บทที่ 345 เย้ยฟ้าท้าสวรรค์

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 345 เย้ยฟ้าท้าสวรรค์

คล้อดดึงมีดสั้นกลับออกมาและผลักร่างของผู้เฒ่าคาร์ลกระเด็นไป ก่อนที่จะตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน เลือดเป็นสายไหลออกมาจากแผ่นหลังของเขา

“เป็นเพียงปีศาจชั้นต่ำจากเงามืด กล้าดียังไงคิดมาฆ่าฉัน ไอ้พวกโสโครก”

คล้อดยิ้มกว้าง มีดสั้นสีแดงในมือเปล่งประกายสว่างไสว ดวงตาของเขาหันไปจ้องมองผู้เฒ่าเจสซี่ด้วยความดุร้าย

เจสซี่มีดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ พยายามรวบรวมพลังเรียกวายุ แต่ก็ต้องล้มเหลวเนื่องจากอ่อนแอมากเกินไป

เหตุการณ์นี้ถูกถ่ายทอดสดออกไปทั่วโลก

พฤติกรรมของคล้อดทำให้ทุกคนเข้าใจธาตุแท้ของวิหารดวงตะวันได้ดีขึ้น สำนักแห่งนี้ไม่ได้สว่างไสวและเต็มเปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์เหมือนภาพลักษณ์เลย

สหพันธ์ศาสตร์มืดร่ำร้องด้วยความโกรธแค้น และสัญญาว่าจะต้องแก้แค้นให้กับผู้เฒ่าคาร์ลให้จงได้

ผู้อาวุโสทั้ง 10 คนของสหพันธ์ศาสตร์มืด ในขณะนี้เสียชีวิตไปแล้วสองคน แถมยังถูกมีดแทงหัวใจ จะไม่ให้พวกเขาบ้าคลั่งได้อย่างไรไหว

แองกัสที่อยู่ในเวียดนามเฝ้ารับชมเหตุการณ์ที่คล้อดสังหารผู้เฒ่าคาร์ล ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาในขณะที่พูดว่า “เจ้าโง่ ถ้าอยากจะเล่นสกปรก อย่างน้อยก็ตัดการถ่ายทอดสดก่อนสิวะ เป็นแบบนี้ต่อให้แกรอดชีวิตกลับไปได้ ก็ต้องถูกสำนักงานใหญ่ลงโทษอยู่ดี โทษฐานที่ทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเราเสียหาย”

คล้อดเดินตรงเข้าไปหาผู้เฒ่าเจสซี่ทีละก้าว มีดสั้นในมือเป็นประกายสีแดงเข้ม

เจสซี่มีร่างกายที่อ่อนล้าเนื่องจากใช้พลังงานมากเกินไป เขาพยายามรวบรวมพลังใช้ดาบวายุด้วยความหมดหวัง

แต่คล้อดไม่เปิดโอกาสให้ชายชราเลย เขาเดินเข้าไปประชิดตัวผู้เฒ่าเจสซี่ และใช้มีดสั้นจ้วงแทงเข้าไปที่หัวใจของฝ่ายตรงข้ามด้วยความรุนแรง

บัดนี้ สหพันธ์ศาสตร์มืดต้องเสียผู้อาวุโสในสำนักไปแล้วถึงสามคน ทุกคนเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของพวกเขา การสูญเสียผู้อาวุโสเหล่านี้ไปไม่ต่างจากมือที่ถูกตัดนิ้ว

ประธานใหญ่ของสหพันธ์ศาสตร์มืดเดือดดาลจนแทบบ้าตาย เขาออกคำสั่งกับผู้อาวุโสทุกคนที่เหลืออยู่ว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกวาดล้างวิหารดวงตะวันให้ได้

“เจ้าพวกปรสิตโสโครกอาศัยอยู่ในความมืด อยากแส่หาเรื่องกับวิหารดวงตะวันนัก นี่แหละคือจุดจบของพวกแก” คล้อดยิงฟันยิ้มกว้าง

แปะแปะแปะ…!

