บทที่ 346 ไล่ปิดบัญชี

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 346 ไล่ปิดบัญชี

กลยุทธ์ของฉู่ชวิ๋นทำให้ทั้งโลกต้องตกตะลึงอีกครั้ง แม้แต่ตัวอักษรที่เขาแกะสลักเอาไว้ก็ยังสามารถฆ่าคนได้!

ชาวยุโรปไม่เข้าใจวิชายุทธ์แบบนี้ พวกเขาทุกคนจึงคิดว่าฉู่ชวิ๋นเป็นผู้ที่สามารถใช้วิชาเวทมนต์ได้เหมือนกัน

องค์ชายของวาติกันที่หลบหนีไปกลายเป็นตัวตลกของทุกคน

“ไหนบอกว่าจะข้ามมาเมืองจีนเพื่อฆ่าจอมมารฉู่ชวิ๋นไงล่ะ”

“วิ่งหนีไปหางจุกตูดเชียวนะ”

“จอมมารฉู่ชวิ๋นบุกเข้าไปถึงวาติกันและวาดรูปเต่าบนเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ แต่แกไม่สามารถข้ามพรมแดนมาที่ประเทศจีนได้ด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้กล้าดียังไงมาท้าทายจอมมารฉู่ชวิ๋นตั้งแต่แรก?”

บรรดาจอมยุทธ์ชาวจีนได้ทีขี่แพะไล่ เย้ยหยันอย่างอย่างสนุกสนาน

“ประตูวิญญาณสลาย สำนักดาบพิฆาต ปราสาทเทียนหลง ไหนบอกว่าจะช่วยพวกเขาไม่ใช่หรือ? รีบโผล่หัวออกมาเร็วสิ”

หลายคนไม่ลืมความแค้นกับสำนักในประเทศและขุดคอมเม้นต์เก่าๆ ขึ้นมาโจมตี

คราวนี้ บรรดาพวกประตูวิญญาณสลายไม่กล้าออกมาประกาศอะไรอีกแล้ว ดูเหมือนว่าฉู่ชวิ๋นจะทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้อย่างแท้จริง

ส่วนจอมยุทธ์จีนที่เหลืออยู่ก็สงบปากสงบคำ พวกเขาไม่พูดอะไรเกินความจำเป็น สุดท้ายต่างก็รู้สึกเบื่อหน่าย และไม่ได้โจมตีฝ่ายไหนอีก

หยานหวูซวงและคนอื่น ๆ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทําได้เพียงคาดเดาด้วยความมึนงง

“ไอ้คนเจ้าเล่ห์ ไม่เห็นบอกเลยว่าตัวอักษรพวกนั้นจะน่ากลัวขนาดนี้”

หยานหวูซวงมีสีหน้าเคารพชื่นชม ยิ้มไปพลางบ่นไปพลางว่า “แต่ฉันขอยอมรับตามตรงเลย วิชานี้เจ๋งชะมัด”

วิหารดวงตะวัน สหพันธ์ศาสตร์มืด และสำนักอื่นๆ ในยุโรป ยังคงคอยออกค้นหาตามล่าตัวอยู่ทั่วทวีป

ใครจะไปคิดเลยว่าจะมีคนบุกเข้าไปในวาติกัน และเขียนรูปเต่าบนเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

ว่าแต่ว่าฉู่ชวิ๋นเสียชีวิตไปแล้วหรือยัง?

ผู้นำสำนักในยุโรป เช่น เจ้าสำนักวิหารดวงตะวันและประธานใหญ่ของสหพันธ์ศาสตร์มืด พยายามติดต่อไปที่ท่านสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับฉู่ชวิ๋น น่าเสียดายที่ไม่มีการตอบรับกลับมา

“ฉันคิดว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นคงพ่ายแพ้ให้กับท่านสมเด็จพระสันตะปาปา แน่ ๆ หรือพวกเขาใช้โอกาสนี้ประหารชีวิตจอมมารฉู่ชวิ๋นไปแล้ว”

“สมเด็จพระสันตะปาปาโด่งดังมานานแค่ไหนทุกคนก็รู้ดี ตาแก่คนนี้มีฝีมือเลิศภพจบแดน ไม่แน่จอมมารฉู่ชวิ๋นอาจจะตายในเงื้อมมือเขาแล้วก็ได้”

“ไม่ต้องเดาอะไรกันอีกต่อไปแล้ว จอมมารฉู่ชวิ๋นมันเอาอะไรมามั่นใจในฝีมือของตัวเองถึงกล้าดียังไงถึงไปก่อปัญหาในวาติกันแบบนั้น มันต้องตายแล้วอย่างแน่นอน?”

