุด กลุ่มจีหย่งจะได้รับรางวัลชนะเลิศ”
‘เรื่องจริงหรือนี่ ?’ ฉินอวี้โม่และสหายทั้งหลายชะงักไปในทันที ต่างคนต่างหันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้ความสงสัยที่มีต่อกลุ่มของจีหย่งน้อยลงไปบ้างแล้ว เพราะหากพวกเขามัวแต่เสียเวลาไล่ล่าแย่งชิงป้ายของผู้อื่นก็น่าจะไม่สามารถค้นหาผลเยือกมณีจนพบเจอก่อนผู้ใดเหมือนเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่
“เราควรจะทำอย่างไรต่อดี ?”
โอวหยางชิงเฟิงกล่าวถาม ใบหน้าของเขาติดจะเป็นกังวลปนตื่นตระหนกเล็กน้อย เวลานี้พวกเขาควรจะเปลี่ยนแผนกระจายตัวกันไล่ล่ากลุ่มของจีหย่งหรือจะยังคงเดินร่วมกลุ่มกันตามทางต่อไปดี
“อย่าเพิ่งไปสนใจ เวลายังเหลืออีกหลายวัน ข้าคิดว่าเราควรจะเดินตามแผนเดิมของเราต่อไปก่อนอีกสักสองวัน หากยังไม่สามารถหาผลเยือกมณีผลอื่นเจอได้ เราค่อยเปลี่ยนแผนไปไล่ล่าผลเยือกมณีของกลุ่มจีหย่ง”
ปิงเสวียนเสนอแนะ ข้อเสนอของเขาดูมีเหตุผลไม่น้อย แม้ว่ากลุ่มของจีหย่งจะได้รับผลเยือกมณีไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมีข้อมูลที่บอกไว้ว่าผลเยือกมณีมีผลเดียว อีกทั้งการแยกย้ายกันออกไล่ล่ากลุ่มจีหย่งก็รังแต่จะมีผลเสียหายเพราะไม่มีผู้ใดทราบว่ามังกรเหมันต์อยู่ในจุดใด หากถูกมันจู่โจมก็ไม่พ้นต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ก็ยังเหลือเวลาในการแข่งขันอีกหลายวัน ถึงจะชิงผลเยือกมณีมาได้พวกเขาก็จะต้องคอยปกป้องมันและคงจะหนีไม่พ้นกลายเป็นฝ่ายถูกไล่ล่า ถึงเวลานั้นหากมีกันเพียงห้าคนก็คงจะรับมือกลุ่มอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ได้ยาก
มันจึงเป็นการดีกว่าหากพวกเขายังคงมุ่งหน้าเดินทางพร้อมกันต่อไป เป็นไปได้ว่าในระหว่างทางพันธมิตรทั้งห้ากลุ่มอาจจะไปเจอกับกลุ่มของจีหย่งเข้าก็ได้ พวกเขามีห้ากลุ่มขณะที่อีกฝ่ายมีเพียงสาม อย่างไรก็ย่อมได้เปรียบอย่างชัดเจน
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ความคิดเรื่องที่จะกระจายกำลังออกไปตามหาและแย่งชิงผลเยือกมณีของกลุ่มจีหย่งถูกพับเก็บไว้ คนทั้งยี่สิบห้าคนมุ่งมั่นทำตามแผนการเดิมโดยเริ่มต้นจากการเดินเข้าไปในห้องโถงที่อยู่ด้านหน้า
ทว่าในทันทีที่เหยียบย่างเข้าไปยังพื้นที่ด้านในห้องโถงขนาดใหญ่นั้น คนทั้งหมดก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ดูเหมือนว่าห้องโถงนี้จะมีคนเคยเข้ามาก่อนแล้ว เพราะภายในนี้ไม่มีสิ่งมีค่าใด ๆ เหลืออยู่อีกเลยแต่กลับมีกลิ่นอายบางเบาของผู้มีวรยุทธ์หลงเหลือไว้
“มีใครบางคนเคยมาที่นี่”
เพ่ยหลงกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้ามั่นใจ จากการสังเกตของนาง ห้องโถงนี้น่าจะถูกสำรวจไปแล้ว สภาพภายในนี้มีร่องรอยถูกรื้อค้นที่ยังสดใหม่และสิ่งของหลายอย่างก็ถูกนำออกไป อย่างไรก็ตามพวกนางก็ไม่อาจทราบได้ว่าใครที่เคยเข้ามาภายในห้องนี้
“เช่นนั้นเราไปต่อกันเถอะ”
ในเมื่อเคยมีคนมาก่อนหน้า สมบัติในห้องโถงกว้างนี้ก็คงจะถูกนำออกไปจนหมดแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงไม่เสียเวลาค้นหาสมบัติและรีบเดินทางต่อทันที
เวลาผ่านไปอีกสองวัน พวกเขาก็พบห้องอีกหลายห้องที่ส่วนมากเคยถูกผู้อื่นเข้ามาและนำของในห้องออกไป
ทุกคนต่างขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา ถึงอย่างไรตั้งแต่เข้ามาในปราสาทแห่งนี้พวกเขาก็ได้รับสมบัติไปมากมายแล้ว แม้ว่าสองวันมานี้จะไม่ค่อยได้อะไรพวกเขาก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนมากนัก
แต่สิ่งที่พวกเขากังวลกันอยู่ในขณะนี้ก็คือ หลาย ๆ ห้องที่ถูกรื้อค้นและนำสมบัติออกไปนี้จะเป็นฝีมือของเพื่อนร่วมโรงเรียนหรือจะเป็นฝีมือของมังกรเหมันต์กันแน่
ถ้านี่เป็นฝีมือของมังกรเหมันต์ก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะหากยังคงสำรวจกันต่อไปก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับมันในอีกไม่ช้า
