บทที่ 343 หนีรอดและถูกจับกุม!

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 343 หนีรอดและถูกจับกุม!

จอมมารฉู่ชวิ๋นกลับไปที่เวียดนามแล้ว?

ชายหนุ่มทิ้งข้อความเอาไว้ในโลกออนไลน์ แจ้งแก่ผู้อาวุโสลำดับที่ 8 และลำดับที่ 9 ของสหพันธ์ศาสตร์มืดว่าให้ทั้งสองคนรออยู่ที่เวียดนามแล้วมันจะกลับไปเด็ดหัวพวกเขาเอง

สหพันธ์ศาสตร์มืดรีบแจ้งเตือนผู้อาวุโสทั้งสองคนให้เตรียมตัวพร้อมสำหรับการต่อสู้และสั่งว่าครั้งนี้ต้องฆ่าฉู่ชวิ๋นให้ได้

ในขณะที่ทุกคนรอคอยการต่อสู้ ฉู่ชวิ๋นก็เดินทางไปที่ปราสาทโบราณหลังหนึ่ง ซึ่งมันเป็นสำนักงานสาขาหนึ่งของวิหารดวงตะวัน

เปรี้ยง!

ประตูหน้าปราสาทถูกผลักเปิดออกอย่างแรง

ผู้ที่คอยควบคุมงานแห่งนี้เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าสำนักวิหารดวงตะวันมีนามว่าเบอร์นี่ เขามีพลังเทียบเท่ากับขั้นจักรพรรดิระดับ 7 ถือได้ว่าแข็งแกร่งพอสมควร

ฉู่ชวิ๋นบุกเข้าไปในตัวปราสาท ไม่ว่าพบเจอผู้ใด เขาก็สังหารจนหมดสิ้น

เบอร์นี่เดือดดาลถึงขีดสุด ใครกันที่กล้ามาอาละวาดในสำนักงานของเขา? นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แต่เมื่อเบอร์นี่เห็นว่าเป็นฉู่ชวิ๋น เขาก็ตกตะลึงหยุดยืนอยู่กับที่ จดจำได้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นใครทันที เบอร์นี่คำรามออกมา “จอมมารฉู่ชวิ๋น กล้าดียังไงบุกเข้ามาในสำนักงานของฉัน แถมยังฆ่าคนของวิหารดวงตะวัน อยากถูกแสงแดดแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านนักใช่ไหม?”

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะและไม่เสียเวลาพูดคุย เพียงต่อยออกไปสามหมัด เบอร์นี่ก็เสียชีวิต ปราสาทพังทลายทั้งหลัง แล้วชายหนุ่มก็เดินออกมาอย่างสบายใจ

ข่าวนี้แพร่กระจายไปในอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความไม่พอใจขึ้นทันที ยิ่งไปกว่านั้น วิหารดวงตะวันสาขานี้กลับถูกดับไฟมืดสนิทไปแล้ว

เทพเจ้าแห่งดวงตะวันเป็นสัญลักษณ์ของแสงสว่างและความศักดิ์สิทธิ์ แต่ในขณะนี้กลับปิดไฟมืดมิด มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

ทุกคนไม่ต้องรอนานก็ได้เข้าใจ

ฉู่ชวิ๋นเข้าระบบมาโพสต์รูปสำนักงานสาขาย่อยของวิหารดวงตะวันเป็นสีดำ พร้อมกับเขียนแคปชั่นว่า

“นี่คืออีกหนึ่งสาขาของสหพันธ์ศาสตร์มืดที่ถูกทำลายล้างไปแล้ว มาดูกันเถอะว่าเทพเจ้าของพวกแกจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง?”

ทุกคนได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ภาพที่เห็นคือวิหารดวงตะวันถูกทำลายล้างชัด ๆ ทำไมฉู่ชวิ๋นถึงบอกว่าเป็นสหพันธ์ศาสตร์มืดไปได้?

ในไม่ช้า พวกเขาก็ได้เข้าใจว่านี่เป็นการเหน็บแนมของจอมมารฉู่ชวิ๋น เขากำลังบอกว่าวิหารดวงตะวันก็ชั่วร้ายไม่แพ้สหพันธ์ศาสตร์มืด

กลุ่มจอมยุทธชาวจีนเข้ามาทิ้งข้อความเอาไว้ว่า

“วิหารดวงตะวันอะไรดำยิ่งกว่าถ่านเสียอีก สงสัยเทพเจ้าของพวกเขาคงเป็นตัวแทนของการถูกไฟไหม้กับการทำอาหารแน่เลย”

