บทที่ 344 ปลุกปั่น!
สหพันธ์ศาสตร์มืดอยากจะได้ฉู่ชวิ๋นไปเป็นแขก!
นี่คือการถ่ายทอดสดที่ออกอากาศไปทั่วโลก
ความจริงทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดี การเป็นแขกคือเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายวิหารดวงตะวันหรือว่าสหพันธ์ศาสตร์มืด พวกเขาแค่ต้องการฆ่าฉู่ชวิ๋นเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของตัวเอง
ฉู่ชวิ๋นเป็นบุคคลมีชื่อเสียงโด่งดัง สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้น่าตกตะลึงมากยิ่งกว่าในอดีต กล่าวได้ว่าในโลกนี้จะมีใครไม่รู้จักฉู่ชวิ๋นบ้าง?
ถ้าฉู่ชวิ๋นถูกตัดหัว สำนักที่เป็นคนลงมือก็จะโด่งดังไปทั่วโลก
รอยยิ้มบนใบหน้าของคล้อดหดเล็กลง เขาพูดว่า “ผู้เฒ่าคาร์ล จอมมารฉู่ชวิ๋นรับปากเอาไว้แล้วว่าจะมาเป็นแขกที่วิหารของพวกผม”
ฉู่ชวิ๋นอดแทรกขึ้นมาไม่ได้ โดยการบ่นว่า “บอกตามตรงนะ ฉันอยากไปหาสหพันธ์ศาสตร์มืดมากกว่า อย่างน้อยพวกเขาก็คงไม่ต้อนรับแขกแบบนี้”
ฉู่ชวิ๋นยกข้อมือที่ถูกใส่กุญแจมือให้ทุกคนเห็น
คาร์ลยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ พูดว่า “คล้อด เห็นหรือยัง? เขาไม่ได้อยากไปวิหารดวงตะวันของพวกแกสักหน่อย”
คล้อดหันกลับมามองหน้าฉู่ชวิ๋น แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย “คิดว่าจะมีแต่วิหารดวงตะวันของฉันหรือไงที่ทำกับนายเป็นแขกคนพิเศษ? โซ่ตรวนแห่งความมืดของสหพันธ์ศาสตร์มืดโหดร้ายยิ่งกว่ากุญแจมือดาวหางของพวกฉันอีกนะจะบอกให้”
ฉู่ชวิ๋นหันไปมองหน้าผู้เฒ่าคาร์ล ถามว่า “เรื่องนี้จริงหรือเปล่า?”
คาร์ลพยักหน้าตอบว่า “แขกคนพิเศษ เราก็ต้องต้อนรับแบบพิเศษหน่อยสิ”
“งั้นฉันไม่ไปแล้ว” ฉู่ชวิ๋นส่ายศีรษะ หันหลังเดินกลับไปหาคล้อดแล้วบอกว่า “พวกเรารีบไปกันเถอะ ฉันรู้สึกว่าวิหารดวงตะวันสามารถไว้ใจได้มากกว่า”
ผู้อาวุโสเจสซี่หัวเราะเยาะ พูดว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋น แกเป็นคนที่อารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ คิดหรือว่าพวกหน้าไหว้หลังหลอกอย่างวิหารดวงตะวันจะทำดีกับแก”
ฉู่ชวิ๋นถามกลับไปด้วยความประหลาดใจว่า “ก็พวกเขาเป็นสาวกของเทพเจ้าดวงตะวันไม่ใช่เหรอ? น่าจะเป็นคนที่จิตใจดีมีเมตตาสิ?”
คาร์ลระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความขบขัน “จอมมารฉู่ชวิ๋น แกนี่มันไร้เดียงสาเหลือเกิน แกคิดจริงๆ หรือว่าคนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างพวกมันจะทำดีด้วย ช่างน่าตลกเกินไปแล้ว”
“แต่พวกเขาดูสุภาพแล้วก็เป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะ” ฉู่ชวิ๋นยังคงสงสัยไม่หาย
“หมาป่าในเสื้อคลุมขนแกะน่ะ เคยได้ยินไหม เชื่อคนง่ายแบบนี้ แกนี่มันตื้นเขินเกินไปแล้ว” คาร์ลว่า
ตื้นเขินเกินไปแล้ว?