มีการถกเถียงอย่างใหญ่หลวงในโลกออนไลน์ ซึ่งแต่ละคนก็ทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น

ในขณะที่บางคนก็หัวเราะเยาะองค์ชายทั้งสองคนแห่งวาติกัน

“องค์ชายแห่งวาติกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้หายเสียขวัญหรือยังนะ?”

“ฉันเห็นเขาวิ่งหนีไปแบบนั้นน่าขายหน้าชะมัด แต่อย่างน้อยฉันก็หมดคู่แข่งที่จะเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาในอนาคตไปอีกคนแล้ว”

“อยู่หน้าจอเป็นเสือร้าย แต่ตัวจริงเป็นแมวน้อยชัดๆ เลยนี่หว่า”

องค์ชายจากวาติกันที่หลบหนีไปได้มีนามว่ากาย เขากำลังซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ซึ่งรัฐบาลเวียดนามเป็นฝ่ายจัดหามาให้ ในตอนนี้ ขณะที่เขากำลังอ่านข้อความในโลกออนไลน์ เขาก็ทำลายแท็บเล็ตพังไปแล้วสิบกว่าเครื่อง

องค์ชายหนุ่มได้แต่ร้องไห้เสียใจ พิมพ์ข้อความโต้ตอบกลับไปอย่างอดใจไม่ไหว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์ที่น่าขายหน้าของเขาดีขึ้นมาเลย

มันสายเกินไปแล้วที่จะพูดอะไร กายหวาดกลัวสุดหัวใจจนตัวสั่นเทิ้ม สิ่งสำคัญคือเขาหลบหนีมาได้สำเร็จแล้ว เขายังจะต้องเป็นกังวลอะไรอีก?

เมื่อใจเย็นแล้ว องค์ชายหนุ่มก็ติดต่อกลับไปที่วาติกัน แล้วก็ได้รับคำตอบที่ทำให้เขาโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น ฉู่ชวิ๋นปะทะฝีมือกับท่านสมเด็จพระสันตะปาปาจริงและยังสามารถหลบหนีไปได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

กายทุบทำลายข้าวของทุกอย่างที่อยู่ในห้องด้วยความบ้าคลั่ง ท่านสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นใคร? ท่านเป็นอาจารย์ผู้สูงส่งของเขา พลังทั้งหมดของเขา เขาได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านสมเด็จพระสันตะปาปาทั้งสิ้น ชายชรามีสถานะเป็นเหมือนเทพเจ้าในหัวใจของเขา แต่แล้วจอมมารฉู่ชวิ๋นกลับสามารถหนีรอดไปได้อย่างง่ายดาย เรื่องนี้ทำให้กายหวาดกลัวจนตัวสั่นอีกครั้ง

“ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ไอ้สันดาน ไอ้จอมมารฉู่ชวิ๋น เก่งจริงก็มาหาฉันสิวะ สักวันหนึ่งฉันจะทำให้แกต้องชดใช้คืนเป็นสองเท่า” กายคำรามด้วยความเศร้าจับใจ

“ไม่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่งหรอก เอาเป็นวันนี้เลยดีไหม” เสียงพูดที่เรียบเรื่อยดังขึ้น

กายหนังหัวชายิบ พลันหันหลังกลับไปแล้วพบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งมายืนอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เขาพยายามสะกดความกลัวที่ทำให้หัวใจเต้นรัว พูดออกไปว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋น”

ใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้กายจดจำได้ขึ้นใจ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา รูปภาพของฉู่ชวิ๋นถูกเขาฉีกทิ้งมาใช้เท้าเหยียบย่ำระบายความโกรธแค้นนับจำนวนไม่ถ้วน

“องค์ชายแห่งวาติกัน ทำไมรัฐบาลเวียดนามถึงทำกับคุณแบบนี้ ห้องพักอะไรกันที่ให้นั่งก็ไม่มี” ฉู่ชวิ๋นมองสภาพรอบห้องที่ไม่มีอะไรเหลืออยู่ให้ใช้นั่งได้เลยสักนิด