“นี่น่ะเหรอสาขาย่อยของวิหารดวงตะวัน? มองยังไงก็แค่ก้อนหินสีดำเท่านั้น”

“เทพเจ้าอะไรไร้น้ำยาจริงๆ”

คนของวิหารดวงตะวันแทบจะบ้าคลั่งแล้ว เจ้าสำนักดวงตะวันออกคำสั่งว่า “ใครก็ตามที่ฆ่าฉู่ชวิ๋นได้ คนผู้นั้นจะได้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป”

นี่คือคำประกาศที่กระตุ้นบรรดาสมาชิกของวิหารดวงตะวันได้เป็นอย่างดี

วันต่อมา สมาชิกของวิหารดวงตะวันออกค้นหาฉู่ชวิ๋นไปทุกหนทุกแห่ง แม้แต่ผู้อาวุโสในสำนักก็ยังอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้องส่งคนออกไปช่วยตามหาเช่นกัน

ทุกคนกำลังรอคอยให้ฉู่ชวิ๋นกลับมาที่เวียดนามเพื่อฆ่าสองผู้อาวุโสของสหพันธ์ศาสตร์มืด แต่ชายหนุ่มก็เริ่มต้นเล่นซ่อนแอบอีกครั้ง ด้วยการไปทำลายล้างสาขาหนึ่งของวิหารดวงตะวันเสียอย่างนี้

แองกัสซึ่งประจำการอยู่ในเวียดนาม ทุบทำลายโทรทัศน์จอแอลซีดีพังไปอีกหนึ่งเครื่อง แต่ความแตกต่างก็คือครั้งที่แล้วเขาทุบทำลายด้วยความสะใจที่สาขาหนึ่งของสหพันธ์ศาสตร์มืดถูกวางระเบิด แต่ครั้งนี้เขาทำด้วยความโกรธแค้นที่วิหารดวงตะวันต้องพบชะตากรรมเดียวกัน ชายหนุ่มติดต่อกลับไปที่ฐานบัญชาการใหญ่และอยากจะเดินทางกลับไปที่ยุโรป แต่อย่างไรก็ตาม ท่านเจ้าสำนักก็สั่งห้ามและบอกให้เขาอยู่ในเวียดนามต่อไป เพื่อไว้รับมือในกรณีที่ฉู่ชวิ๋นแอบเดินทางกลับเวียดนามโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว

วิหารดวงตะวันก่อตั้งในยุโรปมาหลายพันปีแล้ว มีลูกศิษย์และผู้ศรัทธากระจายอยู่ทั่วทวีป ผู้คนนับหมื่นนับแสนคนร้องไห้คร่ำครวญให้กับการทำลายล้างสาขาหนึ่งของวิหาร และอ้อนวอนให้สาขาใหญ่ช่วยจัดการจอมมารผู้นี้ให้เด็ดขาด

“เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ข้าพเจ้าขอสัญญาด้วยชีวิตว่าจะต้องฆ่าจอมมารฉู่ชวิ๋นให้จงได้” แองกัสออกประกาศในโลกออนไลน์

ผู้อาวุโสทั้งสองคนของสหพันธ์ศาสตร์มืดที่อยู่ในเวียดนามก็ออกมาประกาศเช่นกันว่า ฉู่ชวิ๋นมีความโหดเหี้ยมและไร้ยางอายมากเกินไป ถ้าปล่อยให้ลอยนวลต่อไปจะเป็นอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสองคนนี้ยังคงโกรธแค้นฉู่ชวิ๋นอยู่ไม่หาย

สำนักงานที่เป็นสาขาของสหพันธ์ศาสตร์มืดถูกวางระเบิด ในขณะที่สำนักงานสาขาย่อยของวิหารดวงตะวันก็ถูกกวาดล้าง ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน? แล้วจะไม่ให้พวกเขาโกรธแค้นได้อย่างไร

ฉู่ชวิ๋นถูกตามล่าตัวอย่างหนัก คนของสหพันธ์ศาสตร์มืดและวิหารดวงตะวันออกค้นหาตัวเขาตลอดเวลา แต่โชคดีที่หลังเกิดความเปลี่ยนแปลงของโลก พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยภูเขาและป่าทึบ ฉู่ชวิ๋นมีความชำนาญเรื่องการหาที่ซ่อนตัวในป่าอยู่แล้ว ในขณะนี้ จึงไม่มีใครพบเจอตัวเขาเลยสักคนเดียว

แต่วันนี้ ฉู่ชวิ๋นได้มาโพสต์รูปภาพในโลกออนไลน์อีกครั้ง

มันเป็นรูปภาพที่ฉู่ชวิ๋นกำลังตั้งเตานั่งปรุงหม้อน้ำซุปอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง

“ดีใจมากเลยครับที่นายท่านฉู่ชวิ๋นทำตามคำแนะนำของผม โดยไม่ลืมพกหม้อปรุงน้ำซุปติดตัวไปด้วย”

“นายท่านฉู่ชวิ๋น หม้อนี้มีชื่อยี่ห้อว่าวิหารดวงตะวันหรือเปล่าครับ?”

