มู่เฉียนซีพาคนไปตามหามู่หรูเหยียนกับโอวหยางหว่านที่สํานักจินติ่งเป็นเวลาสามวัน แต่ก็ยังไร้วี่แวว
หัวหน้าสํานักจินติ่งกล่าวขึ้น “ผู้นำตระกูลมู่ เจ้าตามหามาสามวันแล้ว ไม่ทราบว่าพบของล้ำค่าหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย “พบแล้ว ข้าพบสมุนไพรวิญญาณจากสวนสมุนไพรของสำนักจินติ่ง ข้าเอามันไปทั้งหมดแล้ว”
ในใจของหัวหน้าสํานักจินติ่งประหนึ่งมีโลหิตไหล สมุนไพรวิญญาณทั้งหมดของพวกเขาสํานักจินติ่ง สาวน้อยคนนี้เอาไปทั้งหมด ช่างโหดเหี้ยมแท้ ๆ
หัวหน้าสํานักจินติ่ง “เช่นนั้น… ผู้นำตระกูลมู่สามารถล้างพิษให้จินหลู่ได้หรือไม่ ?”
“ไม่มีปัญหา” เข็มยาลอยออกไป ไม่นานนักสีหน้าของจินหลู่ก็ดีขึ้นทันตาเห็น
จินหลู่มองมู่เฉียนซีด้วยความเกลียดชังระคนหวาดกลัว
หัวหน้าสํานักจินติ่ง “ท่านผู้นำตระกูลมู่ ได้โปรด…”
เวลานี้เขาอยากจะให้เคราะห์ร้ายนี้ออกไปจากสํานักจินติ่งเสียเหลือเกิน
มู่เฉียนซีนางไม่ได้หยุดพัก พาคนออกไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดหัวหน้าสํานักจินติ่งก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เฮ้อ…ในที่สุดเคราะห์ร้ายนี้ก็ได้จากไปแล้ว โชคดีที่…”
“ฮึ่ม! แม้ว่าเจ้าจะสงสัย แต่เมื่อไม่มีหลักฐานก็ไม่สามารถทําอะไรข้าได้ ปล่อยให้เจ้ามีความสุขไปก่อนเถอะ สักวันสํานักจินติ่งของข้าจะส่งตระกูลมู่ของพวกเจ้าไปยังจุดจบ!”
…
ระหว่างทางกลับ น่าหลานอวี้ถามขึ้น “มู่เฉียนซี เจ้าไม่พบสิ่งที่เจ้าต้องการแล้วจะยอมแพ้เช่นนี้หรือ ?”
มู่เฉียนซี “สํานักจินติ่งถือเป็นดินแดนของพวกเขา พวกเขาค่อนข้างคุ้นเคย มันไม่ยากที่จะซ่อนคนสองคนเพื่อให้พวกเราไม่สามารถหาเจอได้ ดังนั้นการหาต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
“ไม่ได้อะไรก็จะวางมือเช่นนี้รึ ?” น่าหลานอวี้กล่าวถาม แววตาไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่มีทาง หญิงร้ายสองนางนั้นที่เล่นกับแมลง ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นคืออันตราย ในเมื่อหาพวกนางทั้งสองไม่เจอ เช่นนั้นก็ทําได้เพียงล่องูออกจากถ้ำ เรากลับไปที่แคว้นชิงก่อนจะดีกว่า”
เมื่อกลับมาถึงแคว้นชิง มู่เฉียนซีติดต่อสํานักเฟินเทียนและจวนไป๋กั๋วกง ต่อไปก็แคว้นชิงและแคว้นจื่อเยี่ย หลังจากนี้จะไม่มีร้านยาใดที่จะจ่ายยาให้กับสํานักจินติ่งอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซียิ้ม มองไปที่น่าหลานอวี้ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “น่าหลานอวี้ เจ้าก็ช่วยข้าด้วยสิ”
หากหอการค้าอันดับหนึ่งลงมือด้วยแล้ว เช่นนั้นแผนล้อมเมืองนี้ถึงจะนับว่าสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของหอการค้าอันดับหนึ่งแห่งทวีปเซี่ยโจวก็ไม่อาจประเมินค่าต่ำไปได้
น่าหลานอวี้กล่าวขึ้น “มู่เฉียนซี ข้ายินดีช่วย แต่เจ้าให้ข้าพบมู่ซีได้หรือไม่ ? ข้าไม่ได้พบเขามานานแล้ว”
ใบหน้ามู่เฉียนซีพลันหม่นคล้ำ “มู่ซีเขาเก็บตัวอยู่ ต่อให้เจ้าอยากเจอก็เจอไม่ได้ เจ้าไม่ช่วยก็ช่างเจ้าเถอะ”
น่าหลานอวี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กล่าวว่า “มู่เฉียนซี นับว่าเจ้าโหดเหี้ยมมาก ข้าบอกไปแล้วว่าจะช่วยก็คือจะช่วย”