“ฉันเปิดที่นี่ไว้เพื่อหาความบันเทิงกับเพื่อนๆ น่ะ” กายพยายามควบคุมจิตใจให้มั่นคง

“ทำไมล่ะ? แล้วเราไม่ใช่เพื่อนกันหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ พูดต่อว่า “ฉันเพิ่งไปเป็นแขกของวาติกันมาพอดี พูดจริงเลยนะ วาติกันของพวกนายเนี่ย ต้อนรับแขกไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

กายโกรธแค้นจนแทบตายแล้ว ไปเป็นแขกงั้นหรือ? แขกบ้าบออะไรกันวาดรูปเต่าไว้บนเสื้อคลุมเจ้าของบ้านด้วย

“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกต้องการอะไร?” กายหัวใจเต้นรัว ถึงเขาจะไม่รู้จักฉู่ชวิ๋นมาก่อน แต่การลงมือของฉู่ชวิ๋นในช่วงหลังทำให้เขารู้จักชายหนุ่มเป็นอย่างดี

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคออีกครั้ง ตอบว่า “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ได้ข่าวว่าแกอยากฆ่าคนจีน แล้วก็จะฆ่าญาติพี่น้องของฉันด้วยนี่นะ?”

กายเงียบไปแล้ว ผ่านไปครึ่งค่อนวันถึงได้พูดออกมาว่า “ฉัน…ฉันแค่ล้อเล่น ฉันรักเมืองจีนจะตาย เมืองจีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ฉันอยากไปเที่ยวที่นั้นมาตลอด”

กายพูดเสียงอ่อน สถานะความเป็นองค์ชายของเขาทำให้ยากต่อการก้มลงคุกเข่าร้องขอความเมตตา แต่ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าการรอดชีวิตอีกแล้ว แถมยังไม่มีใครจะรู้ด้วยว่าเขาพูดอะไรในที่แห่งนี้เอาไว้บ้าง

“กลัวขึ้นมาแล้วสินะ?” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเหยียดหยาม “แกไม่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาได้เลยแฮะ”

ฉู่ชวิ๋นนึกถึงชายชราเคราขาวในวาติกัน ชายชราคนนั้นฝีมือน่ากลัวเกินกว่าที่คาดคิดไว้มาก กว่าที่เขาจะหลบหนีออกมาได้ก็ลากเลือดเหมือนกัน

ครั้งนี้เป็นอะไรที่อันตรายมากจริงๆ ถ้าไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาก่อนแล้ว ฉู่ชวิ๋นคงไม่มีทางได้กลับออกมาอย่างแน่นอน และถ้าเขาคาดเดาไม่ผิด สมเด็จพระสันตะปาปามีระดับพลังที่สูงกว่าขั้นจักรพรรดิเสียอีก!

กายโกรธแค้นมากจนแทบบ้าคลั่ง เขาเป็นองค์ชายแห่งวาติกัน ถูกวางตัวให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาคนใหม่ในอนาคต แต่เพราะฉู่ชวิ๋นคนเดียวแท้ๆ เขาจึงถูกคนอื่นมองเป็นเหมือนตัวตลกตัวหนึ่ง

ใจจริง กายอยากสู้กับฉู่ชวิ๋นอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงความตายขององค์ชายที่มาด้วยกัน ความกล้าหาญของเขาก็หายไปทันที แม้แต่ตัวอักษรที่ชายหนุ่มคนนี้แกะสลักเอาไว้ยังสามารถฆ่าคนได้ มันทำให้กายหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ

“แกปล่อยฉันไปไม่ได้เหรอ?” กายร้องขอความเมตตา กว่าจะไต่เต้าขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้เขาต้องใช้เวลานับสิบปี และตอนนี้เขาต้องสูญเสียตำแหน่งตัวเก็งผู้ที่จะได้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาในอนาคต และน่าจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งในวาติกันด้วย เพราะแบบนี้ เขาจึงอยากจะฆ่าฉู่ชวิ๋นให้ตกตายไปซะ

แต่องค์ชายหนุ่มก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เขาต้องยอมตกต่ำในวันนี้ เพื่อความยิ่งใหญ่ในอนาคต

“ถ้าแกรู้จักฉันดีพอ แกก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่เคยปล่อยให้ศัตรูรอดชีวิตไปได้”

พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็ซัดพลังออกไปทันที

เปรี้ยง!