“นายท่านฉู่ชวิ๋น คุณต้องแล่เนื้อปลาก่อน…หลังจากนั้นก็ค่อยโรยเกลือลงไปเล็กน้อย…” มีบางคนเริ่มแนะนำเคล็ดลับ สอนฉู่ชวิ๋นทำต้มปลาหม้อไฟให้อร่อย

ข้อความเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฉู่ชวิ๋นอ่านและจดจำไว้ เพื่อเอาไว้ใช้ในอนาคต

บางคนวิเคราะห์ภาพถ่ายว่าสถานที่ที่ฉู่ชวิ๋นกำลังนั่งต้มน้ำซุปอยู่นี้ ก็คือสำนักงานสาขาหนึ่งของสหพันธ์ศาสตร์มืดที่ถูกวางระเบิดไปนั่นเอง

ในขณะที่วิหารดวงตะวันและสหพันธ์ศาสตร์มืดกำลังออกค้นหาตามล่าตัวฉู่ชวิ๋นไปทั่วยุโรป ชายหนุ่มกลับย้อนกลับไปยังสำนักงานของสหพันธ์ศาสตร์มืดที่ถูกวางระเบิดและรับประทานอาหารอย่างสบายใจ

เมื่อพวกเขารีบเดินทางไปยังสถานที่ในรูปถ่าย ฉู่ชวิ๋นก็หายตัวไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นวิหารดวงตะวัน สหพันธ์ศาสตร์มืด หรือบรรดานักรบยุโรปต่างก็โกรธแค้นจนบ้าคลั่ง แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่สบถสาบานว่าจะต้องฆ่าฉู่ชวิ๋นให้ได้เท่านั้น

ฉู่ชวิ๋นกำลังนั่งคิดอยู่ในภูเขาลูกหนึ่งว่า เขาควรจะทำอะไรต่อไปดี? พลัน สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก หรือว่าเขาจะยอมถูกจับกุมดีนะ?

“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกหนีไม่รอดแล้ว” นักรบยุโรปหลายสิบคนพลันปรากฏตัวออกมาจากป่ารอบข้าง

ฉู่ชวิ๋นไม่ตอบคำใด เขาหันหลังขวับ

“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกจะหนีไปไหน?” คนของสหพันธ์ศาสตร์มืดคำราม

ฉู่ชวิ๋นถูกปิดล้อมทางหนีไว้หมดแล้ว ข้างหน้ามีคนของวิหารดวงตะวัน ส่วนข้างหลังก็เป็นคนของสหพันธ์ศาสตร์มืด

“จอมมารฉู่ชวิ๋น คราวนี้คิดจะหนีไปไหนอีก” ผู้พูดคือรองเจ้าสำนักวิหารดวงตะวัน นามว่าคล้อด

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายระยิบระยับในขณะที่กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ใครบอกว่าฉันคิดหนี? ฉันกำลังจะไปหาวิหารดวงตะวันของพวกนายอยู่พอดี?”

คล้อดมีรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบรอนด์บนศีรษะหยิกหยอง ร่างกายมีพลังลมปราณแผ่ออกมาอย่างรุนแรง

พิจารณาจากระดับของพลังรอบตัวแล้ว คาดเดาได้ว่าคล้อดน่าจะมีพลังไม่ต่ำกว่าขั้นจักรพรรดิระดับ 8

“ในเมื่อแกจะมาเป็นแขกของวิหารดวงตะวันของพวกฉัน…ถ้าอย่างนั้นก็เชิญ…” คล้อดผายมือเชิญอย่างสุภาพ

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอและเดินเข้าไปหาคล้อด

“เดี๋ยวก่อน” คล้อดพลันโพล่งขึ้นและหันไปทางคู่อริของตนเองก่อนพูดว่า “เริ่มต้นถ่ายทอดสดได้ บอกให้ทั้งโลกรับรู้ว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นกำลังจะไปเป็นแขกที่วิหารดวงตะวันของพวกฉัน”

