บทที่ 334 มอบตำแหน่งงาน
บทที่ 334 มอบตำแหน่งงาน

“พ่อไม่ต้องกังวลไป…หนูเชื่อว่าอีกไม่นานพ่อก็หางานได้”

“มันเป็นความผิดของพ่อเอง ล่าสุดถ้าพ่อไม่เผลอเดินกะเผลก พ่อก็คงจะได้งานทำที่ไซต์ก่อสร้าง… เฮ้อ…คนขาไม่ดีอย่างพ่อนี่หางานทำยากจริง ๆ”

บนม้านั่ง เสียงของทั้งสองคุยกันอย่างแผ่วเบา

อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูและลงจากรถ

‘ปัง!’

เสียงปิดประตูดึงดูดความสนใจของคู่พ่อลูกในทันที

“เอ๊ะ? อวี้ฮ่าวหราน! คุณ…ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”

สวีรุ่ยเงยหน้าขึ้นและเมื่อเห็นว่าเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย เธอก็รู้สึกแปลกใจในทันที

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเธอจะประหลาดใจ แต่เธอก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากอีกด้วยที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย

“ผมแค่ขับรถผ่านมาเห็นพอดีเลยเดินลงมาทักทาย ว่าแต่ทำไมพวกคุณถึงมานั่งขมวดคิ้วที่นี่?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับ

“ป…เปล่าหรอก…ไม่มีอะไร ตอนนี้ฉันแค่พยายามช่วยพ่อของฉันหางานทำ เขาถูกไล่ออกจากบริษัทเดิมหลังจากที่เขากลับมาเมื่อเดือนที่แล้ว”

สวีรุ่ยตอบกลับด้วยสีหน้าจนใจ เธออยากจะช่วยพ่อของเธอ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เธอทำได้เลยนอกจากคอยปลอบประโลม

สวีเซี่ยงจวินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของลูกสาวเขาเอง

“มันเป็นความผิดของผมเอง! หลังจากเหตุการณ์ที่แล้ว ขาของผมก็ไม่สามารถเดินได้เหมือนเดิมจนทำให้ผมหางานไม่ได้”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่ขาของอีกฝ่ายและพบว่ามีอาการบาดเจ็บซ่อนอยู่จริง ๆ

“อืม ครั้งล่าสุดที่เจอกันฉันเองก็ลืมสังเกตเลยว่านายบาดเจ็บตรงไหนบ้าง การหางานทำทั้ง ๆ ที่ขาบาดเจ็บแบบนี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ”

เขาเพิ่งตระหนักถึงความประมาทเลินเล่อของตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาเพียงขอให้หวังเหยียนคอยตามดูไม่ให้อีกฝ่ายเล่นการพนันอีกก็แค่นั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครรายงานว่า สวีเซี่ยงจวินมีอาการบาดเจ็บที่ขากับเขา

และในขณะเดียวกัน สวีรุ่ยก็เป็นเพียงแค่ครูเด็กอนุบาลที่เพิ่งทำงานได้ไม่นาน ดังนั้นเงินเดือนของเธอจึงไม่ได้มาก แม้แต่ตัวของเธอเองก็เกือบใช้เงินเดือนชนเดือน และยิ่งตอนนี้เมื่อมีพ่อของเธอเข้ามาอยู่ด้วยอีกคนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ฉะนั้นคุณภาพชีวิตของพวกเขาตอนนี้จึงอยู่ในสภาพที่ร่อแร่เป็นอย่างยิ่ง

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงได้ตัดสินใจ

“พรุ่งนี้เช้า คุณพาพ่อของคุณไปที่บริษัทของผมที่ชื่อเครือฮ่าวหราน เมื่อคุณไปถึงแล้วให้โทรหาผมแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการแก้ไขปัญหานี้ให้เอง”

เขาค่อนข้างสงสารหญิงสาวสุดกตัญญูคนนี้และชอบความใจดีของเธอที่มีต่อถวนถวน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้

แต่ด้วยนิสัยที่ดื้อรั้นของอีกฝ่าย หากเขาให้เงินเธอไปเลยตรง ๆ เธอคงไม่ยอมรับมันอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงมีความคิดมอบงานทำที่ดีให้พ่อของอีกฝ่ายแทน

“จริงเหรอ?”

สวีเซี่ยงจวินไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของบริษัทแล้วทั้ง ๆ ที่อายุแค่นี้!

ในตอนแรกเขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ลูกคนรวยที่มีน้ำใจกับลูกสาวของเขาเท่านั้นเอง

“ฉัน…ฉันขอบคุณคุณจริง ๆ แทนพ่อของฉัน! ต…แต่อันที่จริง…คุณไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้ก็ได้…”

ใบหน้าของสวีรุ่ยแดงเล็กน้อยและเธอก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเกรงใจ

“ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ผมยินดีช่วย”

อวี้ฮ่าวหรานโบกมืออย่างสบาย ๆ

จากนั้นเขาก็บอกรายละเอียดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่อยู่ของบริษัทเขา และเมื่อเห็นว่ามันเกือบจะถึงเวลาที่ถวนถวนเลิกเรียนแล้วเขาจึงรีบลาอีกฝ่ายและขับรถจากไป

จนกระทั่งรถสปอร์ตสุดหรูหายไปจากวิสัยทัศน์ คู่พ่อลูกก็หันมามองหน้ากัน

“วู้ว! ช่างเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบอะไรขนาดนี้! รุ่ยเอ๋อร์ ลูกนี่สุดยอดจริง ๆ ที่รู้จักคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ ว่าแต่พ่อหนุ่มคนนี้ชอบลูกใช่ไหมเขาถึงได้ทำดีกับลูกขนาดนี้?”

สวีเซี่ยงจวินรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่สมบูรณ์พร้อมแบบนี้ถึงมาช่วยลูกสาวของเขารั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่หวังผลอะไรตอบแทนเลย

“ม…ไม่หรอกพ่อ…ข…เขา…ก็แค่เห็นว่าหนูดูแลถวนถวนเป็นอย่างดี เขาก็เลยตอบแทน…”

สวีรุ่ยรีบเอามือป้องใบหน้าของเธอที่แดงก่ำหลังจากได้ยินคำพูดพ่อของเธอ

“ฮ่าฮ่า ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม รุ่ยเอ๋อร์ พ่อก็ดูออกนะว่าลูกน่ะชอบเขา!”

เมื่อการหางานได้รับการแก้ไข สวีเซี่ยงจวินจึงอารมณ์ดีขึ้นจนสามารถพูดติดตลกได้ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

“ไปกันดีกว่าพ่อ พวกเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวหนูจะรีบทำอาหารเย็นให้ และหลังจากกินเสร็จพ่อก็รีบเข้านอน พรุ่งนี้พวกเราต้องตื่นแต่เช้า”

เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ดังนั้นสวีรุ่ยจึงมีเวลาว่างมากพอที่จะไปกับพ่อของเธอได้ทุกที่

“อืม! พวกเรากลับไปกินข้าวกัน! ในที่สุดพ่อก็ได้งานสักที!”

เมื่อหมดปัญหาการหางานไม่ได้ ทั้งสองคนก็ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

ในคืนเดียวกัน

หลังจากอาบน้ำเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็หยิบพระพุทธรูปหยกที่ซื้อมาจากงานประมูลออกมา

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าด้านในพระพุทธรูปนั้นมีพลังวิญญาณแฝงอยู่อย่างหนาแน่นมาก

พระพุทธรูปหยกองค์นี้นับได้ว่าเป็นวัตถุโบราณที่มีพลังวิญญาณมากที่สุดที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่เขากลับมาที่โลกนี้

จากนั้นเขาค่อย ๆ วางพระพุทธรูปหยกไว้ข้างหน้าเขา และเริ่มดูดซับพลังวิญญาณออกจากมันอย่างช้า ๆ

เมื่อกระแสพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่หนาแน่นผสานเข้ากับจุดตันเถียนของเขา ทะเลจิตวิญญาณในร่างกายของอวี้ฮ่าวหรานก็ขยายออกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง

จนกระทั่งถึงตีหนึ่ง เขาถึงดูดซับพลังวิญญาณออกจากพระพุทธรูปหยกหมด

การบ่มเพาะโดยการดูดซับพลังวิญญาณจากโบราณวัตถุนั้นเร็วกว่าการบ่มเพาะแบบปกติมากกว่าร้อยเท่า!

หลังจากดูดซับเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาก้าวหน้าขึ้นอีกครั้งแล้ว!

ตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงแล้ว และหลังจากปรับรากฐานให้มั่นคงอีกสักหน่อย เขาก็น่าจะอยู่ไม่ไกลจากจุดสูงสุดของขอบเขตรากฐาน!