คฤหาสน์สั่นสะเทือนไปทั้งหลัง

การต่อสู้จบลงในพริบตาเดียว

วันรุ่งขึ้น คนรับใช้ที่รัฐบาลเวียดนามส่งมาทำความสะอาดให้กับที่พักของกาย ก็มาพบกับภาพอันน่าสยองขวัญจนเป็นลมไปด้วยความหวาดกลัว

เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป รูปภาพก็ถูกโพสต์ตามมา

มันเป็นรูปภาพของกายที่เสียชีวิตในท่านั่งคุกเข่า

เขากำลังสารภาพบาปอยู่หรืออย่างไร?

มันเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงบนโลกอินเทอร์เน็ตในวงกว้าง

“เห็นหรือยัง? นี่แหละคือความน่ากลัวของเมืองจีน ใครก็ตามที่กล้ามาลบหลู่ดูหมิ่นคนจีน สุดท้ายก็ต้องสารภาพบาปต่อหน้าความตาย”

นักสู้ยุโรปแค้นใจจนทำอะไรไม่ถูก นี่คือการฆ่าตัวตายพร้อมกับสารภาพบาปที่ไหนกัน? กายถูกฆาตกรรมต่างหาก

แล้วใครคือฆาตกร?

ทุกคนให้คำตอบของคำถามนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ฆาตกรคือจอมมารฉู่ชวิ๋น

แต่จอมมารฉู่ชวิ๋นหายตัวไปได้พักใหญ่ ในขณะนี้ ผู้คนส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของสมเด็จพระสันตะปาปาไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ก็อย่างที่ทุกคนพอจะคาดเดาได้ มีข่าวที่น่าตกตะลึงได้รับการเปิดเผยออกมา

สมาชิกของอัศวินโต๊ะกลมห้าคนที่มาประจำการอยู่ในเวียดนาม ถูกสังหารตายหมดสิ้น

บรรยากาศแห่งความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า

มีใครบางคนมาตั้งกระทู้ในโลกออนไลน์ว่า จอมมารฉู่ชวิ๋นกลับมาแล้ว

แต่จะใช่ฉู่ชวิ๋นจริง ๆ น่ะเหรอ?

นักสู้ยุโรปตายกับเป็นแถว ขวัญกำลังใจตกอยู่ในจุดที่ต่ำสุดขีด

“วิหารดวงตะวัน สหพันธ์ศาสตร์มืด ระวังตัวให้ดีเถอะ คืนนี้จอมมารฉู่ชวิ๋นจะต้องไปเด็ดหัวพวกแกแน่” จอมยุทธ์ชาวจีนประกาศศักดาในโลกออนไลน์

วิหารดวงตะวัน สหพันธ์ศาสตร์มืด และสำนักอื่นๆ ออกมาประกาศโต้ตอบ

“ไม่ว่าเป็นใครก็เชิญเข้ามาเลย พวกจอมยุทธ์จีนอย่าได้ฝันเฟื่องมากเกินไป จอมมารฉู่ชวิ๋นเสียชีวิตด้วยน้ำมือของท่านสมเด็จพระสันตะปาปาแล้วต่างหาก”

ในอินเทอร์เน็ต ยังคงเกิดสงครามน้ำลายระหว่างกลุ่มนักสู้ยุโรปและจอมยุทธ์ชาวจีนอย่างดุเดือดต่อไป

ดึกสงัด เงาคนปรากฏขึ้นตรงหน้าบ้านพักหลังหนึ่งเหมือนภูตผี

นี่คือที่พักของสองผู้อาวุโสจากสหพันธ์ศาสตร์มืดที่รัฐบาลเวียดนามจัดเอาไว้ให้

ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลเวียดนามตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนแรกพวกเขาเข้าใจว่าการมาถึงของบรรดานักสู้ยุโรปจะช่วยขจัดภัยอันตรายที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ แต่ใครเลยจะรู้ว่านักสู้เหล่านี้มีข้อเรียกร้องมากมาย แถมยังถูกฆ่าตายไปจำนวนมากโดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย อย่างเช่นกาย และอัศวินโต๊ะกลมเหล่านั้น

ในยุโรปไม่มีที่ตายกันหรือไง? ทำไมต้องมาตายในเวียดนามด้วย

คฤหาสน์เปิดไฟสว่างไสว แอตกินส์ ผู้อาวุโสลำดับ 8 ของสหพันธ์ศาสตร์มืด กำลังปรึกษาหารือเรื่องเหตุการณ์ในสองวันที่ผ่านมากับอาบู โซเรน ผู้อาวุโสลำดับที่ 9