เมื่อได้ยินผู้เฒ่าคาร์ลพูดว่าฉู่ชวิ๋นเป็นคนที่ตื้นเขินเกินไป บรรดาผู้ที่สนิทสนมกับฉู่ชวิ๋นก็ถึงกับปากอ้าตาถลนไปแล้ว
จอมมารฉู่ชวิ๋นเนี่ยนะตื้นเขินเกินไป? เขาเป็นคนที่ลึกลับ เจ้าเล่ห์ ไร้ยางอาย และใจดำอำมหิตมากที่สุดในโลกต่างหาก
โดยเฉพาะบรรดาศัตรูของชายหนุ่ม อย่างเช่นประตูวิญญาณสลาย พร้อมใจกันส่งเสียงก่นด่าผู้เฒ่าคาร์ลว่าเขาเป็นเพียงแค่ตัวโง่งมตัวหนึ่งเท่านั้น
คล้อดได้ยินคำพูดของคาร์ลก็เกิดความไม่ชอบใจ รอยยิ้มหายวับไปจากใบหน้า ในขณะที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “สหพันธ์ศาสตร์มืด พวกฉันเป็นคนจับตัวจอมมารฉู่ชวิ๋นได้ ไม่มีทางที่เขาจะไปเป็นแขกของพวกแกแน่นอน อย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย”
ผู้เฒ่าคาร์ลและเจสซี่ขยับออกมาข้างหน้าในเวลาเดียวกัน ทั้งสองคนยืนเผชิญหน้ากับคล้อด และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ในเมื่อเขาวางระเบิดสำนักงานสาขาย่อยของพวกเรา เขาก็ต้องถูกสหพันธ์ศาสตร์มืดจัดการขั้นเด็ดขาด”
“แล้วสาขาย่อยของวิหารดวงตะวันไม่ได้ถูกทําลายด้วยหรือไง?” คล้อดยังคงไม่ยอมแพ้
“เมื่อพูดจากันไม่รู้เรื่อง เห็นทีคงต้องใช้กำลังกันเสียแล้ว” ผู้เฒ่าเจสซี่กล่าว
ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปาก ไม่ได้ซ่อนสีหน้าแววตาดีอกดีใจของตนเองเลย ทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ต่างก็เห็นอย่างชัดเจน
ที่แท้นี่ก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งของฉู่ชวิ๋นอย่างนั้นหรือ? รอคอยให้ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันเอง แล้วเขาก็จะฉวยโอกาสหลบหนีไป
คล้อดหันขวับกลับมาหัวเราะเยาะใส่หน้าฉู่ชวิ๋น “แผนการของนายมักง่ายเกินไปนะ”
“เฮ้ย…” ฉู่ชวิ๋นยิ้มและพูดตะกุกตะกักว่า “ดูออกด้วยเหรอ”
แต่ทุกคนที่รู้จักฝีมือของฉู่ชวิ๋นทราบดีว่าชายหนุ่มเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นที่สุด เขาจะยอมรับสารภาพง่ายดายแบบนี้ได้อย่างไร?
“ช่างน่าหัวเราะ ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว” ผู้อาวุโสคาร์ลหัวเราะในลำคอ
“แผนการที่เรียบง่ายเช่นนี้ คิดว่าเราจะดูไม่ออกหรือไง”
ฉู่ชวิ๋นยักไหล่ตอบว่า “ก็ได้! ในเมื่อพวกนายรู้ทันแผนการของฉันแล้ว ก็ตกลงกันเองเถอะว่าจะให้ฉันไปวิหารดวงตะวันหรือไปสหพันธ์ศาสตร์มืดกันแน่?”
พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็เดินไปนั่งพักที่หินก้อนหนึ่งอย่างสบายใจ
คล้อดกับผู้เฒ่าคาร์ลถึงกับงงงันไปแล้ว
คนดูที่หัวไวหน่อยก็จะเข้าใจทันทีว่า นี่เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว!
ฉู่ชวิ๋นไม่จำเป็นต้องลงมือทำอะไรเลย เพราะแผนการเหล่านั้นไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
วิหารดวงตะวัน สหพันธ์ศาสตร์มืด หนึ่งเป็นตัวแทนของแสงสว่าง หนึ่งเป็นตัวแทนของความมืดมิด ทั้งสองอย่างนี้ถือเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ ไม่สามารถแก้ไขได้
ทั้งสองฝ่ายจะต้องต่อสู้กันแน่นอนอยู่แล้ว แม้ไม่มีใครยุแหย่เลยด้วยซ้ำ ต่อให้ข้างหน้ามีหลุมพราง พวกเขาก็คงตกลงไปโดยไม่รู้ตัว
ทั้งสองฝ่ายเป็นตัวแทนของสำนัก เรื่องนี้เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของสำนักที่หนุนหลัง พวกเขาจะทำเป็นเรื่องล้อเล่นไม่ได้
ฉู่ชวิ๋นที่นั่งอยู่บนก้อนหินข้างทาง ตะโกนออกมาว่า “เอาเร็วๆ หน่อย…เร็วๆ หน่อย…สู้ ๆ”
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตึงเครียดขึ้นมาแล้ว ด้วยรู้ดีว่านี่เป็นการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“เอาเร็วๆ หน่อยสิ ถึงพวกนายไม่รีบ แต่ฉันรีบนะ” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ
คนที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสดพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ฉู่ชวิ๋นจะรีบไปไหน? เขาจะรีบไปตายหรือไง?
ดวงตาของคล้อดเป็นประกายระยิบระยับขณะก้าวเดินออกมาข้างหน้าสองก้าวและพูดว่า “ท่านผู้อาวุโสทั้งสอง นี่คือแผนการของเขา พวกเรามา…”
ตู้ม!
พลังสีแดงเข้มพุ่งออกไปกระแทกเข้าใส่ผู้อาวุโสคาร์ล มวลอากาศรอบตัวระเบิดเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะ
ผู้เฒ่าคาร์ลคำรามด้วยความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ
เปรี้ยง!
ม่านพลังสีสันสว่างไสวปรากฏขึ้นมาเพื่อป้องกันลำแสงสีแดง แต่มันก็ยังกระแทกผู้เฒ่าคาร์ลจนร่างกระเด็นไปอยู่ดี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรวดเร็วมากเกินไป ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าคล้อดที่พูดจาด้วยความสุภาพอ่อนน้อม จะฉวยโอกาสเล่นงานอีกฝ่ายทีเผลอ
ผู้เฒ่าคาร์ลมีปฏิกิริยาตอบรับที่รวดเร็ว แต่ก็ยังช้าไปหนึ่งวินาที หน้าอกของเขาเป็นแผลไหม้เหวอะหวะ ผิวหนังถูกไฟไหม้จนไหม้เกรียม
“นี่ไงธาตุแท้ของวิหารดวงตะวัน” ผู้เฒ่าเจสซี่คำรามออกมาแล้ว
วูบ วูบ…!