สหพันธ์ศาสตร์มืดครั้งนี้นำทัพมาด้วยผู้อาวุโสลำดับที่ 6 นามว่าคาร์ลและผู้อาวุโสลำดับที่ 7 นามว่าเจสซี่ ถึงแม้ว่าระดับพลังของทั้งสองคนนี้จะอยู่ในระดับเดียวกับขั้นจักรพรรดิระดับ 7 แต่ด้วยความสามารถประกอบกับพลังพิเศษประจำตัว ก็ทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งไม่แพ้ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 เลยทีเดียว

การถ่ายทอดสดเริ่มต้นขึ้นแล้ว

คล้อดหันไปทางกล้องและประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า “สหายทุกท่าน ผมอยากแจ้งข่าวดีให้ทุกคนได้รับทราบ ผมจับกุมตัวจอมมารฉู่ชวิ๋นได้สำเร็จแล้ว ในขณะนี้ ผมจะพาเขากลับไปที่วิหารดวงตะวัน”

หลังจากนั้น กล้องก็หันไปจับภาพที่ฉู่ชวิ๋น

โลกอินเทอร์เน็ตลุกเป็นไฟ นั่นคือฉู่ชวิ๋นจริงๆ

ฉู่ชวิ๋นถูกวิหารดวงตะวันจับกุมตัวได้จริงๆ แล้วหรือนี่?

โดยเฉพาะชาวจีน ทุกคนล้วนไม่อยากเชื่อ หรือว่าฉู่ชวิ๋นจะถูกจับกุมได้โดยบังเอิญ?

ฉู่ชวิ๋นหันมายิ้มให้กล้องและพูดว่า “เรียนสหายทุกท่าน รวมถึงผู้ที่เกลียดชังผมเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ผมได้รับคำเชิญจากวิหารดวงตะวันให้ไปเป็นแขกของพวกเขา”

“ขอบคุณมากที่ให้ความร่วมมือ” คล้อดพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ด้วยความยินดี คนที่ถูกจับตัวได้ก็สมควรทำแบบนี้อยู่แล้ว” ฉู่ชวิ๋นตอบรับพร้อมกับยิ้มกว้าง

ที่เมืองจีน บรรดาจอมยุทธ์เฝ้าติดตามการถ่ายทอดสดอย่างใกล้ชิด

“เริ่มวางแผนภารกิจช่วยตัวประกัน เราจะต้องช่วยฉู่ชวิ๋นออกมาให้ได้” หัวหน้าหมายเลข 1 ออกคำสั่ง

ที่ภูเขาหลงฉี จักรพรรดิอ๋าวฮวงกับจิงหงก็กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่เช่นกัน

“ฉันจะไปช่วยเขา” จิงหงลุกพรวดขึ้นยืน

จักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่ยึดถือเป็นเรื่องจริงจัง เขาคลึงแก้วไวน์ในมือเล่น

“ลองดูให้ดีก่อนสิ ไอ้หนูมันมีท่าทางเหมือนคนที่โดนจับตัวหรือไง? ฉันกล้ารับประกันเลยว่า ไอ้หนูมันแค่กำลังวางแผนปั่นหัวฝ่ายตรงข้ามอยู่นั่นแหละ”

ณ เมืองชายแดน ถางโร้วเห็นว่าฉู่ชวิ๋นถูกจับกุมตัว เธอเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ไม่นะ ฉันจะไปช่วยพี่ฉู่ชวิ๋น”

หยานหวูซวงรีบห้ามปรามเธอเอาไว้และพูดว่า “เธอยังไม่เข้าใจอีกหรือไง เธอมองเขาด้วยสายตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์เกินไปแล้ว ท่านพี่ของเธอเป็นคนที่จะโดนใครจับได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ? ฉันดูก็รู้ เขาตั้งใจให้ตัวเองถูกจับได้ต่างหาก”

ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ของเวียดนามหรือเป็นนักรบจากยุโรป เมื่อเห็นภาพฉู่ชวิ๋นถูกจับกุมตัว ในที่สุดจิตใจของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง หลังจากเครียดเขม็งมาหลายวัน

คนที่เคยเป็นสมาชิกของประตูวิญญาณสลายออกมาประกาศ “สำนักวิหารดวงตะวัน คุณยังไม่รู้จักจอมมารฉู่ชวิ๋นดีพอ เขาเป็นหัวขโมยที่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจและไร้ยางอาย ฉันขอแนะนำให้พวกคุณรีบฆ่าเขาทิ้งเสียเดี๋ยวนี้เลย”

สำนักดาบพิฆาต ปราสาทเทียนหลง หุบเขาราชาพิษ ฯลฯ ต่างก็รับทราบถึงสถานการณ์ของฉู่ชวิ๋น และกำชับให้วิหารดวงตะวันรีบฆ่าชายหนุ่มทิ้งไปทันที ไม่อย่างนั้น พวกเขาอาจจะเสียใจในภายหลังได้

