ตอนที่ 65 ไม่มีวันยอมแพ้

“ท่านลุงเองเหรอ? รอข้าก่อน ข้ามีของดีจะให้ท่าน” ซูหวานหว่านกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม นางใช้ดวงจิตของตัวเองเข้าไปในมิติฟาร์มเพื่อหยิบเอาไข่เน่าออกมาสักสองสามฟอง แล้วแอบซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อของตัวเอง

“ช่างเป็นเด็กที่กตัญญูจริง ๆ!” ซูต้าจ้วงยืนรออยู่ที่ประตูหน้าบ้าน และมองไปรอบ ๆ โดยไม่ได้คิดอะไร ซึ่งก็เป็นจังหวะนั้นเองที่ซูหวานหว่านเปิดประตูบ้านออกมา

แกร๊ก— ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออก ซูต้าจ้วงก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับมีสิ่งของบางอย่างที่ลอยลงมาใส่ศีรษะของตน

มีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างลงมาหกใส่ที่หน้าผากของเขา และหน้าอก พร้อมกับเสื้อผ้าท่อนล่างของเขาได้เปื้อนไปจนหมด มันมีลักษณะเป็นน้ำสีเหลืองและสีดำผสมกันอยู่ และมันยังมีกลิ่นเหม็นคาวอย่างมาก ซูต้าจ้วงพูดออกมาอย่างโกรธเคืองทันที “ซูหวานหว่าน! เจ้ากล้าดียังไงมาทำร้ายข้ากัน!”

“ท่านลุง ข้าทำร้ายท่านตรงไหนกัน? ไข่เน่านี้มีแต่ของดี ๆ เมื่อก่อนตอนที่ท่านอยู่บ้าน ท่านยังเรียกพวกเราไปเอาเลยไม่ใช่หรือ? แถมยังมาปาใส่หน้าของข้า! แล้วท่านยังบอกอีกว่าอย่ากินของดี ๆ สิ้นเปลือง แต่ตอนนี้พอข้าทำกลับบ้าง! ท่านหาว่าข้าทำร้ายท่านหรือ? หึ! ดูเหมือนท่านต้องคิดหน่อยนะว่าสิ่งที่ท่านพูดไปตอนนั้นมันถูกต้องหรือเปล่า?” ซูหวานหว่านกล่าวออกมา

“เจ้าเด็กระยำคนนี้! ช่างปากดีเสียจริง ๆ นะ ดูซิว่าวันนี้ข้าจะสามารถสั่งสอนเจ้าได้หรือไม่!” ซูต้าจ้วงเดินเข้าไปหาเพื่อที่จะจับตัวซูหวานหว่านด้วยความโกรธ ส่วนซูต้าเฉียงนั้นก็ได้วิ่งกลับมาที่บ้านเช่าทันทีหลังจากที่ได้รับรู้เรื่อง และเขาก็ไม่ลืมที่จะนำคนงานมาที่บ้านเช่าของเขาอีกด้วย ซึ่งเมื่อเห็นท่าทางของซูต้าจ้วง เขาก็รีบเอาตัวเข้าไปบังซูหวานหว่านไว้ทันที

“พี่ใหญ่! ลูกสาวของข้า ข้าจะเป็นคนสอนเอง เจ้าไม่ต้องมาเป็นกังวลใจกับเรื่องนี้หรอก ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็รีบกลับไปซะเถอะ!” ซูต้าเฉียงกล่าวพูดออกมาพร้อมกับมองไปที่เสื้อผ้าบนร่างกายของซูต้าจ้วง และหัวใจของเขาก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมาทันที

ท่านแม่ของเขามักจะรักลูกชายคนโตและคนรองมากกว่าตัวเขาตลอด และเขาก็ไม่เคยได้ใส่เสื้อผ้าที่ดี ๆ แบบนี้เสียด้วยซ้ำ!

