ตอนที่ 338 ข้าต่างหากที่เป็นลูกพี่

แม่ครัวยอดเซียน

“น้องหญิง ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจ แต่เทพสวรรค์ที่เพิ่งบรรลุขั้น จะปกปิดพลังเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาเทพ ต้องทำให้เกิดความสงสัยแน่

“ท่านพี่ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าก็ไม่ได้ ใครใช้ให้ท่านพี่ถูกใจคนทะเยอทะยานอย่างข้ากันเล่า” หลิวหลีกล่าวอย่างไม่มีเหตุผล

“เจ้าเอ๊ย พวกเราต้องพยายามเลื่อนขั้นพลังบำเพ็ญเพียรให้สูงขึ้นต่างหาก” ความสามารถเท่านั้น เมื่อมีความสามารถแล้วถึงจะมีสิทธิ์พูด

“อืม บาดแผลของข้าดีขึ้นมากแล้ว ที่เหลือคงทำได้แค่ค่อยๆฟื้นตัวไป ตอนนี้ลมปราณสีน้ำนมที่เกิดขึ้นในร่างกายข้าที่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ทรงพลังอย่างยิ่ง แถมพลังในการรักษาในการฟื้นตัวก็ดีมากทีเดียว” หลิวหลีนึกถึงไอที่ไม่รู้ที่ไปที่มาในร่างกายตน และก็ไม่แน่ใจรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน นางรู้เพียงว่ามันมีประโยชน์กับนาง

สองสามีภรรยาสนทนากันอีกสักพัก ก็แยกย้ายกันไปฝึกฝนบำเพ็ญ หลิวหลีที่ได้รับความช่วยเหลือจากลมปราณสีน้ำนม ส่งผลให้ภายในร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ส่วนจวินหาวก็ได้รับความช่วยเหลือจากหมิงเยี่ย บาดแผลไหม้พุพองตามลำตัวจึงดีขึ้นมาก บาดแผลที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย

“ท่านลุง ข้าควรกลับได้แล้ว” จวินหาวรู้สึกว่าพี่ใหญ่อย่างตนควรกลับไปปรากฏตัวได้แล้ว ไม่เช่นนั้นคงนึกว่าเขาถูกเจ้าสำนักทำอะไรต่อมิอะไรไปแล้ว

“บาดแผลของเจ้าต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งถึงจะหาย กลับไปทำไม” หมิงเยี่ยไม่เห็นด้วย เขาเป็นญาติทางสายเลือดโดยตรงเพียงคนเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรอให้ร่างกายหายดีก่อน

“ต้องกลับไปอยู่แล้ว ถ้าพี่ใหญ่อย่างข้าไม่กลับไปพวกเขาคงไม่สบายใจ” จวินหาวออกตัวว่าพี่ใหญ่อย่างเขานั้นสำคัญอย่างยิ่ง

“ก็ได้” หมิงเยี่ยเองก็เข้าใจ ที่สำนักไม่มีใครล่วงรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ถึงแม้เขาจะคอยจับตาดูจวินหาวแต่ก็ไม่ได้ไปจำกัดความก้าวหน้าของเขา

“ท่านพี่จวินหาว เจ้าสำนักลงโทษท่านหรือ?” หลัวหลานถามอย่างร้อนใจ เป็นเพราะนางจัดการได้ไม่เรียบร้อยจึงทำให้พี่ใหญ่ต้องเดือดร้อน

“ท่านพี่จวินหาว เป็นความผิดของพวกข้าเอง พวกข้าไม่ดูหนานกงเวิ่นเทียนให้ดี” คนผมฟ้าดวงตาดำก้มศีรษะลง

“ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ใครก็นึกไม่ถึงว่าเด็กใหม่คราวนี้จะมีเก่งกาจ” พอนึกถึงคู่นักที่รับมือยากสองคนนั้น จวินหาวก็พลันรู้สึกแสบใบหน้าขึ้นมา

“สามีภรรยาคู่นั้นเพิ่งบรรลุจริงหรือ” หลัวหลานเสนอความคิดที่แปลกแตกต่างไป เหี้ยมโหดราวเป็นยอดฝีมือที่ปลีกวิเวกมาจากดินแดนห่างไกลที่ไหนสักแห่ง

“ใช่ บนตัวพวกเขายังมีร่องรอยบางๆของสระบรรลุเทพอยู่” จวินหาวกล่าว

“มีความสามารถเช่นนี้สองสามีภรรยาคู่นี้ จะต้องมีที่ยืนในแวดวงศิษย์ระดับพิเศษแน่นอน” ไม่เหมือนพวกเขาที่ต้องได้รับการปกป้องจากท่านพี่จวินหาวถึงจะอยู่รอด