“นายว่าคนที่ฆ่ากายกับอัศวินโต๊ะกลมพวกนั้น จะใช้จอมมารฉู่ชวิ๋นจริงๆ หรือเปล่า?” อาบู โซเรนขมวดคิ้ว

“ท่านประธานติดต่อขอข้อมูลไปที่สมเด็จพระสันตะปาปาแล้ว แต่วาติกันไม่ให้คำตอบอะไรกลับมาเลย” แอตกินส์ตอบ

“ก็จะให้เขาตอบอะไรกลับมาได้ล่ะ? ถูกเอาเสื้อคลุมไปเขียนเต่าแบบนั้น แค่นี้ก็เสียหน้าตายชักแล้ว” อาบู โซเรนยิ้มด้วยความขบขัน

“ว่ากันตามตรง คราวนี้วาติกันเสียหน้ามากเลยนะ ขนาดบรรดาองค์ชายยังมาตายที่เวียดนามเลย”

“แต่พวกเราเองก็เสียหายหนักไม่น้อยเหมือนกัน เราต้องเสียผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ลำดับที่ 7 และลำดับที่ 6 ไปแบบนั้น”

“อย่ามาเล่นละครเลยน่า นายเองดีใจมากกว่าใครเลยไม่ใช่หรือไง ตอนหลังชาร์ลีพัฒนาฝีมือขึ้นมากจนน่ากลัว อีกไม่นานเขาคงขึ้นมาแย่งตำแหน่งของนายไปแล้ว ฉันรู้ว่านายดีใจที่เขาตายไปเสียได้แบบนี้”

อาบู โซเรนยิ้มกริ่มและตอบว่า “จะว่าไป เราบังคับให้รัฐบาลเวียดนามจ่ายค่าเสียหายมาดีไหม?”

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

“ถ้ารัฐบาลเวียดนามรู้ว่าเลี้ยงงูเห่าเอาไว้ในบ้าน พวกเขาจะเสียใจหรือเปล่านะ?” น้ำเสียงที่เรียบเฉยของใครบางคนดังขึ้น ทำเอาชายชราทั้งสองคนสะดุ้งโหยง

“จอมมารฉู่ชวิ๋น?”

แอตกินส์และอาบู โซเรนร้องอุทาน ออกมาก่อนที่จะ…..

วันต่อมา คนรับใช้ที่เข้าไปทำความสะอาดห้องพัก ก็ได้พบกับศพสองผู้อาวุโสจากสหพันธ์ศาสตร์มืดที่ตายอย่างน่าอนาถ

ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับรูปภาพที่ถูกโพสต์ในอินเทอร์เน็ต

ที่น่าสนใจก็คือสาเหตุการตายของชายชราทั้งสองคน

แอตกินส์ ผู้อาวุโสลำดับที่ 8 มีความสามารถพิเศษคือการควบคุมธาตุไฟ

อาบู โซเรน ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 สามารถควบคุมสายฟ้าได้

แต่ศพของอาบู โซเรนดำเป็นตอตะโกเพราะถูกไฟไหม้ ทางด้านแอตกินส์ก็เสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่า

พวกเขาตายเพราะพลังพิเศษของกันและกัน

ข่าวนี้ทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือนไปแล้ว

ณ สำนักงานใหญ่ของสหพันธ์ศาสตร์มืด ท่านประธานได้ยินข่าวนี้ถึงกับกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

นักสู้ยุโรปโกรธแค้นเดือดดาล และขอร้องให้รัฐบาลเวียดนามออกมารับผิดชอบต่อความตายของนักสู้ยุโรปที่เกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลดูแลความปลอดภัยได้ไม่ดีพอ

นายกรัฐมนตรีของเวียดนามทั้งอับอายและโกรธแค้น นักสู้ยุโรปกลุ่มนี้เดินทางมาเพื่อช่วยเหลือรัฐบาลเวียดนาม ไม่ใช่มาพักร้อนสักหน่อย? ใครต้องดูแลใครกันแน่?

สหพันธ์ศาสตร์มืดก็ออกประกาศเช่นกันว่า ถ้ารัฐบาลเวียดนามไม่ให้คำอธิบาย พวกเขาก็จะส่งคนมาที่เวียดนามและสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้หมดสิ้น!

นายกรัฐมนตรีของเวียดนามถึงกับหัวใจวายกะทันหัน และต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนในทันที