เวลานี้เจ้าสำนักจินติ่งแทบอยากจะฆ่าตัวตาย สตรีอายุน้อยผู้นี้มาเยือนถิ่นของผู้อื่นแท้ ๆ นางยังจะหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้
เจ้าสำนักจินติ่ง “ท่านผู้นำตระกูลมู่ต้องการสิ่งใดก็บอกข้ามาเถอะ”
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองเจ้าสำนักจินติ่ง “อืม ข้าอยากจะหาของในสำนักจินติ่งดูว่ามีอะไรที่โดนตาข้าบ้าง หากข้าถูกใจข้าก็เอาไป ท่านว่าอย่างไรล่ะ ?”
เจ้าสำนักจินติ่งมีลางสังหรณ์เลวร้ายอย่างมาก
“ท่านผู้นำตระกูลมู่ ถึงแม้ว่าสำนักจินติ่งของเราจะไม่ใช่สำนักนิกายใหญ่อันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ควรที่จะรื้อค้นตามใจชอบ”
มู่เฉียนซีกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “สำนักจินติ่งมิใช่สำนักนิกายใหญ่อันดับหนึ่งหรอกหรือ ข้าไม่รู้มาก่อน แต่ชีวิตของบุตรชายท่านอยู่ในกำมือของข้า เจ้าสำนักจินติ่งคิดว่าตัวท่านเองยังมีทางเลือกอยู่อีกรึ ?”
เจ้าสำนักจินกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “มู่เฉียนซี เจ้าจะโอหังมากเกินไปแล้ว!”
ขณะเดียวกันนั้น เหล่าบรรดายอดฝีมือของสำนักจินติ่งเตรียมพร้อมที่จะลงมือ
พวกเขารอแค่คำสั่งจากเจ้าสำนักเท่านั้น จากนั้นก็สามารถลงมือได้
มู่เฉียนซีมองเจ้าสำนักจินติ่งด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มทว่าก็ไม่ยิ้ม “เจ้าสำนักจินติ่งคงไม่คิดว่าที่ข้ากับสหายมาถึงที่นี่ ก็เพียงเพื่อมาเยี่ยมเยือนพวกเจ้าหรอกใช่หรือไม่ ?”
ทันใดนั้นร่างสิบร่างแผ่พลังระดับจักรพรรดิออกมา ในจำนวนนั้นมีผู้อาวุโสสามคนจากสำนักเฟินเทียน และผู้อาวุโสอีกสามคนของสำนักจินติ่งรวมอยู่
ผู้อาวุโสทั้งสามของสำนักจินติ่งกล่าวอย่างจนปัญญา “ท่านเจ้าสำนัก เราฟังคำของท่านผู้นำตระกูลมู่เถอะ มิเช่นนั้นแล้ว…”
เจ้าสำนักจินติ่งจำใจต้องยอมรับชะตากรรม หากเขาลงมือทำอะไรไปในเวลานี้ มีหวังสำนักจินติ่งจะต้องโดนทำลายล้างจนเละเป็นแน่ อีกอย่าง ในตอนนี้ชีวิตบุตรชายเขาก็อยู่ในกำมือของนาง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จำใจต้องยอมประนีประนอม
เจ้าสำนักจินติ่งกล่าว “ท่านผู้นำตระกูลมู่ ข้ายอมรับข้อตกลงก็ได้ ไม่ว่าเจ้าจะเห็นของมีค่าใดที่ถูกใจ เจ้าก็ย่อมเอาไปได้ เช่นนี้เจ้าคงจะพอใจแล้วใช่หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน! เจ้าสำนักจินติ่งเป็นผู้ที่พูดง่ายที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา ลงมือได้!”
เมื่อมู่เฉียนซีสั่ง เหล่าบรรดาองครักษ์เงาของนางก็ลงมือเก็บกวาดของมีค่าไปในทันที
สำนักนิกายที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเช่นนี้ถูกบุคคลภายนอกมาค้นข้าวของถึงสำนัก ข้าวของทุกซอกทุกมุมถูกรื้อค้นทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรแล้ว นี่ก็เป็นคำสั่งของเจ้าสำนักจินติ่ง ต่อให้คนของสำนักจินติ่งโกรธแค้นสักเพียงใดก็ไม่สามารถเปล่งเสียงแย้งอะไรออกไปได้
เจ้าสำนักจินติ่งใจคอไม่ดีอยู่ตลอดเวลา แต่มู่เฉียนซีกลับทำตัวสบาย ๆ นางจ้องมองเขาตลอดเวลาจนทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างที่สุด
น่าหลานอวี้กระซิบข้างหูของมู่เฉียนซีว่า “มู่เฉียนซี เจ้าต้องการหาอะไรจากสำนักจินติ่งกันแน่ หรือสำนักจินติ่งกำลังซ่อนอะไรอยู่รึ ?”