“ว่าแต่ นิกายไป๋กู่เคยเป็นนิกายที่น่ากลัวมากของสำนักอีชิง ทำให้กากเดนที่เหลืออยู่ของพวกเขาควรถูกกําจัดให้สิ้นซากเสีย สํานักอวิ๋นเยียนจัดการได้ไม่สะอาดนัก ทำให้เจ้าต้องมาจัดการเรื่องยุ่งเหยิงเช่นนี้” น่าหลานอวี้กล่าว
เมื่อพูดถึงสํานักอวิ๋นเยียน มู่เฉียนซีกรุ่นโกรธขึ้นมาทันที
“เจ้าอย่าพูดถึงสํานักอวิ๋นเยียนเลย หากไม่ใช่เพราะพวกมันมาสร้างปัญหาและทำให้เสียเรื่อง ข้าคงส่งหญิงสองคนนั้นไปบนถนนหวงฉวนแล้ว และคงไม่จําเป็นต้องมาลำบากตามหาใคร” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
น่าหลานอวี้ “ดูท่าการกระทําในครั้งนี้ของสํานักอวิ๋นเยียนจะมีช่องโหว่อยู่”
มู่เฉียนซี “พวกเขาคงไม่ได้อยู่ที่แคว้นเชียนเซี่ยและกำลังคุยโม้เกี่ยวกับความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ของคุณหนูสามของพวกเขาหรอกกระมัง”
น่าหลานอวี้ยิ้ม กล่าวว่า “มู่เฉียนซีเจ้าอยู่ทางเมืองตะวันตกเล็ก ๆ นี้ แต่ยังได้รับข่าวสารไวอย่างมาก ได้ยินมาว่าสํานักอวิ๋นเยียนสูญเสียยอดฝีมือระดับจักรพรรดิไปหลายสิบคนเพื่อทําลายกากเดนที่หลงเหลือของนิกายไป๋กู่ในครั้งนี้ คุณหนูสามของพวกเขารอดชีวิตมาได้ มันสามารถเขียนเป็นบทละครในหนังสือได้เลยนะข้าว่า”
มู่ฉียนซีขมวดคิ้ว นางกล่าวทั้งที่ใบหน้ายังหม่นคล้ำ “ดูเหมือนว่าข้าจะรู้จักระดับความหน้าหนาของสํานักอวิ๋นเยียนของพวกเขาน้อยไปเสียแล้ว”
น่าหลานนอวี้กล่าวถาม ใบหน้าแววตาทอประกายความฉงนสงสัย “แล้วเรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่รึ ?”
มู่เฉียนซีเล่าสถานการณ์อันหดหู่ก่อนหน้านี้ให้เขาฟัง น่าหลานอวี้อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งขึ้นมาก่อนจะกล่าว “หืม… สํานักอวิ๋นเยียนหน้าหนาอย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเมื่อพูดถึงสํานักอวิ๋นเยียน เจ้าถึงได้หดหู่ใจเพียงนั้น”
“แต่พวกมันสามารถทําให้คนเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมอย่างเจ้าโกรธได้ถึงเพียงนี้นับว่าร้ายกาจนัก”
มู่เฉียนซีตบเขาทันที “เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เห็นผู้อื่นเป็นทุกข์แล้วยังมีความสุขได้อีก!” จากนั้นนางกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ข้ากับสํานักอวิ๋นเยียนตัดสินใจแล้วว่าไม่ตายไม่หยุด เมื่อถึงเวลานั้น ข้าหวังว่าหอการค้าอันดับหนึ่งของน่าหลานจะไม่ยืนอยู่ข้างเดียวกับสํานักอวิ๋นเยียน”
น่าหลานอวี้ “สํานักอวิ๋นเยียนอาศัยว่าพวกเขาเป็นสํานักอีชิงเพียงสํานักเดียว จึงได้ครองอํานาจในทวีปเซี่ยโจว ปล้นชิงเอาทรัพยากรต่าง ๆ ความสัมพันธ์ที่มีกับหอการค้าอันดับหนึ่งของพวกเรานั้นไม่ดีอย่างมาก มู่เฉียนซีเจ้าไม่จําเป็นต้องกังวลเลย”
“ข้าตั้งตารอวันนั้น วันที่เจ้าทําลายสํานักอวิ๋นเยียน บางทีอาจเป็นไปไม่ได้สำหรับคนอื่น แม้ว่าวันนี้คนเหล่านี้จะวุ่นวายกับเจ้า แต่ข้าคิดว่าทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้กับเจ้า” น้ำเสียงของน่าหลานอวี้เต็มไปด้วยความคาดหวัง
