ตอนที่ 64 เปลืองแรง

“มองจากแววตาแล้ว เจ้าน่าจะป่วย กรุณาอยู่ให้ห่างจากข้าด้วย”

ซูหวานหว่านมองเหมี่ยวอี้เซิงพลางพูดเยาะเย้ย นางเปลี่ยนไปตัดต้นไม้ที่อยู่อีกฝั่ง เมื่อเหมี่ยวอี้เซิงเห็นแบบนั้นก็กรีดร้องออกมา

“ซูหวานหว่าน! ข้าเตือนเจ้าเอาไว้ตรงนี้ อย่ามาทำร้ายข้า! หากเจ้าทุบตีข้าแม้แต่เพียงนิดเดียว ข้าจะ…ข้าจะไปแจ้งความกับทางการ! เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะมาตำหนิข้าไม่ได้นะ!”

ซูหวานหว่านมองไปที่เหมี่ยวอี้เซิงด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ นางเพียงเปลี่ยนฝั่งตัดต้นไม้เพียงเพราะนางเมื่อยเท่านั้นเอง! เหตุใดเหมี่ยวอี้เซิงถึงกลัวเป็นไก่อ่อนหาว่านางจะทุบตีตนเอง!

เขาไม่ได้มีค่ามากพอที่จะมาถอนหมั้นนางเสียด้วยซ้ำ! ซูหวานหว่านขมวดคิ้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เจ้ายังสติดีหรือไม่ โปรดออกไปห่าง ๆ จากตัวข้า อย่าปล่อยให้เชื้อโง่มาติดตัวข้าเด็ดขาด”

เมื่อพูดจบ ซูหวานหว่านก็ถือไม้และเดินผ่านเหมี่ยวอี้เซิงไปอย่างไม่สนใจ

เหมี่ยวอี้เซิงรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของซูหวานหว่าน เขาไม่ได้รับความสนใจจากผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใดกัน? อีกทั้งตอนนี้เขายังถูกหญิงสาวที่ถอนหมั้นกล่าววาจาดูถูก! ซูหวานหว่านบังอาจพูดจากับเขาเช่นนี้ได้อย่างไร!

เหมี่ยวอี้เซิงเดินตามไล่นางไปอย่างรวดเร็ว “ซูหวานหว่าน ข้าจะบอกอะไรเจ้าเอาไว้ แม้ว่าครอบครับของเจ้าจะยากจน หากเทียบกับครอบครัวของข้าแล้วก็คงจะเทียบไม่ติด แต่หากเจ้าขอร้องข้าหรืออ้อนวอนข้า บางทีข้าอาจจะยอมรับเจ้าและรับเจ้ามาเป็นเมียรองของข้าก็ย่อมได้”

เหมี่ยวอี้เซิงไตร่ตรองเรื่องนี้มาอย่างดีแล้ว หากเขาตกปากรับคำว่าจะให้นางมาเป็นเมียรอง นางจะต้องมาขอร้องอ้อนวอนตนเองอย่างแน่นอน อีกทั้งนางยังต้องนำสินเดิมของตนออกมา เขาจะทำตัวเย็นชาใส่นางเมื่อถึงตอนนั้น หากนางไม่ยอมรับเรื่องนี้ เขาก็จะเอานางมาเป็นคนรับใช้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

เขาไม่ได้เสียเปรียบสิ่งใดเลย!

“เจ้าจะว่าอย่างไร?” เหมี่ยวอี้เซิงถามย้ำออกมา

ซูหวานหว่านไม่ได้สนใจข้อเสนอของเหมี่ยวอี้เซิง แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่น่ารังเกียจของเหมี่ยวอี้เซิง ก็ทำให้นางถึงกับอดพูดออกมาไม่ได้ “เหมี่ยวอี้เซิง เหตุใดเจ้าไม่ไปหาซื่อต้าฟู้? หรือว่าตอนนี้ครอบครัวของเจ้ามีปัญหาจนเกินจะเยียวยา หรือว่าซื่อต้าฟู้นั้นมีคนโปรดคนใหม่แล้วหรือ?”

นางยังกล้ามาพูดเรื่องนี้อีกอย่างงั้นหรือ?