มู่เฉียนซี “ข้าก็ไม่แน่ใจ ข้าเพียงแค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น แต่หากจำเป็นต้องฆ่าก็ต้องฆ่าให้หมด จะปล่อยไว้ไม่ได้แม้แต่คนเดียว”
องครักษ์เงาพยายามหาอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมทว่าก็ยังไม่เจออะไร
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “ค่อย ๆ หาเถอะ สิ่งที่พวกเรามีนั่นก็คือเวลา”
ค้นหามาตลอดทั้งวัน ทั้งศิษย์ทั้งเจ้าสำนักต่างก็ยังคงรู้สึกร้อนรนใจอยู่ พวกเขาซ่อนสมบัติของพวกเขาเอาไว้อย่างดีเพื่อไม่ให้ผู้นำตระกูลมู่นางนี้เจอ หากนางเจอนางต้องเอาไปอย่างแน่นอน เวลานี้น่าอึดอัดใจนัก แม้แต่ที่จะยืนร้องไห้พวกเขาก็ไม่มี
เจ้าสำนักจินติ่งกล่าวสั่งคนของเขา “ดึกมากแล้ว ไปเตรียมที่พักให้ท่านผู้นำตระกูลมู่ได้พักผ่อน”
“ขอรับ”
เจ้าสำนักจินติ่งให้คนไปจัดเรือนที่เงียบและสงบให้มู่เฉียนซีพักผ่อน เหล่าบรรดาองครักษ์เงาต่างก็พากันมารายงานว่ายังคงไม่พบสิ่งใด
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำ “หรือว่าข้าจะคิดไปเอง”
— ขวับ! ขวับ! —
ทันใดนั้นภายในพุ่มหญ้าข้าง ๆ มีร่างสตรีชุดสีชมพูลุกยืนขึ้น นางจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาอาฆาตพยาบาท
“มู่เฉียนซี ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ทว่าก่อนที่มู่เฉียนซีจะเคลื่อนไหวนั้น มีร่างสีขาวพุ่งตรงเข้าหานางอย่างรวดเร็ว
— ปัง! —
ร่างของสตรีผู้นั้นกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
เมื่อมู่เฉียนซีเห็นร่าง นางก็กกล่าวขึ้นว่า “มู่หรูอวิ๋น เหตุใดเจ้าถึงไม่เก็บตัวอยู่ในสำนักจินติ่งอย่างเชื่อฟังเล่า ? ออกมาลอบทำร้ายข้าเช่นนี้ เจ้าไม่คิดเสียดายชีวิตแล้วรึ ?”
มู่หรูอวิ๋นมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำคู่นั้น พลันทั้งร่างของนางสั่นเทิ้ม นางคุกเข่าลง ร้องห่มร้องไห้ปนกล่าวออกมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ฮือ ๆ ๆ ท่านผู้นำตระกูล หรูอวิ๋นผู้นี้ขอร้อง พาหรูอวิ๋นกลับไปด้วยเถอะนะ อิ๋นเจี้ยนผู้นั้นเป็นบุรุษโหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก”
“พาหรูอวิ๋นกลับไปด้วยเถอะ หรูอวิ๋นให้คำมั่นสัญญาว่าจะยอมเป็นทาสรับใช้ผู้นำตระกูลด้วยความเต็มใจ…”
มู่เฉียนซีกล่าวพลางขมวดคิ้ว “มู่หรูอวิ๋น สำหรับเรื่องที่เจ้าทรยศข้า คิดลอบทำร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อให้เป็นทาสรับใช้ข้าก็ไม่อาจยอมรับเจ้าได้ เจ้าคิดอยากจะเป็นนายหญิงมาตลอดมิใช่รึ ? ตอนนี้เจ้าก็ได้เป็นนายหญิงของสำนักจินติ่งแล้ว สมดั่งที่เจ้าปรารถนาแล้วไม่ใช่หรือไร ?”
ในใจของมู่หรูอวิ๋นเศร้ารันทดยิ่งนัก เป็นนายหญิงในสำนักจินติ่งก็ไม่ต่างจากเป็นนางบำเรอให้กับอิ๋นเจี้ยน การใช้ชีวิตของนางยิ่งไปกว่าข้ารับใช้เลยก็ว่าได้
มู่หรูอวิ๋น “ผู้นำตระกูลมู่ ฮือ ๆ ๆ มู่เฉียนซี ข้าไม่ขอให้ท่านพาข้ากลับไปก็ได้ แต่ช่วยบอกให้ท่านพี่หลี่เทียนมาหาข้า มาดูข้าเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่ ? ขอเพียงแค่ให้ท่านพี่หลี่เทียนมาเห็นข้าเพียงครั้งสุดท้าย ต่อให้ข้าตายไปข้าก็จะไม่เสียใจแม้แต่น้อย”
ใจของมู่หรูอวิ๋นรู้สึกสิ้นหวังอย่างไร้ที่เปรียบ มู่เฉียนซีมองนางพลางกล่าว “มู่หรูเหยียน หากเจ้ารับปากข้าอย่างหนึ่ง บางทีข้าอาจจะทำให้เจ้าสมหวังได้”
“ผู้นำตระกูลบอกมาเลย บอกมาได้เลย ขอเพียงท่านบอกมา ข้าทำได้ทุกอย่าง”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “มู่หรูอวิ๋น ช่วงนี้เจ้าได้เจอกับมู่หรูเหยียนพี่สาวเจ้าบ้างหรือไม่ ?”