เสียงปรบมือดังขึ้นจากฉู่ชวิ๋น

“คุณคล้อด แผนการร้ายกาจมากเลยครับ”

คล้อดระเบิดเสียงหัวเราะ และหันหน้ากลับมามองฉู่ชวิ๋น แต่ในวินาทีต่อมา รอยยิ้มก็หายวับไปจากใบหน้าของเขา

“นี่แก…”

คล้อดตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อพบว่าฉู่ชวิ๋นถอดกุญแจมือของเขาออกมาโยนเล่นหน้าตาเฉย

“กำลังจะพูดถึงเรื่องนี้ใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นชูกุญแจมือในมือขึ้น แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย “มันแข็งแรงจริง ๆ นะ ฉันเสียเวลาตั้งนานกว่าจะถอดได้”

ก่อนหน้านี้ ทุกคนมัวแต่สนใจการต่อสู้ระหว่างคล้อดกับผู้เฒ่าคาร์ล ไม่มีใครรู้เลยว่าฉู่ชวิ๋นสามารถถอดกุญแจมือออกมาได้อย่างไร? แต่ในขณะนี้ กุญแจมือบิดเบี้ยวผิดรูปทรงและสายโซ่ก็ขาดออกจากกันแล้ว

“คุณคล้อด ขอบคุณมากที่อยากเชิญผมไปเป็นแขกของวิหารดวงตะวัน แต่พอดีผมนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีธุระต้องไปจัดการ เอาเป็นว่าผมไม่รบกวนคุณดีกว่า ถ้าคุณเจอเทพเจ้าดวงตะวันก็ฝากไปบอกท่านด้วยว่า ถ้าผมมีเวลาเดี๋ยวจะแวะไปหาเอง”

วูบ!

กุญแจมือดาวหางถูกฉู่ชวิ๋นปาออกมาข้างหน้าด้วยความรวดเร็วและรุนแรง ความเร็วของมันแทบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น

คล้อดเบิกตาโต มีดสั้นในมือเป็นประกายระยิบระยับในขณะที่ตวัดขึ้นหมายรับการปะทะจากกุญแจมือดาวหาง

เคล้ง!

มีดสั้นหักเป็นสองส่วน

โผละ!

ศีรษะของคล้อดถูกกุญแจมือพุ่งเข้าใส่จนแตกสลายเหมือนลูกแตงโม

ฉู่ชวิ๋นหันมายิ้มอย่างเยือกเย็นให้กับกล้องถ่ายทอดสด แล้วร่างของเขาก็หายวับไป

พริบตาเดียว ลูกศิษย์ของสหพันธ์ศาสตร์มืดที่เหลืออยู่ก็ถูกฆ่าตายหมดสิ้น

ไม่นานต่อมา อุปกรณ์การถ่ายทอดสดทั้งหมดก็ถูกชายหนุ่มทำลายทิ้ง

หลายวันต่อมา สหพันธ์ศาสตร์มืดและวิหารดวงตะวันบ้าคลั่งไปหมดแล้ว คนของทั้งสองสำนักปะทะกันอย่างหนักหน่วงตลอดเวลา

แต่แน่นอนว่าพวกเขาก็ยังคงออกตามล่าตัวฉู่ชวิ๋นอยู่เช่นเดิม

สำนักงานสาขาย่อยของวิหารดวงตะวันอีกหลายแห่งถูกสหพันธ์ศาสตร์มืดทำลายล้างจนหมดสิ้น ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตออกมาได้

ในทางกลับกัน สำนักงานสาขาย่อยหลายแห่งของสหพันธ์ศาสตร์มืดก็ถูกวิหารดวงตะวันทำลายล้างเช่นกัน

แต่ฉู่ชวิ๋นหายตัวไปแล้ว ไม่มีใครพบเจอร่องรอยของเขาอีกเลย

เมื่อดูจากการตอบสนองของวิหารดวงตะวันกับสหพันธ์ศาสตร์มืด ทุกคนก็เข้าใจได้ไม่ยากว่านี่เป็นแผนการของฉู่ชวิ๋นมาตั้งแต่แรก ชายหนุ่มตั้งใจปลุกปั่นให้ทั้งสองฝ่ายเข่นฆ่ากันเอง

ในที่สุดแล้ว ทั้งสองสำนักต่างก็ลงนามสงบศึกชั่วคราว และคิดเห็นตรงกันว่าบัญชีแค้นระหว่างพวกเขาสามารถรอได้จนกว่าจะจัดการฉู่ชวิ๋นได้สำเร็จ

ดังนั้น นักสู้แทบจะทั่วยุโรปจึงพร้อมใจกันออกตามล่าหาตัวฉู่ชวิ๋น

ว่าแต่ฉู่ชวิ๋นหายไปไหน? ทุกคนได้แต่สงสัยใคร่รู้

แต่ฉู่ชวิ๋นก็หายตัวไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีข่าวคราวจากเขาอีกเลยตลอดสัปดาห์

นักสู้ยุโรปโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น

จอมยุทธ์จีนหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ

ทั้งสองฝ่ายทำสงครามน้ำลายผ่านอินเทอร์เน็ตกันอีกครั้ง

และในตอนนั้นเอง ฉู่ชวิ๋นก็เข้าสู่ระบบมาอัปโหลดรูปภาพหนึ่งรูป

มันเป็นรูปของเสื้อคลุมสไตล์ยุโรปสีทองคำดูสวยงามผืนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เสื้อคลุมตัวนี้กลับถูกใครบางคนวาดรูปเต่าเต็มไปหมด

เมื่อมีคนจำได้ว่าเสื้อคลุมผืนนี้เป็นของใคร โลกออนไลน์ก็เกิดความเงียบงันตามมาทันที

เพราะว่านี่คือเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งวาติกันนั่นเอง

วาติกันเป็นเสมือนตัวแทนที่บอกแก่ชาวโลกว่าพระเจ้ามีอยู่จริง

แต่สิ่งนี้…

ทุกคนได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจด้วยความไม่อยากเชื่อ

ฉู่ชวิ๋นทำอะไรลงไป? นี่มันคือการเย้ยฟ้าท้าสวรรค์ชัดๆ

หลังจากนั้น ก็มีข่าวเปิดเผยออกมาว่าเกิดการต่อสู้ขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของวาติกัน เป็นเหตุให้โบสถ์ใหญ่ของวาติกันเกือบจะพังทลายลงไปเลยทีเดียว

ทุกคนได้รู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้คือการปะทะกันระหว่างฉู่ชวิ๋นกับสมเด็จพระสันตะปาปาผู้ศักดิ์สิทธิ์

ที่เมืองจีน หัวหน้าหมายเลข 1 นั่งดูข่าวตัวแข็งทื่อ และได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น “เจ้าเด็กคนนี้มันไม่กลัวอะไรเลยจริงๆ แฮะ”

กล้าไปเขียนรูปเต่าบนเสื้อคลุมของสมเด็จพระสันตะปาปา คงไม่มีใครใจกล้าบ้าบิ่นมากไปกว่านี้อีกแล้ว การกระทำแบบนี้ทำให้ฉู่ชวิ๋นกลายเป็นศัตรูกับคนต่างประเทศได้ไม่ยากเลย

หลังจากนั้น ข่าวเรื่องการต่อสู้ก็ถูกปิด และมีข้อมูลหลุดรอดออกมาอีกแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ว่ากันว่าเสียงคำรามของสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งวาติกันดังก้องกังวานไปทั่วเมือง แสดงให้เห็นว่าในตอนนั้นเขาระเบิดพลังด้วยความรุนแรงมากขนาดไหน

แล้วฉู่ชวิ๋นล่ะ? นี่คือสิ่งที่ทุกคนอยากจะรู้

เขาถูกสมเด็จพระสันตะปาปาฆ่าตายหรือว่าหนีออกมาได้? ถ้าเขาสามารถหนีออกมาจากวาติกันได้สำเร็จ นี่ก็จะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องตกตะลึงไปแล้ว

แต่เหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน วาติกันก็ยังไม่ออกมาแถลงการณ์อะไรชัดเจน ส่วนฉู่ชวิ๋นก็ยังคงไม่ปรากฏตัว

ที่เมืองจีน ประตูวิญญาณสลายออกมาประกาศว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋นถูกสมเด็จพระสันตะปาปาตัดหัวทิ้งไปแล้ว แม้แต่ลำตัวกับหัวของเขาก็อยู่กันคนละที่”

“ไม่ว่าฉู่ชวิ๋นจะแข็งแกร่งมากสักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านสมเด็จพระสันตะปาปา สมควรแล้วที่เขาจะต้องตายโดยไม่มีศพให้ฝัง” นี่คือคำประกาศจากสำนักดาบพิฆาต

หลงเฟยหยางจากปราสาทเทียนหลงออกประกาศ “จอมมารฉู่ชวิ๋นก่อกรรมทําเข็ญด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต นับเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้ ครอบครัวของเขาจะต้องตกตายให้หมด โทษฐานที่ให้กำเนิดไอ้ตัวปัญหาที่ทำตัวเย้ยฟ้าท้าสวรรค์แบบนี้!”

กลุ่มคนที่เกลียดชังฉู่ชวิ๋นพร้อมใจกันออกมาประกาศว่าชายหนุ่มได้ตายไปแล้วจริงๆ

“ประตูวิญญาณสลาย สำนักดาบพิฆาต ปราสาทเทียนหลง พวกแกมันหน้าไม่อาย เก่งจริงก็ปรากฏตัวออกมา เดี๋ยวฉันจะฆ่าพวกแกเอง” เย่ฟ่านตี๋แห่งปราสาทจตุรเทพทนไม่ไหวต้องออกมาประกาศบ้างเช่นกัน

“เจ้าพวกสุนัขข้างถนน พอเจ้าของตาย พวกแกก็เป็นหมาเร่ร่อนเที่ยวเห่าหอนคนไปทั่ว ถ้าแกมีความสามารถกันจริง มาหาฉันได้ทุกเมื่อ ฉันจะรอพวกแกอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่”

“เก่งจริงก็อย่าซ่อนตัวอยู่ในความมืด ถ้ามีความกล้าก็จงออกมา พวกฉันจะคอยต้อนรับพวกแกเอง”

แม่หม้ายสาว เล้ยยี่ หยานชงและคนอื่นๆ ออกมาประกาศด้วยความโกรธแค้น

ฝ่ายนักสู้ยุโรปก็ไม่ปล่อยให้เสียโอกาส เริ่มต้นเล่นสงครามประสาททางออนไลน์และหวังว่าจอมยุทธ์จีนจะโกรธแค้นจนหันมาห้ำหั่นกันเองบ้าง

ฉู่ชวิ๋นสร้างความเสียหายให้แก่วงการนักสู้ในยุโรปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกับวิหารดวงตะวันและสหพันธ์ศาสตร์มืดที่ดูจะได้รับความเสียหายมากกว่าใคร ถ้าชะตากรรมแบบนั้นจะเกิดขึ้นแก่จอมยุทธ์จีนบ้าง มันก็เป็นสิ่งที่พวกเขาควรยินดี

บุตรบุญธรรมของสมเด็จพระสันตะปาปาทั้งสองคนที่มาประจำการอยู่ในเวียดนามออกประกาศในอินเตอร์เน็ตว่า พวกเขาจะเดินทางไปที่ประเทศจีนและฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฉู่ชวิ๋นให้หมดสิ้น

ในบรรดาผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากเหตุการณ์นี้ ก็คงหนีไม่พ้นบุตรบุญธรรมของสมเด็จพระสันตะปาปาทั้งสองคน เนื่องจากท่านสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นเหมือนเทพเจ้าในหัวใจของพวกเขา การที่ฉู่ชวิ๋นบุกเข้าไปในวาติกัน แถมยังวาดรูปเต่าไว้บนเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกเขาแทบจะบ้าตายแล้ว

กลุ่มนักสู้จากยุโรปอย่างเช่นวิหารดวงตะวัน สหพันธ์ศาสตร์มืด และอัศวินโต๊ะกลมก็ออกมาประกาศกร้าวเช่นกันว่า

พวกเขาจะต้องฆ่าฉู่ชวิ๋นและถอนรากถอนโคนกองกำลังของฉู่ชวิ๋นให้สิ้นซาก

ประตูวิญญาณสลาย สำนักดาบพิฆาต และอีกหลายสำนักที่เกลียดชังฉู่ชวิ๋นออกมาอาสาว่าจะช่วยเหลือกลุ่มนักสู้จากยุโรปกวาดล้างกองกำลังของฉู่ชวิ๋นให้หมดไปจากเมืองจีน

ถ้อยคำที่น่าละอายเหล่านั้นทำให้กลุ่มจอมยุทธ์จีนส่วนใหญ่แทบเสียสติ ในเมื่อออกมาประกาศตัวชัดเจนเช่นนี้ ถ้าจะมีชะตากรรมเป็นสุนัขรับใช้ที่โดนฆ่าตายในภายหลัง ก็คงไม่มีใครช่วยเหลือได้อีกแล้ว

“ประตูวิญญาณสลาย พวกแกมันก็ดีแต่พูด กล้าสมคบคิดช่วยเหลือพวกยุโรปแบบนี้ ฉันนี่แหละที่จะฆ่าพวกแกเอง”

“สำนักดาบพิฆาต พวกแกเป็นคนจีนเสียเปล่า หันหลังให้พี่น้องเพื่อนร่วมชาติไปช่วยเหลือพวกยุโรป ไอ้พวกชาติหมา!”

“…”

คำประกาศของประตูวิญญาณสลายและพรรคพวกทำให้วงการยุทธภพร้อนระอุ แม้แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับฉู่ชวิ๋นก็ยังออกมาด่าพวกเขาว่าหน้าไม่อาย

“ปราสาทเทียนหลง พวกแกคงต้องภาวนาให้จอมมารฉู่ชวิ๋นตายจริง ๆ แล้วล่ะ เพราะว่าถ้าเกิดเขายังไม่ตายขึ้นมา พวกแกนั่นแหละที่จะต้องตายไม่เหลือสักคน” ใครคนหนึ่งออกมาโพสต์ด้วยความเย้ยหยัน

นี่คือเรื่องจริง เพราะไม่มีใครแน่ใจได้เลยว่าฉู่ชวิ๋นเสียชีวิตแล้วจริง ๆ หรือยัง ทุกอย่างเป็นแค่เพียงข่าวลือเท่านั้น

บุตรบุญธรรมของวาติกันทั้งสองคนโกรธแค้นถึงขีดสุด เตรียมตัวเดินทางข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศจีนแล้ว

ณ เมืองชายแดน หยานหวูซวงมีดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ สมาคมนักล่ามังกรก็โกรธแค้นไม่แพ้กัน พวกเขามาปักหลักอยู่ที่ชายแดน เพื่อขัดขวางไม่ให้บุตรบุญธรรมของสมเด็จพระสันตะปาปาทั้งสองคนนี้เดินทางเข้าสู่ประเทศจีนได้สำเร็จ

ที่เขตชายแดน บุตรบุญธรรมทั้งสองคนปลดปล่อยความโกรธแค้น เริ่มต้นถ่ายทอดสดให้ทั้งโลกได้รู้ว่า พวกเขากำลังจะเข้าสู่ประเทศจีนแล้ว

บนหน้าผาแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างไปจากเขตชายแดน มีตัวอักษรที่ฉู่ชวิ๋นได้เคยขึ้นไปใช้ดาบแกะสลักเอาไว้เป็นข้อความว่า ‘ต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียว แต่ถ้าผู้ใดก็ตามกล้ามาเข่นฆ่าชาวจีน พวกแกจะต้องถูกลงโทษ!’

องค์ชายจากวาติกันทั้งสองคนหันกล้องไปทางตัวอักษรเหล่านั้น และหัวเราะด้วยความดูถูกว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นแค่เพียงมดแมลงตัวเล็กจ้อย ถ้อยคำของเขาไม่สมควรมาอยู่ในที่แบบนี้ เขาอยากให้คนทั้งโลกได้เห็นตัวอักษรพวกนี้ใช่ไหม ฉันนี่แหละจะขึ้นไปลบมันเอง”

หนึ่งในองค์ชายผู้มีพลังแข็งแกร่งใกล้เคียงกับขั้นจักรพรรดิระดับ 8 สวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์สีทองคำ เขามีผมบนศีรษะเป็นสีบลอนด์ หน้าตาหล่อเหลาเอาการ

ดาบยาวที่อยู่ในมือเขามีพลังพวยพุ่ง ชายหนุ่มดีดตัวขึ้นไปในอากาศด้วยความรวดเร็วเหมือนนกอินทรีถลาลม ดาบยาวในมือตวัดกวัดแกว่ง แล้วประกายดาบก็วูบวาบออกไป

พลังจากตัวดาบพุ่งตัดเข้าไปที่ตัวอักษรบนหน้าผาหิน

แต่ผลที่ได้ก็คือ ตัวอักษรเหล่านั้นนอกจากไม่ถูกทำลายแล้ว มันกลับยังเปล่งแสงสว่างเรืองรองและปล่อยรังสีฆ่าฟันสวนกลับออกมา

วาบ!

ตัวอักษรเหล่านั้นส่องแสงเป็นประกาย พลังลมปราณพุ่งออกมาเต็มท้องฟ้า ในพริบตานั้น ร่างขององค์ชายหนึ่งก็ถูกกลืนหายเข้าไปในพลังลมปราณจากตัวอักษรเหล่านี้

บังเกิดเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสุดชีวิตดังกังวาน ทุกคนได้เห็นกับตาผ่านการถ่ายทอดสดว่า ร่างขององค์ชายหนุ่มแหลกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที!

องค์ชายอีกหนึ่งคนที่ยังคงลอยตัวอยู่ในอากาศถึงกับตกตะลึงไปแล้ว มือที่ถือโทรศัพท์ของเขาสั่นเทาอย่างน่ากลัว ชายหนุ่มกำลังหวาดกลัวจนหัวใจแทบวายตาย

หลบหนี นี่คือความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของเขา

หลังจากนั้น สัญญาณการถ่ายทอดสดก็ถูกตัดไป

ตอนที่พวกของหยานหวูซวงมาถึงตรงเขตชายแดน พวกเขาก็เห็นเพียงแผ่นหลังขององค์ชายสองกำลังวิ่งหนีตาลีตาเหลือกกลับเข้าไปยังฝั่งเวียดนามอย่างไม่คิดชีวิต

เกิดความเงียบสงบก่อตัวขึ้นในโลกออนไลน์ ก่อนจะตามมาด้วยพายุใหญ่

ทุกคนได้รู้แล้วว่าตัวอักษรที่ฉู่ชวิ๋นแกะสลักทิ้งเอาไว้ เป็นม่านพลังชนิดหนึ่ง

บางคนก็เดาว่ามันน่าจะเป็นวรยุทธ์วิชาหนึ่ง

ใช้แล้วอันที่จริง ตัวอักษรเหล่านี้คือวิชาในตำนาน ที่สามารถฆ่าผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ลงมาได้ทุกคน!