เนื่องจากศัตรูเก่าของฉู่ชวิ๋น ต่างก็เคยได้รับบทเรียนมาแล้ว

คล้อดเห็นข้อความเหล่านี้ แต่เขาก็มีความตั้งใจของตัวเอง

“ฉู่ชวิ๋น ฉันมีเรื่องอยากจะขอความร่วมมือจากนายอีกหนึ่งอย่าง”

“เชิญว่ามาได้เลย”

คล้อดหยิบกุญแจมือสีดำท่าทางมีน้ำหนักไม่น้อยออกมา

ฉู่ชวิ๋นตอบรับพร้อมกับยิ้มกว้าง “วิหารดวงตะวันของนายต้อนรับแขกแบบนี้หรือไง”

“จอมมารฉู่ชวิ๋น นี่คือการต้อนรับแบบพิเศษ เพราะว่านายคือแขกคนพิเศษ”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ตอบว่า “ไม่มีปัญหา!”

คล้อดโยนกุญแจมือมาให้ฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขานำกุญแจมือนั้นมาสับใส่ข้อมือของตัวเองทั้งสองข้าง

“กริ๊ก! กริ๊ก!”

ฉู่ชวิ๋นลองกระตุกสายโซ่ดู ปรากฏว่ากุญแจมือนี้มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

“จอมมารฉู่ชวิ๋น อย่าคิดลองดีเลย กุญแจมือชิ้นนี้ทำมาจากสะเก็ดดาวหางที่ตกมาจากนอกโลก ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็ไม่สามารถพังมันได้”

สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

คล้อดยิ้มกว้างมากขึ้นด้วยความชอบใจ

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะและถามว่า “ฉันก็คงหนีไม่ได้แล้วสินะ?”

คล้อดพยักหน้าตอบรับด้วยความมั่นใจ

“แต่นายบอกว่าต่อให้เป็นเทพเจ้าก็พังมันไม่ได้ แล้วถ้าเป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ของพวกนายล่ะ จะสามารถพังกุญแจมือนี้ได้ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความสงสัย

รอยยิ้มบนใบหน้าของคล้อดนิ่งค้างไปหลายนาที “เทพเจ้าของพวกฉันจะไปโดนจับใส่กุญแจมือได้ยังไง? แต่ถึงจะเกิดขึ้นจริง กุญแจมือก็ต้องหลอมละลายอยู่แล้ว”

“แหม พลังแสงอาทิตย์ช่างร้อนแรงจริง ๆ เลยนะ” ฉู่ชวิ๋นฉีกยิ้ม

คล้อดทำสีหน้าเป็นคนสูงส่งและพูดว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋น ขอเชิญ!”

“เชิญนำทาง!” ฉู่ชวิ๋นตอบรับและเดินไปทางกลุ่มคนของวิหารดวงตะวัน

“หนึ่ง”

“สอง”

ฉู่ชวิ๋นเดินไปพลางนับในใจไปพลาง ก่อนที่เขาจะนับถึงสาม เสียงของคนจากสหพันธ์ศาสตร์มืดก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง

“หยุดก่อน!” ผู้เฒ่าคาร์ลจากสหพันธ์ศาสตร์มืดเป็นคนตะโกนออกมา

ฉู่ชวิ๋นหยุดโดยทันทีและหันขวับไปมองผู้ที่ตะโกนเรียก

คล้อดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และหันกลับมาเผชิญหน้ากับกลุ่มคนจากสหพันธ์ศาสตร์มืด

“ผู้เฒ่าคาร์ล คุณมีอะไรจะพูดเหรอครับ?” คล้อดถามพร้อมกับยิ้มกว้าง

คาร์ลเป็นชายผิวดำรูปร่างสูงใหญ่ ตาขาวของเขามีขนาดใหญ่โตมาก ซึ่งดูแปลกประหลาดเป็นที่สุดเมื่อไปอยู่บนใบหน้าสีดำมะเมี่ยมแบบนั้น

“คล้อด เลิกทำตัวยิ้มแย้มเป็นคนดีตีสองหน้าได้แล้ว” ผู้เฒ่าคาร์ลพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง นำคนของสหพันธ์ศาสตร์มืดขยับออกมาข้างหน้าอีกสองก้าว ก่อนที่จะประกาศว่า “สหพันธ์ศาสตร์มืดของพวกเรา ก็อยากเชิญจอมมารฉู่ชวิ๋นแห่งเมืองจีนไปเป็นแขกที่สำนักงานใหญ่เหมือนกัน!”