เห็นได้ชัดว่าตระกูลมู่เป็นเพียงตระกูลที่มีเงินมาก ความแข็งแกร่งของตระกูลมู่จัดอยู่ในเกณฑ์ธรรมดา หากสํานักป้านซิงเพียงส่งคนระดับจักรพรรดิคนหนึ่งออกมา ก็สามารถทําลายได้อย่างง่ายดาย
แต่ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี มู่เฉียนซีก็สังหารสํานักจินติ่งของสํานักป้านซิงจนทําให้สํานักของเขาแตก หัวหน้าสํานักจินติ่งโมโหอย่างหนักแต่เขาไม่กล้ากล่าวสิ่งใด
มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าจะได้เห็นวันนั้นอีกไม่นาน คงจะใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี”
มู่เฉียนซีมองขึ้นไปบนท้องนภาทางทิศตะวันออก ดวงตาสีดําสนิทของนางส่องประกายราวกับดวงดาวที่ส่องประกายยามราตรี ลึกเข้าไปในนัยน์ตานางดำมืดราวกับหุบเหวแห่งความมืดมิดที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งและดูอันตรายอย่างยิ่งยวด
……
สํานักอวิ๋นเยียนถูกหมอปีศาจจับตามอง ในที่สุดวันหนึ่งฝันร้ายของพวกเขาก็มาถึง
การล่องูออกจากถ้ำในขั้นตอนแรกคือการล้อมเมือง ด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากหอการค้าอันดับหนึ่ง ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างราบรื่นมาก
ต่อมา…
มู่เฉียนซีกล่าว “บอกปรมาจารย์เวินด้วย”
มู่เฉียนซีไปที่แคว้นชวน แคว้นใหญ่อันดับหนึ่งทางตะวันตกของทวีปเซี่ยโจวที่มีพรมแดนติดกับแคว้นชิงเพื่อตามหาปรมาจารย์เวิน เขาประสบความสําเร็จในการใช้ไม้สวรรค์ว่านหลิงหรือไม้สวรรค์หมื่นวิญญาณ เพื่หลอมเม็ดยาสวรรค์ว่านหลิงออกมา
เวลานี้เขาไม่ใช่นักปรุงยาระดับสูงอีกต่อไป แต่เป็นถึงปรมาจารย์นักปรุงยาที่สามารถหลอมยาระดับปรมาจารย์ได้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ปรมาจารย์เวิน ข้าต้องการให้ท่านช่วยสักหน่อยได้หรือไม่ ?”
ปรมาจารย์เวินกล่าวตอบ “ผู้นำตระกูลมู่ เจ้าถือเป็นดาวนำโชคของข้า บอกว่าต้องการให้ช่วยนั้นดูห่างเหินเกินไปแล้ว ตราบใดที่ข้าสามารถทําอะไรให้ได้ เจ้าก็กล่าวออกมาได้เลย”
มู่เฉียนซี “ข้าอยากให้เจ้าปรุงยาวิเศษเม็ดนี้ ข้าพบสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดแล้ว”
เมื่อปรมาจารย์เวินเห็นใบสั่งยา เขาก็กล่าวว่า “เม็ดยาระดับปฐพี ยาฟื้นพลังระดับสาม ยารักษาอาการบาดเจ็บระดับสูง แม้ว่าการปรุงยาเม็ดชนิดนี้จะค่อนข้างยากนัก ทว่าตราบใดที่ผู้นำตระกูลมู่กล่าวออกมา ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ”
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “ปรมาจารย์เวิน ท่านไม่เพียงแต่ต้องปรุงยาเม็ดนี้เท่านั้น แต่ท่านยังต้องเปิดเผยเรื่องการปรุงยาระดับปฐพีนี้ออกไปด้วย”
ปรมาจารย์เวินรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขากล่าวว่า “เมื่อข่าวนี้ถูกเปิดเผยออกไป แม้แต่สำนักป้านซิงก็อาจจะใจเต้นแรง ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่เพิกเฉยต่อชื่อเสียงข้าและลงมือแย่งชิงเม็ดยานี้…”
มุมปากของมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย “ข้าเพียงแค่อยากให้พวกเขามาแย่งมัน นี่คือเป้าหมายสูงสุดของเม็ดยานี้”
ผู้นําตระกูลมู่ผู้นี้อายุยังน้อย แต่ความคิดของนางนั้นยอดเยี่ยมนัก
ปรมาจารย์เวินกล่าวถามขึ้น “ผู้นําตระกูลมู่ เจ้าคิดจะทําอะไรหรือ ?”
.