“เฮอะ! หากเจ้าไม่ให้ข้าสั่งสอนนาง ข้าก็อยากจะดูว่าเจ้าจะสั่งสอนนางยังไง!” ซูต้าจ้วงกล่าวออกมา แล้วจ้องไปที่ซูหวานหว่านด้วยความโกรธ

ในขณะที่ซูจินฮัวเดินมาอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับถือหนังสือเอาในมือหนึ่งเล่ม เขากลับต้องเอามือขึ้นมาปิดจมูกทันที และเดินออกห่างมาจากข้าง ๆ พ่อของตัวเอง ชี้ไปที่เสื้อผ้าของพ่อตน แล้วกล่าวออกมาว่า “ลุงสาม ท่านรู้หรือไม่ว่าเสื้อผ้าที่พ่อของข้าสวมใส่นั้นมันราคาเท่าไรกัน? มันต้องใช้เงินถึง 300 เหรียญเพื่อซื้อมันเลยนะ! ท่านจะต้องจ่ายค่าชดใช้มา!”

ยังกล้าที่จะเรียกเงินชดใช้จากเขาอีกหรือ? ซูต้าเฉียงถึงกับรู้สึกเหมือนมีหิมะตกอยู่ภายในหัวใจ เขากำลังจะเอาเงินออกมา แต่ถูกซูหวานหว่านจับมือของเขาเอาไว้ก่อน และกล่าวออกมาว่า “พ่อของข้าทำงานมาโดยตลอดและเงินทุกเหรียญที่มีก็ถูกท่านย่าเอาไปให้กับพวกเจ้าตลอด เสื้อผ้าที่พวกเจ้าใส่อยู่ ข้าเกรงว่าจะเป็นเงินของพ่อข้าที่ซื้อมันนะ! พ่อของข้าไม่เรียกพวกเจ้ากลับมามันก็ไม่ผิดอะไรหนิ แล้วพวกเจ้ายังมีหน้ามาเอาเงินชดใช้จากพ่อของข้าอีกอย่างงั้นหรอ?”

รู้สึกว่าหน้าของคนเหล่านี้น่าจะหนาเสียเหลือเกิน! และซูหวานหว่านก็มีความรู้สึกในแง่ลบกับซูต้าจ้วงเป็นอย่างมาก

แม่เจิ้นหยิบสมุดสีเหลืองออกมา แล้วนางก็พูดออกมาว่า “พวกเจ้าดูนี่สิ นี่คือบัญชีที่ข้าเขียนเก็บเอาไว้ตั้งแต่แต่งงาน พวกเด็ก ๆ ได้เขียนบันทึกเอาไว้ว่าพ่อของเขานั้นหาเงินมาได้เท่าไร และเอาเงินให้กับใครบ้าง และข้าก็จำมันได้อย่างชัดเจนว่าครอบครัวของพวกเราให้เงินแก่ครอบครัวพวกเจ้าไปทั้งหมด 16 ตำลึง แล้วมันก็เป็นจำนวนที่เยอะมากพอสมควร เจ้าไม่คิดที่จะถามพวกเราสักหน่อยหรือว่าอยากได้เงินส่วนนั้นคืนมาหรือเปล่า!”

ซูต้าเฉียงนั้นให้เงินมากมายกับครอบครัวเขาจริง ๆ? แต่ทำไมพวกเขากลับรู้สึกว่ามันไม่เยอะเลย?

ซูต้าจ้วงถึงกับกัดฟัน และยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องนี้ “หือ! ซูต้าเฉียง! เจิ้นซิวซิว! ข้าไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าพวกเจ้าจะตระหนี่ขี้เหนียวถึงขั้นจดบัญชีเอาไว้! กลัวว่าข้าจะไม่มีปัญญาคืนเงินพวกนี้กัน? หรือว่าจะกลัวถูกคนอื่นเยาะเย้ย!”

ซูต้าจ้วงกล่าวออกมาอย่างโกรธเคือง และพูดต่อ “ในเมื่อพวกเจ้าขี้เหนียวมากขนาดนี้ ข้าก็ไม่กล้าใช้พวกเจ้าหรอก! เอาคืนไปเถอะ! เอาคืนไปให้หมด! ข้าจะถอดมันคืนให้พวกเจ้าแล้วกัน!”