มันเป็นเพราะนาง เขาถึงถูกผู้อื่นเอาเรื่องนี้ไปนินทาต่าง ๆ นานา

เขาได้พูดถึงเรื่องนี้ไปหลายครา ผู้คนต่างก็เชื่อว่าตนเองได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับซื่อต้าฟู้ อีกทั้งซื่อต้าฟู้ก็รู้สึกไม่พอใจและไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกแล้ว! ทั้งยังใช้เงินมาเพื่อตัดความสัมพันธ์กับเขาอีกด้วย!

เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพราะซูหวานหว่าน!

“หุบปากไปซะ!” เหมี่ยวอี้เซิงถึงกับขมวดคิ้วและหยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าเป็นเพียงหญิงสาว อย่ามาทำปากดีไปหน่อยเลย!”

“เจ้าก็เป็นเพียงผู้ชาย อย่าทำตัวขี้ขลาดให้มาก ประเดี๋ยวคนอื่นจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นชายหรือหญิงกันแน่ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะมีชายหนุ่มมาแอบชอบเจ้าได้” นางมองไปที่เหมี่ยวอี้เซิงด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

ยังไม่ทันเหมี่ยวอี้เซิงจะได้โต้ตอบออกไป ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหานางเสียก่อน ชายหนุ่มผู้นั้นมองไปที่ซูหวานหว่านและพูดออกมาด้วยความลังเล “ซูหวานหว่าน ข้า…ข้าช่วยเจ้าถือของเอง!”

เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มคนนั้นก็แบกไม้ขึ้นไหล่ตนเอง แก้มชายหนุ่มขึ้นสีแดงราวกับถูกแต่งเติมอย่างไม่สามารถปิดไว้ได้มิด

แค่นี้ก็เขินแล้วหรือ!

เหมี่ยวอี้เซิ้งพยายามนึกชื่อของชายหนุ่มคนนั้นก่อนจะวิ่งตามไป “ซูเอ๋อร์หนิว ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบซูหวานหว่านหรอกนะ?”

“ข้า…ข้า” ใบหน้าของซูเอ๋อร์หนิวเปลี่ยนเป็นสีแดง แม้เขาจะไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาคำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

เหมี่ยวอี้เซิงถึงกับโกรธแล้วพูดออกมาว่า “เจ้าจะชอบใครก็ได้ แต่เจ้าจะมาชอบซูหวานหว่านไม่ได้! นางเคยถูกข้าถอนหมั้นมาแล้ว! นางไม่ใช่คนดีงาม! อีกอย่างครอบครัวของนางยังยากจนอีกด้วย! แล้วแถมนางก็คงไม่มีสินเดิมที่จะแต่งงานกับเจ้าหรอก!”

ครอบครัวของซูหวานหว่านนะหรือยากจน?

ซูเอ๋อร์หนิวตกใจไปชั่วขณะ “เจ้าไม่ได้ยินหรือว่าครอบครัวของซูหวานหว่านกำลังจะสร้างบ้านใหม่? แม่ของข้ายังขอให้ข้าไปที่บ้านของนางเพื่อไปช่วยเหลือครอบครัวของนางเลย”

“ว่าอย่างไรนะ? ครอบครัวของนางกำลังจะสร้างบ้านใหม่?” เหมี่ยวอี้เซิงถึงกับอ้าปากค้าง

ซูหวานหว่านลดความเร็วฝีเท้าลงพร้อมกับหันหลังไปกล่าวว่า “บ้านของข้าไม่ได้สร้างใหม่แค่เป็นเพิงไม้ ทว่ายังสร้างเป็นบ้านปูนอีกด้วย!”

“ใช่แล้ว พรุ่งนี้ข้าและพ่อของข้าจะมาช่วยลุงเฉียงขนอิฐขนปูน!”

หูซูเอ๋อร์หนิวขึ้นสีแดงระเรื่อ

เหมี่ยวอี้เซิงถึงกับหันกลับมามองซูหวานหว่านด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของเขาก็ดูอ่อนลง พร้อมกับเลิกคิ้วถาม “หวานหว่านเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นหรือ?”

จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหมี่ยวอี้เซิงเสียหน่อย!

ซูหวานหว่านกลอกตามองบนและก้าวเดินต่อไป ซูเอ๋อร์หนิวรีบเดินตามนางไป ส่วนเหมี่ยวอี้เซิงยังคงเดินตามหลังพวกเขามาด้วยความงุนงง

พอมาถึงบ้านเช่าของซูหวานหว่าน นางพลันได้ยินทุกคนต่างกำลังพูดถึงเรื่องที่ซูหวานหว่านจะสร้างบ้านใหม่

พวกเขากำลังอิจฉานาง! ความคิดดังกล่าวทำให้เหมี่ยวอี้เซิงรู้สึกเสียดายนางขึ้นมา

หากรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก เขาจะไม่ถอนหมั้นเด็ดขาด!

ใครมันจะไปอยากนอนกับซื่อต้าฟู้กัน!

ที่ทำไปเพียงเพราะเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นแหละ!

ตอนนี้ไม่ใช่ว่าตระกูลซูกลายเป็นเศรษฐีไปแล้วหรอกหรือ?

เหมี่ยวอี้เซิงรู้สึกโกรธตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้ววิ่งตามไปที่ประตูหน้าบ้านพยายามมองลองไปด้านใน

เขาเห็นแม่เจิ้นกำลังตักน้ำใส่อ่าง ก่อนจะยกมาสาดใส่เหมี่ยวอี้เซิงจนเปียกโชกไปทั่วตัวในฉับพลัน มันทำให้เขารู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะใส่อารมณ์กับแม่เจิ้น ชายหนุ่มพยายามกดอารมณ์ของตนเองไว้ โดยหัวเราะออกมา “ท่านป้า ข้าเพียงแค่ต้องการมาดูเฉย ๆ เพียงเท่านั้นเอง”

“ดูสิ่งใด? ไม่ต้องมายุ่ง! จะไปไหนก็ไปเสีย!” เมื่อนึกถึงเรื่องที่เหมี่ยวอี้เซิงถอนหมั้นลูกสาวของตนในวันนั้น และทำให้ครอบครัวของนางได้รับความอับอายเป็นอย่างมาก นางก็หงุดหงิดขึ้นมา

“ท่านป้า! ข้า…” เหมี่ยวอี้เซิงยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกแม่เจิ้นปิดประตูที่หน้าบ้านใส่หน้าอย่างแรง

เหมี่ยวอี้เซิงโกรธจัดจนใบหน้าเปลี่ยนสี เขากำหมัดแน่นและเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจเท่าไร

ซูหวานหว่านกำลังจัดการกับท่อนไม้ที่นางไปตัดมา ส่วนซูเอ้อร์หนิวเห็นว่าไม่มีอะไรให้ช่วยก็ได้ขอตัวกลับบ้านไปด้วยท่าทางเคอะเขิน

ซูหวานหว่านกำลังย้ายไม้ไปที่ลานกลางบ้าน พลันใดก็เห็นหลี่ฉือโทว คนขับเกวียนที่นางมักเหมาเข้าไปขายขุมทรัพย์ในเมืองบ่อย ๆ วิ่งเข้ามา

เมื่อเห็นซูหวานหว่าน เขาก็กระทืบเท้าแล้วพูดออกมาว่า “รีบปิดประตู ปิดประตูบ้านเร็ว! ข้าเห็นซูต้าจ้วงกลับมา! เขากำลังพาซูจินฮัวลูกชายของเขามาที่นี่! มันจะเป็นอะไรได้นอกจากจะ…มาขอเงินไปใช้หนี้”

ซูต้าจ้วงไม่ได้อยู่ในเมืองหรอกหรือ? เหตุใดเขาถึงกลับมา? ตอนนั้นที่ฮ่วงชุ่นเจินเข้ามาขโมยของ เขาก็ไม่กลับมา แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงกลับมาได้? หรือว่าจะมาทวงหนี้? หรือว่าอยากจะได้ส่วนแบ่งจากครอบครัวนาง?

“พวกเจ้าสองคนกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่?” แม่เจิ้นเห็นทั้งสองคนกำลังยืนคุยกันด้วยท่าทางเคร่งเครียด หลี่ฉือโทวก็ได้พูดสิ่งที่เขาเห็นอีกครั้ง แม่เจิ้นจึงรีบวิ่งไปปิดประตูหน้าบ้าน

ตอนที่นางกำลังจะไปปิดประตูบ้าน นางก็เห็นกลุ่มคนที่กำลังเดินมาทางนี้นำโดยซูต้าจ้วง!

“เจิ้นซิวซิว! ครอบครัวของเจ้าย้ายมาอยู่ที่นี่ก็นับว่าดีแล้ว มันทำให้ข้าหาได้ง่ายจริง ๆ!”

น้ำเสียงนี้ ท่าทางแบบนี้!

ท่าทางไม่เป็นมิตร!

แม่เจิ้นรีบปิดประตูหน้าบ้านลงอย่างรวดเร็ว

ปัง ๆ!

ซูต้าจ้วงเตะอย่างแรงที่ประตูหน้าบ้าน ทว่าประตูก็ยังไม่เปิดออก เขาจึงตะโกนออกมาว่า “เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? พี่ใหญ่ของเจ้ากลับมาแล้ว ไม่ชวนข้าเข้าไปในบ้านเพื่อดื่มน้ำชาสักหน่อยหรือ?”

พี่ใหญ่? น่าขันสิ้นดี! ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่ใช่ครอบครัวของนางหรอกหรือที่ต้องทำงานอย่างกับวัวกับควาย กินอด ๆ อยาก ๆ อีกทั้งยังไม่มีเสื้อผ้าอุ่น ๆ เอาไว้ใส่หน้าหนาวเลยด้วยซ้ำ พวกเขาคอยเป็นคนรับใช้ซูต้าจ้วงต่างหากเช่นนี้จะมาเรียกว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่ได้อย่างไรกัน?

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน แม่เจิ้นรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก “เจ้าไม่ใช่พี่ชายของข้า พวกเราแยกบ้านกันไปแล้ว และที่บ้านของข้าก็ไม่มีชาให้ท่านดื่ม”

ถึงแม้จะมี แม่เจิ้นก็ไม่เอามาให้เขาดื่มเด็ดขาด!

“หึ! ถึงแม้ว่าพวกเราจะแยกครอบครัวกันไปแล้วก็ตาม ข้าก็ยังเป็นพี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ดี ข้าคิดว่าชาที่บ้านของเจ้าน่าจะอร่อยน่าดู! เจ้าจะแอบข้าทำไมกัน เหตุใดถึงไม่เอามาให้ข้าดื่ม? ครอบครัวของเจ้าดูเหมือนจะพัฒนาไปมาก เจ้าก็กำลังสร้างบ้านใหม่อีกด้วย เหตุใดถึงไม่บอกข้าให้มาเอาเงิน! ทำแบบนี้มันจะมากเกินไปแล้ว! หากไม่ใช่ว่าท่านพ่อท่านแม่ได้เขียนจดหมายไปหา ข้าก็ไม่รู้ว่าน้องชายคนที่สามและน้องสะใภ้ของข้านั้นจะพัฒนาไปได้ไกลขนาดนี้!” ซูต้าจ้วงพูดจบก็เห็นว่าแม่เจิ้นยังไม่มาเปิดประตูบ้านให้ เขาถ่มน้ำลายออกมาและเตะไปที่ประตูอีกครั้งด้วยความรุนแรง

“ประตูบ้านจะถูกพังเข้ามาแล้ว! พวกเราจะทำอย่างไรกันดี! ดูท่าหากบ้านของเรามีของมีค่าอะไร พวกเขาจะต้องเอามันไปอย่างแน่นอน!” แม่เจิ้นกระสับกระส่ายไปมา

“ถ้าพวกเขากล้าที่จะเอาของเราไปก็ให้เอาไป! ข้าจะทำให้พวกเขาเสียใจที่คิดที่จะทำเช่นนั้น!” ซูหวานหว่านพูดออกมาจากใจ นางเหลือบมองไปที่ประตูบ้านพร้อมกับแผนตั้งรับที่ค่อย ๆ ถูกร่างขึ้นภายในหัว