หลังจากดูดซับพลังวิญญาณจากพระพุทธรูปหยกเสร็จสิ้น ดวงตาของเขาค่อย ๆ เปิดขึ้นและแสงในดวงตาของเขาก็สว่างวาบ

เวลานี้เป็นเวลาหนึ่งนาฬิกา บรรยากาศรอบ ๆ ชุมชนที่เขาอยู่ต่างก็เงียบสงัด เขามองไปที่ดวงจันทร์สีเงินผ่านทางหน้าต่างห้องนอนพลางรำพึงในใจ

“หลี่เม่ย รอผมอีกหน่อยนะ! ผมจะไปหาคุณในไม่ช้า!”

ในที่สุดความเพียรหลายหมื่นปีก็ใกล้บรรลุผลเข้ามาทุกที!

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น สวีเซี่ยงจวินและลูกสาวของเขามาที่เครือฮ่าวหราน

“ขออภัยด้วย ไม่ทราบว่าคุณสองคนเป็นใคร?”

รปภ. ที่ยืนเฝ้าประตูเห็นจึงเดินเข้ามาถาม

แม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งตัวดูธรรมดา แต่ภายใต้ข้อบังคับของเครือฮ่าวหราน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนของบริษัทต้องมีทัศนคติที่ดีต่อทุกคน

“เรา…เรามาที่นี่เพื่อพบกับอวี้ฮ่าวหราน”

เมื่อเผชิญหน้ากับรปภ.ตัวสูงที่อยู่ข้างหน้าเขา สวีเซี่ยงจวินจึงขาดความมั่นใจเล็กน้อย

“หืม? พวกคุณต้องการเข้าพบประธานอวี้?”

เมื่อรปภ.ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ขมวดคิ้วทันทีและจู่ ๆ ทัศนคติของเขาก็กลายเป็นดูติดลบเล็กน้อย

“คุณนัดเอาไว้แล้วรึยังหรือพวกคุณสองคนมีบัตรผ่านหรือเปล่า?”

การกระทำที่เปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้างของเขาไม่ใช่ว่าเขาเพิกเฉยต่อข้อบังคับของบริษัท แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้คนส่วนใหญ่ที่บอกว่าต้องการขอเข้าพบประธานของเขาแบบนี้ล้วนแล้วแต่มาสร้างความวุ่นวายกันทั้งนั้น

และยิ่งไปกว่านั้น ประธานอวี้ของพวกเขาก็คือคนชนชั้นสูง

คนธรรมดาแบบนี้จะสามารถเข้าพบได้โดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าก่อนหรือไม่มีบัตรผ่านได้ยังไง?

“น…นัดล่วงหน้างั้นเหรอ?”

เห็นได้ชัดว่า สวีเซี่ยงจวินไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอปัญหานี้ เขาแสดงสีหน้าตื่นตระหนกทันที

“ร…เราแต่เมื่อเขาเป็นคนบอกให้เรามาวันนี้…”

“เอาดี ๆ ใครบอกให้คุณมากันแน่?”

อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนึงถึงระเบียบของบริษัท รปภ. จึงถามอีกครั้งอย่างระมัดระวัง

“ผ…ผมพูดจริง ๆ นะ ประธานอวี้ของคุณ เขาบอกให้ผมมาที่นี่แล้วจากนั้นเขาจะหางานให้ผมทำ…”

“ประธานอวี้? ประธานอวี้ของเรา?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ รปภ. ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองขึ้นมองลงอีกรอบ

แม้ว่าเสื้อผ้าของอีกฝ่ายจะดูสะอาดสะอ้านดี แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นของราคาถูกมาก และเขาสามารถเห็นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ดูไม่เอาไหนเพียงชำเลืองมอง

สำหรับคนแบบนี้ ตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะสามารถทำงานในบริษัทของเขาได้คงเป็นพนักงานทำความสะอาดก็แค่นั้น

เป็นไปได้อย่างไรที่ประธานอวี้จะจัดหางานให้กับคน ๆ นี้ด้วยตัวเอง?

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อ หลี่จิงเทียนก็ขับรถ BMW มาจอดที่ประตูบริษัท

“เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเห็นว่ามีคู่ชายหญิงยนอยู่ด้านข้างประตูและกำลังถูกรปภ. ซักถาม เขาจึงลดกระจกลงและยื่นหน้าออกมาอย่างเกียจคร้านแล้วถามขึ้น