ซูหวานหว่านมองไปที่ซูต้าจ้วงอย่างเย็นชา แต่ทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรเพื่อที่จะห้ามพวกเขา ซึ่งทำให้ใบหน้าของซูจินฮัวถึงกับขายหน้าขึ้นมา

เขาจะกล้าถอดเสื้อผ้าออกมาได้อย่างไรกัน!

วันนี้อากาศร้อน และเขาก็ไม่ได้ใส่กางเกงชั้นในมาด้วย! ถ้าเขาแก้ผ้าตรงนี้ล่ะก็ แน่นอนว่าจะต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน!

ซูต้าจ้วงได้จับไปที่สายรัดเอวของตัวเอง ซูจินฮัวถึงกับจ้องมองไปที่พ่อของเขาและกล่าวออกมาว่า “ท่านพ่อ! อย่าถอดมันนะ! หากท่านถอดออกพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความผิดของพวกเขา ที่พวกเขาต้องการให้ท่านรู้สึกด้อยกว่า! มันช่างไร้ยางอายอย่างมาก! แล้วมันจะต่างกันยังไง?”

ครอบครัวของพวกเขาช่างรู้จักกระทำการไร้สาระจริง ๆ !

ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะเย้ยออกมา และกล่าวว่า “ในเมื่อท่านต้องการจะถอดมันออก ก็แสดงว่าท่านยอมรับว่าเสื้อผ้าพวกนี้ได้ถูกซื้อมาด้วยเงินของพ่อข้า และถ้าบอกว่านี่ไม่ใช่เงินของพวกเรา เป็นพวกท่านเองนะที่จะเสียหน้า?”

“เจ้า!” ซูจินฮัวตกใจกับคำพูดของซูหวานหว่านที่ทำให้เขาเสียหน้า เมื่อก่อนตอนที่เขากลับมาบ้าน ซูหวานหว่านก็จะมาเกาะติดเขา เพื่อคอยเอาใจเขาตลอด

แต่ตอนนี้มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง!

ซูจินฮัวหยุดคิดไปครู่หนึ่ง และกล่าวออกมาด้วยใบหน้าขมขื่น “ซูหวานหว่าน ถ้าเจ้ากลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ข้าก็จะไม่ให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้า และคอยรับใช้ข้าอีกต่อไป!”

รับใช้เหรอ?

นางไม่ใช่คนรับใช้เสียหน่อย!

ใครจะไปเป็นคนรับใช้เขากัน!

ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นเพราะนางถูกเขาหลอกล่อด้วยคำพูดที่ฉลาดอันเฉียบแหลมนั้น นางก็คงไม่หลงเชื่อแล้วคอยรับใช้อย่างคนรับใช้หรอก

ซูจินฮัวก็ยังคงทำหน้ารังเกียจซูหวานหว่าน เหมือนกับว่านางเป็นหนี้ของเขาถึง 100 ตำลึงเสียอย่างไรอย่างงั้น

ซูหวานหว่านถึงกับโกรธมากเมื่อนึกถึงอดีตเหล่านั้น และนางก็ได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ต่อให้ข้าจะเป็นคนรับใช้หรือขอทาน ข้าจะไม่มีวันรับใช้คนอย่างเจ้าเด็ดขาด!”

“เจ้า!”

ปากแข็งจริง ๆ เห็นได้ชัดว่านางต้องการให้เขาพูดอย่างสุภาพ!

ซูจินฮัวกล่าวออกมาอีกครั้ง “ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เจ้าควรจะพูดจาให้มันดี ๆ เสียหน่อยนะ!”

“ไม่ต้องให้โอกาสหรอก ที่เมื่อก่อนข้าได้ทำดีกับเจ้านั้นเป็นเพราะว่าข้านั้นตาบอด” ซูหวานหว่านกล่าวออกมา พร้อมกับทำท่าทางง่วงเหงาหาวนอน “ครอบครัวของเจ้ารีบไสหัวไปได้แล้ว ครอบครัวของข้าต้องการงีบกลางวันเสียหน่อย”

เขายังยืนอยู่ที่นี่ นางยังคิดที่จะนอนหลับกลางวันอีกอย่างงั้นหรือ! มันซักจะมากเกินไปแล้วนะ!