กระแสลมที่รวมตัวเป็นดาบวายุพุ่งตัดอากาศบินตรงเข้าใส่คล้อด
คล้อดโคจรพลังห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ ร่างกายของเขาเป็นประกายสว่างไสว ชายหนุ่มยังคงยิงพลังสีแดงออกมาอย่างต่อเนื่อง พลังดาบวายุจากอีกฝ่ายจึงสลายตัวหายไป
เขาสะบัดฝ่ามือไปทางผู้เฒ่าเจสซี่ มวลพลังแสงอาทิตย์พุ่งตรงเข้าไปหาชายชรา
ผู้เฒ่าเจสซี่สร้างม่านพลังขึ้นมากำบังอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังแสงอาทิตย์ได้ ลำแสงสีแดงสายนั้นพุ่งทะลุเข้ามากระแทกกับลำตัวของเขาอย่างจัง
ผู้เฒ่าเจสซี่ร้องโหยหวน ไม่อยากเชื่อเมื่อเห็นควันสีขาวลอยขึ้นมาจากหน้าอกของตัวเอง กลิ่นของเนื้อที่ไหม้ไฟเหมือนบาร์บีคิวลอยฟุ้งในอากาศ
คล้อดแสยะยิ้ม กระโดดตามติดเข้าไปหาผู้เฒ่าเจสซี่ แต่คราวนี้ มวลพลังดาบวายุแหวกตัดอากาศลงมารวดเร็วเกินไปที่จะหลบหนีได้
ผู้เฒ่าเจสซี่มีประสบการณ์มากกว่าคล้อด แถมยังมีความสามารถพิเศษเป็นตัวช่วยเหลือ และนั่นก็คือความสามารถในการควบคุมลม
ในขณะนี้ ผู้เฒ่าคาร์ลซึ่งบาดเจ็บหนักจากการถูกคล้อดลอบโจมตีเมื่อสักครู่ กลับสามารถตีลังกาลุกขึ้นมา และต่อยหมัดใส่คล้อดด้วยความรุนแรง
บาดแผลบนหน้าอกของเขาหายไปแล้ว
ฉู่ชวิ๋นก็ไม่ต่างจากกลุ่มคนที่กำลังนั่งดูการถ่ายทอดสด เขาได้รับรู้แล้วว่าผู้เฒ่าคาร์ลมีความสามารถพิเศษคือสามารถรักษาบาดแผลของตัวเองได้ นี่คือความสามารถพิเศษที่น่ากลัวเกินไปแล้ว
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายสว่างไสว นึกสงสัยว่าความสามารถพิเศษเหล่านี้มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด หรือว่าเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนกันได้?
ผู้เฒ่าคาร์ลต่อยด้วยความเกรี้ยวกราด แม้ว่าเขาจะเชื่องช้า แต่ก็หมัดหนักทรงพลัง อย่าลืมว่าเขามีพลังเทียบเท่ากับผู้ใช้วิชาระดับจักรพรรดิ สามารถต่อกรกับคล้อดได้สบาย
ถึงแม้ว่าผู้เฒ่าเจสซี่จะได้รับบาดเจ็บ แต่ความสามารถพิเศษของเขายังคงอยู่ เสียงดาบวายุแหวกอากาศดังหวีดหวิว พุ่งตรงเข้าไปหาคล้อด
ดาบวายุเหล่านี้น่ากลัวมาก แม้แต่พื้นดินก็แตกแยกออกจากกัน ก้อนหินที่อยู่โดยรอบกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคล้อดที่จะรับมือผู้เฒ่าคาร์ลกับเจสซี่พร้อมกัน
“คุณเจสซี่ สู้ๆ อย่ายอมแพ้นะ” ฉู่ชวิ๋นตะโกนเรียก
ชายชราหันไปมองก็เห็นว่าฉู่ชวิ๋นกำลังชี้มือไปยังกลุ่มลูกสมุนของคล้อด ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของวิหารดวงตะวันจำนวนหลายสิบคน
ดวงตาของผู้เฒ่าเจสซี่เป็นประกายสว่างไสว หลังจากนั้น เขาก็โคจรพลังวายุ ปล่อยดาบวายุจำนวนนับไม่ถ้วนออกไปสังหารลูกศิษย์ของวิหารดวงตะวัน
“อะไรกันเนี่ย…”
ลูกศิษย์ของวิหารดวงตะวันไม่ใช่คล้อด ไม่มีทางที่จะหลบหนีพลังดาบวายุของผู้เฒ่าเจสซี่ได้เลย
วินาทีนั้น พลังดาบวายุหนึ่งวูบ จะสามารถฆ่าคนได้สามคน
คล้อดได้ยินเสียงลูกน้องกรีดร้องอยู่ด้านหลัง ความโกรธแค้นของเขาพุ่งสูงถึงขีดสุด พลังแสงอาทิตย์แผ่ออกมารอบล้อมร่างกาย แม้แต่อากาศก็ถูกเผาไหม้ไปแล้ว
เปรี้ยง…!