“พี่หรูเหยียน พี่หรูเหยียนไม่ใช่…” มู่หรูอวิ๋นกล่าวอย่างสับสน
มู่เฉียนซีกล่าวต่ออีกว่า “ตั้งแต่เด็กจนโต มู่หรูเหยียนเก่งและดีไปกว่าเจ้าในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าเรื่องอะไรเจ้าก็เป็นคนรับหน้ามาเสมอ แต่นางกลับได้รับประโยชน์มากกว่าเจ้าหลายต่อหลายอย่าง นางได้เป็นถึงกุ้ยเฟย แต่นางไม่เคยนึกถึงเจ้าผู้ที่คอยรับกรรมอยู่ที่สำนักจินติ่งแม้แต่น้อย ไม่หมดเพียงเท่านั้น นางยังได้เป็นถึงมือขวาคนสนิทขององค์จักรพรรดินี แต่ก็มิได้นึกถึงเจ้าผู้ที่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ไม่เคยนึกที่จะช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่ เช่นนี้แล้วเจ้ายังคิดจะช่วยมู่หรูเหยียนอยู่อีกรึ ?”
มู่เฉียนซีกำลังสงสัยว่าสำนักจินติ่งแอบซ่อนตัวมู่หรูเหยียนกับโอวหยางหว่านไว้
ในแคว้นจื่อเยี่ยไม่มีผู้ใดที่แอบซ่อนผู้บาดเจ็บสาหัสทั้งสองเอาไว้ให้รอดไปจากสายตาของตระกูลมู่ได้ ส่วนสำนักเฟินเทียนแห่งแคว้นชิง ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้
เช่นนี้แล้วก็เหลือเพียงแค่ราชวงศ์กับสำนักจินติ่ง อีกอย่างสำนักจินติ่งก็เพิ่งจะไปประมูลยารักษาระดับสูงที่โรงประมูลใต้ดินมามากล้นเหลือคณานับเช่นนั้น นั่นยิ่งตอกย้ำความสงสัยของมู่เฉียนซีนัก
มู่หรูอวิ๋นส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ ข้าไม่ได้เจอกับพี่หรูเหยียนเลย”
เวลานี้เมื่อมู่หรูอวิ๋นได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี นางรู้สึกราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจ
สามปีก่อน มู่เฉียนซีปรากฏตัวในตระกูลมู่ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อายุน้อยกว่านาง ทั้งโง่เง่า ทั้งอัปลักษณ์อย่างไร้ที่เปรียบ แต่นางก็ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลมู่ผู้ที่สามารถควบคุมทุกอย่างในตระกูลมู่ได้
แต่นาง… ผู้ที่มีสถานะเป็นเพียงสาวใช้ นางไม่พอใจกับสิ่งนี้ นางเกลียดชัง นางอิจฉาริษยามู่เฉียนซี แต่ไม่ว่านางจะเกลียดจะอิจฉามู่เฉียนซีสักเพียงใด นางก็ไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องโหดเหี้ยมทารุณ
จนกระทั่งต่อมา พี่หรูเหยียนพยายามยุยงนาง พยายามหลอกล่อนางจนนางอิจฉาริษฉาข้อตกลงการหมั้นหมายของมู่เฉียนซีกับซวนหยวนหลี่เทียน การยุยงของมู่หรูเหยียนสร้างความริษยาในใจนางมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนางทนไม่ไหวคิดจะกำจัดมู่เฉียนซี
ทุกครั้งที่นางได้รับสิ่งของมีค่าจากมู่เฉียนซี ของมีค่าส่วนมากก็ให้พี่หรูเหยียนเสมอ นับวันก็ยิ่งเห็นความแตกต่างของสองพี่น้องมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่หรูเหยียนใจดีเปรียบเสมือนนางฟ้า แต่นางกลับเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต
ในวันที่มีคนลอบฆ่ามู่เฉียนซีที่จวนกั๋วกง ก็เป็นพี่หรูเหยียนที่ชี้แนะ อีกทั้งเรื่องที่เอากู่พิษลอบทำร้ายมู่เฉียนซีก็เป็นพี่หรูเหยียนอีกที่อยู่เบื้องหลัง…
เรื่องราวสกปรกแต่ละอย่าง ในที่สุดนางก็รู้ตัวว่าโดนคนที่นางเคารพรักมากที่สุดหลอกใช้
“เหอะ ๆ ๆ” มู่หรูอวิ๋นหัวเราะออกมาด้วยความเศร้าโศกในหัวใจ “ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปจริง ๆ ข้ามันโง่ยิ่งนัก!”
นางไม่มีอะไรจะขออีกแล้ว จากนั้นนางกลับไปด้วยท่าทีโศกเศร้าเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หรือว่าสิ่งที่นางคิดนางเข้าใจผิดไป สำนักจินติ่งอาจจะไม่ได้ซ่อนตัวมู่หรูเหยียนกับโอวหยางหว่านเอาไว้ก็เป็นได้
.