ซูจินฮัวต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกซูต้าจ้วงจ้องเขม็ง เขาจึงต้องปิดปากเงียบลงไปทันที

เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถขอเงินจากครอบครัวซูหวานหว่านได้ ซูต้าจ้วงจึงเดินไปหาชายที่มีหนวดมีเคราข้างหลังเขา พร้อมกับพูดกระซิบข้างหูของชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง และชายคนนั้นก็พยักหน้ารับทันที ดูเหมือนทั้งสองคนกำลังพูดถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง

ซูหวานหว่านมีหูที่ดี และได้ยินเสียงอย่างชัดเจน

“พี่ฮู่! นี่เป็นน้องชายคนที่สามของข้า เมื่อวานนี้ข้าเพิ่งจะรู้มาว่าบ้านของพวกเขานั้นได้พัฒนามีเงินทองใช้แล้ว ข้าเลยพาท่านมาที่นี่ด้วย! พวกเขากำลังวางแผนที่จะสร้างบ้านใหม่ แล้วแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องมีเงินถึง 100 ตำลึงที่จะมาจ่ายหนี้พนันให้ข้าที่ติดหนี้ท่านอยู่แน่นอน”

“จริงรึ?”

“จริงแท้แน่นอน! เพียงแต่ว่าพวกเขาปากแข็ง คงจะต้องขอให้ท่านช่วยพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้พวกเขานำเงินออกมา หลังจากที่พวกเขาให้เงินแล้วข้าจะเอาเงินให้ท่านเอง ท่านจะว่ายังไง?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่เลว งั้นตกลง!”

ชายผู้นี้ชื่อว่าฮู่ต้าเกอ ซึ่งชื่อจริงของเขานั้นคือฮู่ต้าเฉิง เป็นเจ้าของบ่อนการพนัน เขาทำท่าจับไปที่คอของซูต้าจ้วง แล้วเดินผ่านไปพร้อมด้วยลูกสมุนของเขาที่เดินตามหลังมา

กิริยาท่าทางเขาค่อนข้างเป็นอันธพาล และตะโกนออกมาว่า “เขาเป็นหนี้ที่บ่อนของข้า 1,000 ตำลึง! เจ้ารีบเอาเงินมาคืนมาข้าเร็ว ๆ ! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่ามัน! เมื่อถึงตอนนั้น ครอบครัวของพวกเจ้าก็จะลงเอยด้วยเรื่องอื้อฉาวที่คนในครอบครัวถูกฆ่าตาย!”

ซูหวานหว่านอยากจะหัวเราะเยาะเกี่ยวกับเรื่องนี้

คนเหล่านี้สกปรกเหมือนกับรังหนู และยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ?

หนี้การพนันของเขา ทำไมจะต้องให้ครอบครัวของนางชดใช้คืนด้วยล่ะ?

เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?

ยิ่งไปกว่านั้น เงินตั้ง 1,000 ตำลึง มากมายซะขนาดนั้น ใครจะให้?

ซูหวานหว่านเอียงศีรษะและกล่าวออกมา “เขาเป็นหนี้เงินของเจ้าถึง 1,000 ตำลึง เจ้าก็ไปเอากับเขาเองสิ พวกเราแยกครอบครัวกันแล้ว”

“ไม่ใช่เสียหน่อย! ถึงจะแยกครอบครัวกันไปแล้วแต่พ่อของเจ้าก็ยังเป็นน้องชายของข้าอยู่! หนี้ของข้าก็เหมือนเป็นหนี้ของเขาด้วยเช่นกัน!” ซูต้าจ้วงจ้องมองไปที่ซูหวานหว่านและตะโกน “ซูหวานหว่าน! ได้โปรดจ่ายเงิน 1,000 ตำลึงให้ข้าเถอะ! แล้วที่เหลือข้าจะไม่มาขออีก!”

น้ำเสียงนี้เหมือนกับว่าเขาได้ประโยชน์ไปคนเดียวนะ!

ช่างไร้สาระเสียจริง!

นางไม่ใช่คนเดิมที่โง่เขลาอีกต่อไป และต่อไปนี้นางก็จะไม่มีวันยอมโดนเอาเปรียบอีกต่อไป!