ชายหนุ่มถูกโจมตีจากผู้เฒ่าคาร์ล ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะมีระดับฝีมือด้อยกว่าเขา แต่ความน่ากลัวของผู้เฒ่าคาร์ลคือการที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าพวกสุนัขวิหารดวงตะวัน ตายซะเถอะ” ผู้เฒ่าคาร์ลมีดวงตาสีแดงก่ำด้วยความโกรธแค้นที่คล้อดแอบเล่นงานเขาโดยไม่ทันให้ตั้งตัวก่อนหน้านี้
ผู้เฒ่าเจสซี่ปล่อยพลังดาบวายุออกไปหมายสังหารคล้อด ในขณะเดียวกันก็ควบคุมพลังดาบวายุที่ปล่อยออกไปสังหารลูกศิษย์ของวิหารดวงตะวัน
“อ๊าก…” ลูกศิษย์ของวิหารดวงตะวันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ฟู่!
เลือดสาดกระจาย หัวคนหลุดกระเด็นออกจากบ่า
ฟู่!
เลือดสาดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง พลังดาบวายุสามารถตัดได้แม้แต่หินก้อนใหญ่ อย่าว่าแต่นี่คือร่างกายของมนุษย์ผู้บอบบาง
เสียงกรีดร้องของลูกศิษย์วิหารดวงตะวันดังกึกก้องในอากาศ ร่างคนล้มลงไปคนแล้วคนเล่า บางคนหัวขาด บางคนแขนขาด บางคนตัวขาดไปครึ่งตัว ทุกคนนอนตายในสภาพไม่สมประกอบ บนพื้นเต็มไปด้วยแขนขามนุษย์กระจัดกระจาย
เพียงพริบตาเดียว ลูกศิษย์ของวิหารดวงตะวันจำนวนหลายสิบคนที่คล้อดพามาด้วย ก็ถูกสังหารไปหมดสิ้น ไม่มีใครที่จะมีซากศพในสภาพสมบูรณ์เลย
“เจ้าพวกปีศาจร้ายอำมหิต กล้าลบหลู่สาวกของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ พวกแกจะต้องโดนเผาไหม้ไปอีกหลายพันปี” ดวงตาของคล้อดกลายเป็นสีแดงก่ำแล้ว
ฐานบัญชาการใหญ่ของวิหารดวงตะวัน ก็กำลังรับชมการถ่ายทอดสดอยู่เช่นกัน
ผู้เป็นเจ้าสำนักออกประกาศว่า “ฉันขอสาบาน ในชีวิตนี้ฉันจะต้องทำลายล้างสหพันธ์ศาสตร์มืดให้ได้”
สหพันธ์ศาสตร์มืดไม่เพียงแต่ไม่กลัวเกรง ซ้ำพวกเขากลับโต้ตอบด้วยความดุเดือดว่า “วิหารดวงตะวันอะไรไร้น้ำยาสิ้นดี พวกแกมันก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคนหน้าไหว้หลังหลอก ในอีกไม่ช้าก็เร็ว พวกเราจะเปลี่ยนฐานบัญชาการใหญ่ของวิหารดวงตะวันให้กลายเป็นเล้าหมู”
การต่อสู้ระหว่างคล้อดกับผู้เฒ่าคาร์ลและผู้เฒ่าเจสซี่ดุเดือดมากยิ่งขึ้น
ตู้ม!