หลายคนในกลุ่มพันธมิตรหันมามองหน้ากัน ร่องรอยแห่งความสงสัยเจืออยู่ในแววตาของทุกคน ถ้าพวกเขาต้องพบกับมังกรเหมันต์จริง ๆ ก็คงไม่พ้นต้องรับมือกับการต่อสู้ที่รุนแรงแน่ มังกรเหมันต์คืออสูรที่แข็งแกร่งและน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้จะร่วมมือกันทั้งแปดสิบคนก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ พวกเขาที่มีเพียงยี่สิบห้าคนหากพบเจอมังกรเข้าจริง ๆ ก็คงมีแต่ต้องซื้อเวลาเพื่อหนีเอาตัวรอดให้ได้ การพุ่งเข้าปะทะกับมันเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์ และมันก็เท่ากับการปล่อยให้กลุ่มของจีหย่งชนะในการแข่งขันไปได้ง่าย ๆ
“ฮี ๆ ๆ เหมือนว่าข้าจะได้กลิ่นเนื้อแสนอร่อย !”
ในตอนที่ทุกคนกำลังจะเดินออกไปจากห้องที่ยืนอยู่เพื่อสำรวจต่อ เสียงอันชั่วร้ายเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เพียงพริบตาร่างร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นหน้าประตูขวางทางพวกเขาไว้
อีกฝ่ายคือบุรุษวัยกลางคนในชุดสีฟ้า กลิ่นอายและบรรยากาศจากชายผู้นี้เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ เพียงยืนอยู่ต่อหน้าเขา จอมยุทธ์รุ่นเยาว์ทั้งหลายก็รู้สึกราวกับตกอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ แม้ว่าจะอยู่ในร่างมนุษย์แต่*‘มัน’*ก็ไม่อาจจะปกปิดบรรยากาศที่ฉินอวี้โม่และเหล่าสมาชิกในกลุ่มพันธมิตรคุ้นเคยได้ บุรุษชุดฟ้าคือมังกรเหมันต์ในร่างมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย !
“ทุกคนเตรียมพร้อม !”
ปิงเสวียนส่งเสียงดังเพื่อเรียกสติของเหล่าสหาย เมื่อมังกรเหมันต์ปรากฏตัวก็แสดงว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังจะเผชิญศึกใหญ่ในไม่ช้า
“เจ้าพวกมนุษย์ ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้าจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้าข้าคงไม่เจอที่ซ่อนปราสาทเหมันต์ที่ข้าตามหามานานแสนนานแห่งนี้”
มังกรเหมันต์ยกยิ้มมุมปากพลางกวาดสายตามองมนุษย์อ่อนเยาว์เบื้องหน้า แม้ปากจะกล่าวคำขอบคุณแต่น้ำเสียงนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความเย้ยหยันเหยียดหยาม อย่างไรก็ตามต้องบอกเลยว่ามันตามหาปราสาทน้ำแข็งแห่งนี้มานานกว่าพันปีแล้ว แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไรก็ไม่เคยพบเจอ ถ้าไม่ใช่เพราะการต่อสู้กับพวกมนุษย์น่ารังเกียจพวกนี้ เจ้ามังกรสายพันธุ์เลือดเย็นก็คงไม่มีวันได้พบทางเข้ามายังปราสาทเหมันต์เป็นแน่
ปราสาทแห่งนี้มีสมบัติซุกซ่อนอยู่นับไม่ถ้วน ที่สำคัญสิ่งมีชีวิตธาตุน้ำแข็งหากฝึกฝนอยู่ภายในปราสาทเหมันต์ก็จะก้าวหน้าได้เร็วกว่าภายนอก
“ปราสาทเหมันต์แห่งนี้เป็นสถานที่วิเศษที่ราชินีเหมันต์สร้างขึ้น ไม่คิดเลยว่าจะงดงามได้มากมายถึงเพียงนี้ มนุษย์ตัวน้อย ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ถึงเนื้อพวกเจ้าจะหวานแต่ข้าจะหักห้ามใจ ข้าจะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแล้วเอามาประดับตกแต่งปราสาทอันงดงามแห่งนี้ อยู่เป็นเพื่อนข้าที่นี่ไปตลอดกาลเถอะ ฮ่า ๆ ๆ”
มังกรเหมันต์หัวเราะชั่วร้าย พร้อมกันนั้นแรงกดดันและรังสีสังหารของมันก็พุ่งตรงเข้าปะทะกลุ่มนักเรียนพันธมิตรอย่างรุนแรง
หากเป็นภายนอกแรงกดดันนี้แม้ว่าจะน่ากลัวมากแต่ก็ยังพอต้านทานได้ ทว่าเมื่ออยู่ในปราสาทเหมันต์แรงกดดันของมังกรธาตุน้ำแข็งกลับรุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ พวกเขาทุกคนรู้สึกถึงความน่าเกรงขามของมังกรเหมันต์จากก้นบึ้งของหัวใจ
แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างปิงเสวียนเองก็ยังรู้สึกว่าหายใจได้ยากลำบาก
“เจ้ามังกรเหมันต์ตัวน้อย กล้าทำตัวโอหังอย่างนั้นรึ ?”