จวินหาวยิ้มเจื่อน ไม่ใช่แค่มีที่ยืนเท่านั้น แต่ว่าทัดเทียมกับเขาเลยต่างหาก

“ท่านพี่จวินหาว เหยียนซวี่ส่งคนมาบอกว่าอยากประลองฝีมือกับท่าน” ซินปิงเดินมาบอกด้วยสีหน้าเกรี้ยวโกรธ

“มันจะเกินไปแล้ว นี่เพราะเห็นท่านพี่บาดเจ็บอยู่เลยจงใจมาล่ะสิ คนพวกนั้นไร้ยางอายจริงๆ” หลัวหลานเองก็รู้สึกโกรธเช่นกัน สภาพจวินหาวในตอนนี้ลงมือทำอะไรไม่ได้ แถมเพลิงเทพของนังหนูคนนั้นก็ร้ายกาจอย่างยิ่ง คาดว่าพี่ใหญ่คงจะยังไม่หายดี

“ไม่เป็นไร” จวินหาวส่ายหน้า อันที่จริงเขายังไม่หายดีแต่จะให้คนพวกนี้ลำบากไปกับเขาด้วยไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดเหยียนซวี่ถึงเลือกที่จะโผล่มาในเวลานี้

หนานกงเวิ่นเทียนและหลิวหลีเมื่อรู้สึกว่าฟื้นตัวหายดีแล้วจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่น สุดท้ายทันทีที่ปรากฏตัวก็ได้ยินข่าวที่จวินหาวประลองกับคนชื่อเหยียนซวี่

“เหยียนซวี่รังแกคนอื่น รังแกท่านพี่จวินหาวที่ยังบาดเจ็บสาหัสไม่หายดี แบบนี้เล่นสกปรกชัด ๆ”

“นั่นสิ จากที่ได้ยินมาคนพวกนั้นนิสัยแย่มาก ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาได้เป็นผู้นำ วันข้างหน้าของพวกเราจะลำบากขนาดไหนแค่คิดก็รู้แล้ว”

“ดูไปแล้วจวินหาวก็เป็นคนดีนี่” หนานกงเวิ่นเทียนคิดไม่ถึง

“อืม คนเราดูแต่ภายนอกไม่ได้หรอก ไม่แน่เขาอาจจะใช้วิธีการนี้ปกป้องคนที่เพิ่งบรรลุเป็นเทพหน้าใหม่ๆก็ได้” หลิวหลีคาดเดา

“ลองไปดูกันเถอะ ถูกเพลิงเทพสิบชนิดของข้าแผดเผาไป เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นตัวหายดีแล้ว ขนาดขยับตัวก็จะยังรู้สึกปวดแสบปวดร้อน” หลิวหลีเอ่ยและเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“ไปกันเถอะ” สองสามีภรรยาหาทางไป ประจวบกับที่สองคนนั้นสู้กันพอดี

ผมและดวงตาเหยียนซวี่เป็นสีทอง เป็นผู้สืบทอดเทพสุวรรณ แต่หลิวหลีกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้จอมปลอม เหมือนตัวปลอมของนาง หลิวหลีที่ดูอยู่ก็รู้สึกอึดอัด อีกอย่างแค่ดูก็รู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไร กะล่อน ไม่หวั่นเกรงใคร แต่คนผู้นี้กลับไม่ตรงไปตรงมาเช่นนั้น ท่าทางก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์อะไรคงสืบทอดตำแหน่งเทพไม่ได้ เมื่อนางวิเคราะห์ในใจเสร็จสรรพ แต่กลับไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าตนเองได้นำพาความเปลี่ยนแปลงมาให้เหยียนซวี่แล้ว เมื่อเหยียนซวี่ประลองไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่สำคัญอย่างยิ่งหายไปจากในร่างกาย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เหยียนซวี่ก็ยังคงดีอกดีใจอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็ได้ครองตำแหน่งลูกพี่แล้ว

“จวินหาว เจ้าแพ้แล้ว” เหยียนซวี่ปล่อยการโจมตีสุดท้ายออกไปแล้วตะโกนด้วยความลิงโลด จวินหาวใจสู้แต่กับไร้เรี่ยวแรง ทุกครั้งที่ขยับตัวเพียงนิดเดียว จวินหาวก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง พอถูกเหยียนซวี่โจมตีถูกบาดแผลเก่าซ้ำๆ จนจวินหาวหลบการโจมตีกระบวนสุดท้ายไม่พ้น แต่กลับมีเงาที่ว่องไวกว่าเข้าขวางการโจมตีของจวินหาวและผลักกลับไป ทุกคนชะงักนิ่ง มองเงาสีแดงที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ถึงจะไม่คุ้นหน้านักแต่ก็ยังมีคนจำได้