ผู้เฒ่าคาร์ลถูกคล้อดยิงพลังใส่จนกระอักเลือดออกมา
คล้อดเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย ร่างกายของเขามีเลือดท่วมตัว ถูกพลังดาบวายุเล่นงานจนเกือบแย่เหมือนกัน
ฉู่ชวิ๋นค้นพบว่าในขณะนี้พลังการรักษาบาดแผลของผู้เฒ่าคาร์ลอ่อนแอลงแล้ว ในการสมานบาดแผลแต่ละครั้ง ชายชราจะใช้เวลานานมากขึ้น
ในด้านพลังดาบวายุของผู้เฒ่าเจสซี่ก็ไม่รวดเร็วเหมือนเก่า ไม่สามารถปล่อยออกมาได้ทีละหลายชุดเหมือนเก่า แถมในขณะนี้ผู้เฒ่าเจสซี่ยังมีใบหน้าซีดขาว เหงื่อออกท่วมกาย
“เจ้าพวกปีศาจต่ำช้า ตายซะเถอะ”
เส้นผมสีบลอนด์ของคล้อดพริ้วไหวไปตามแรงลมเหมือนราชสีห์ผู้โกรธแค้น พลังสีแดงเข้มของเขาซัดใส่กลุ่มลูกสมุนของสหพันธ์ศาสตร์มืด เมื่อเกิดการระเบิดขึ้น แขนขามนุษย์ก็ปลิวกระจายในอากาศ เช่นเดียวกับม่านหมอกเลือดที่กระจายเต็มท้องฟ้า
ลูกสมุนส่วนใหญ่ของสหพันธ์ศาสตร์มืดถ้าไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่มันก็เป็นเวลาเดียวกับที่ผู้เฒ่าเจสซี่อาศัยจังหวะนี้รวบรวมพลังใช้งานดาบวายุ ฟันเข้าไปที่กลางแผ่นหลังของคล้อดเข้าอย่างจัง เลือดสาดกระจาย ร่างของคล้อดลอยกระเด็นไป ที่แผ่นหลังของเขาปรากฏบาดแผลเหวอะหวะน่าหวาดกลัว
ผู้เฒ่าเจสซี่มีใบหน้าซีดขาว อยากจะรวบรวมพลังวายุอีกครั้ง แต่มวลพลังก็หายวับไปกับตาเพราะเขาอ่อนแอมากเกินไป
ฉู่ชวิ๋นได้รู้แล้วว่าการใช้พลังดาบวายุจะดูดกลืนพลังจำนวนมาก ความสามารถพิเศษเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงาน ไม่ใช่สิ่งที่ใช้ได้ไม่มีวันหมด
แต่ในขณะนี้ผู้เฒ่าคาร์ลลุกขึ้นมาแล้ว บาดแผลของเขาสมานตัวเรียบร้อย ชายชราเดินตรงไปยังจุดที่คล้อดนอนบาดเจ็บ เสียงฝีเท้าของเขาทั้งหนักแน่นและมั่นคง
แต่เนื่องจากใบหน้าของเขาเป็นสีดำ จึงไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ผู้เฒ่าคาร์ลกำลังมีใบหน้าซีดขาวเป็นอย่างยิ่ง
ผู้เฒ่าคาร์ลเดินเข้าไปกระชากเส้นผมให้คล้อดเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับคำรามว่า “จงตายซะเถอะ!”
สวบ!
ผู้เฒ่าคาร์ลพลันยืนตัวแข็งทื่อ ได้แต่ก้มมองมีดสั้นสีแดงที่ปักอยู่ตรงหัวใจของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อ หลังจากนั้นแขนของเขาก็ห้อยตกวูบ เช่นเดียวกับศีรษะที่เอียงพับไปด้านข้างอย่างปราศจากชีวิต