ทันใดนั้นเอง เสียงเล็ก ๆ เสียงหนึ่งก็ดังมา ก่อนที่ทุกคนจะมองเห็นเด็กชายตัวจ้ำม้ำอายุไม่เกินสามขวบปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉินอวี้โม่
“ให้ข้าสั่งสอนมันเลยดีไหม ท่านแม่?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยากจะต้านทานได้ของมังกรเหมันต์ ฉินอวี้โม่ก็รีบปลุกหานอวี้ขึ้นมา หานอวี้คือมังกรทองห้าเล็บ เมื่อเทียบกับมังกรเหมันต์แล้วมันถือเป็นมังกรในระดับที่สูงกว่า ในเมื่อมีสายเลือดที่ดีกว่าก็ควรจะข่มอีกฝ่ายหนึ่งได้ การแบ่งชนชั้นด้วยสายเลือดคือลักษณะเฉพาะตัวของเผ่าพันธุ์มังกร ตัวที่สายเลือดต่ำชั้นกว่าจะถูกกดข่มจนพลังในการต่อสู้ลดลง
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของหานอวี้ทำให้เหล่าสหายที่คุ้นเคยกับฉินอวี้โม่ชะงักไป โดยเฉพาะคุณหนูช่างหลอมจอมโวยวายอย่างเยว่ชิงเฉิง ซึ่งในตอนนี้ยืนตกตะลึงจนตัวแข็งค้างเบิกตากว้างไปแล้ว
‘บ้าน่า ฉินอวี้โม่มีลูกแล้วอย่างนั้นหรือ ? ไม่ใช่ว่านางเพิ่งคบหากับหานโม่ฉือหรอกหรือ ? เด็กคนนี้ดูอย่างไรก็น่าจะลืมตาดูโลกมาได้สองถึงสามปีแล้วนี่ อะไร นี่มันเรื่องอะไร ?’
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่พอจะล่วงรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในความคิดของทุกคนได้ ทว่านี่ก็ไม่ใช่เวลาที่นางจะเป็นกังวลกับปัญหานี้
“ไปเลยหานอวี้ ไปแสดงให้มันเห็นหน่อยว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน”
ฉินอวี้โม่หยิกแก้มนุ่ม ๆ ของเด็กชายมังกรก่อนจะบอกให้เจ้าตัวเล็กจัดการสั่งสอนมังกรเหมันต์
หานอวี้พยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะยิ้มแฉ่งสดใสให้ผู้ที่มันเรียกขานเป็นมารดา ฉับพลันร่างเล็ก ๆ ก็หายวับไป มังกรในร่างเด็กสองขวบปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ ใบหน้าเล็ก ๆ อยู่ระดับเดียวกับสายตาของมังกรวัยกลางคน
“เจ้ามังกรงี่เง่า ข้าจะจัดการเจ้าเอง”
เมื่อได้ฟังคำพูดแสนโอหังของหานอวี้ เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก็ยิ่งตกตะลึงจนพูดไม่ออก..แต่หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือพวกเขากำลังหมดคำพูดเสียมากกว่า ความโอหังแบบนี้ไม่ต่างจากฉินอวี้โม่ในบางครั้งเลย ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าเด็กชายคนนี้จะต้องเป็นลูกของฉินอวี้โม่แน่
เมื่อเห็นสายตาของเหล่าสหายทั้งหลาย ฉินอวี้โม่ก็ได้แต่เอามือแตะหน้าผากพลางถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา เพียงนึกถึงสิ่งที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ นางก็แทบอยากจะมุดหิมะหนีอายแล้ว
“ชิงเฟิง เจ้ากับหานอวี้เคยพบกันมาก่อน เจ้าลืมมันไปแล้วหรือ ?”
ฉินอวี้โม่จำต้องถามโอวหยางชิงเฟิงเพื่อให้เขาช่วยยืนยัน โอวหยางชิงเฟิงเป็นคนที่เคยเจอกับหานอวี้มาก่อนแล้วในถ้ำราชาอสรพิษเก้าเศียร และเขาก็เป็นคนที่เข้าไปชิงหานอวี้ตอนยังอยู่ในไข่มากับมือก่อนจะส่งมอบให้ฉินอวี้โม่
.