“หลงหลิวหลี”

“เจ้าเป็นใคร?” เหยียนซวี่มองสาวน้อยผมแดงดวงตาแดงที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทีหวาดระแวง คนผู้นี้คือหลงหลิวหลีที่เล่าลือกันว่าบาดเจ็บหนักคนนั้นหรือ ดูแล้วไม่เป็นเช่นนั้น

“หลงหลิวหลี” หลิวหลีจ้องเหยียนซวี่ที่เต็มไปด้วยความสงสัย การโจมตีของคนผู้นี้เหมือนทรงพลังแต่ภายในขาดอะไรบางอย่างไป ไร้พลังสังหาร

“เจ้าก็คือหลงหลิวหลีหรือนี่ ทำไม ถูกใจจวินหาวเข้าเลยคิดจะเปลี่ยนใจไปรักเขาหรือ นังหนูหน้าตาสวยใช้ได้นี่ ไม่สู้มาเป็นของข้าดีกว่า” เหยียนซวี่หรี่ตามองหลิวหลีด้วยท่าทีหื่นกาม นังหนูคนนี้มีนิสัยพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดคนไม่น้อย

“เจ้าหรือ ขอโทษด้วย ไม่เข้าตาข้าเลย” หลิวหลีเอ่ยอย่างดูแคลน

“นังหนู ตอนนี้ข้าคือพี่ใหญ่ของศิษย์ในระดับพิเศษ เจ้ากล้าขัดขืนข้าหรือ?” เหยียนซวี่หรี่ตามอง

“เรื่องนี้น่ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริง ๆแต่คนที่เจ้าโจมตีจนพ่ายแพ้ไปนั้นคือศิษย์น้องของข้า คนเป็นพี่ใหญ่อย่างข้าจึงไม่ค่อยพอใจนัก” หลิวหลีพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ

“ศิษย์น้องหรือ?” เหยียนซวี่สับสน ข้อมูลของเขาผิดพลาดหรือนี่

“ใช่ คราวก่อนเขาแพ้ข้า เลยยอมรับข้าเป็นพี่ใหญ่ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงไหมจวินหาว” หลิวหลีเตะจวินหาวที่นอนแอ้งแม้งบนพื้นราวกับศพ

“ใช่ ตอนนั้นท่านพี่จวินหาวกับหลิวหลีเดิมพันกันไว้ บัดนี้หลิวหลีต่างหากที่เป็นพี่ใหญ่” เหมือนหลัวหลานจะนึกอะไรออกจึงเอ่ยขึ้น คำพูดของหลิวหลีตอนนี้เป็นดั่งดวงดาวช่วยชีวิต แต่กลับไม่นึกถึงว่าจวินหาวจะเจ็บหนักขนาดนั้นแล้วนับประสาอะไรกับหลิวหลีกัน

“เจ้านี่ เอาอีกแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเดินมา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่านังหนูจะฝืนออกหน้า เขาคาดคิดไม่ถึงมาก่อน

“วางใจเถอะ ข้ารู้ตัวเองน่า” หลิวหลีออกตัวว่านางรู้ตัวเองดี

หนานกงเวิ่นเทียนไม่พูดจา หากเชื่อนางก็บ้าแล้ว นังหนูคนนี้พูดอะไรไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เขาคอยเฝ้าไว้จะได้ช่วยนางดีกว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะทำตามพี่ใหญ่อย่างเจ้าร้องขอแล้วกัน” เหยียนซวี่ใคร่ครวญดูแล้วก็เห็นด้วย เพราะพวกเขาทั้งสองต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ครั้งก่อน จวินหาวยังเป็นเช่นนี้ หลงหลิวหลีผู้นี้แค่เพิ่งบรรลุขอบเขตเทพสวรรค์เท่านั้น คิดว่านางเองก็คงบาดเจ็บไม่น้อย

“ใครจะเป็นฝ่ายชนะยังไม่รู้แน่ชัดเลย อย่าพูดจาโอ้อวดนักเพราะผลที่เกิดขึ้นอาจตบหน้าเจ้าได้” หลิวหลีไม่ใส่ใจ พลานุภาพของเหยียนซวี่ยังมีไม่เท่าจวินหาวด้วยซ้ำ ต่อให้นางบาดเจ็บก็ง่ายนิดเดียว!