“ข้าก็พอจะรู้ธรรมเนียมของศิษย์ระดับพิเศษอยู่บ้าง และกำลังรอวันนั้นที่พวกเจ้าจะโดนเอาคืน ไม่คิดเลยว่าในที่สุดวันนั้นก็มาถึง ตอนนี้พวกเจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรเล่า? ถึงพวกเจ้าจะเป็นศิษย์ระดับพิเศษ มีสิทธิประโยชน์ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรไร้ขื่อไร้แป ลองไตร่ตรองดูแล้วกัน” หมิงเยี่ยพูดจบก็เตรียมพาตัวจวินหาวจากไป
“พวกเจ้าสองสามีภรรยาไม่เลวเลยนี่ ส่วนของศิษย์ระดับพิเศษมีที่พักสำหรับคู่รักอยู่ พวกเจ้าไปรักษาตัวเองที่นั่นเถิด พวกเจ้าสองคนโหดไม่เบาจริง ๆ” หมิงเยี่ยชะงักฝีเท้าแล้วพูดกับคู่รักหัวแข็งไม่รู้จักอ่อนรู้จักงอ การประลองครั้งนี้ทำให้พวกเขาได้รับรู้เรื่องใหม่เช่นกัน
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนักขอรับ” เพราะมีหลิวหลีบังให้ หนานกงเวิ่นเทียนจึงไม่บาดเจ็บหนัก เขาอุ้มอีกฝ่ายขึ้นแล้วเดินจากไปตามป้ายบอกทาง
ข่าวการประลองของศิษย์ระดับพิเศษนี้ลือไปทั่วสำนักอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่สวีโจวได้รับรางวัลชดเชยที่สำนักมอบให้ก็ได้ยินกิตติศัพท์ของหลิวหลี พลันเกิดทัศนคติใหม่ต่อการดำเนินชีวิต แต่เดิมนางเป็นศิษย์ระดับล่างสุดแต่กลับเป็นศิษย์ระดับพิเศษ แล้วยังเอาชนะศิษย์ระดับพิเศษที่เป็นคนเก่าแก่ได้อีก ดังนั้นเขารับคนประเภทไหนมา
เมื่อจวินหาวลืมตา แล้วรู้สึกได้ถึงความเจ็บระบมที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย ความเจ็บปวดราวถูกไฟแผดเผา นังหนูคนนั้นไม่ใช่คนที่หาเรื่องได้เลย กระบวนท่าสุดท้ายนั่นคืออะไรกันนะ ร้ายกาจเหลือเกิน
“ฟื้นแล้วหรือ?” เสียงของหมิงเยี่ยดังลอดมาจากด้านข้าง
“ท่านลุง” หมิงเยี่ยลอบสบถในใจ ทำไมท่านลุงถึงได้อยู่ด้วย
“รู้ด้วยหรือว่าข้าเป็นลุงของเจ้า เกือบจะพังสำนักข้าไปครึ่งหนึ่ง เก่งเสียจริง ทั้งที่อยากจะปกป้องอีกฝ่าย ทำไมถึงได้ทำเรื่องเลวร้าย เจ้าพูดกับพวกเขาดีๆไม่เป็นหรืออย่างไร คราวนี้งามหน้าจริงๆ เสียหน้าแล้วล่ะสิ” หมิงเยี่ยก่นด่าหลานตัวเองอย่างหัวเสีย ใครจะคิดว่าจวินหาวศิษย์ระดับพิเศษที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นหลานชายของท่านเจ้าสำนักหมิงเยี่ย
“ชินแล้ว แก้ไม่หายแล้ว” จวินหาวเอ่ย เกือบจะลืมไปแล้วว่าพูดคุยปกติมันเป็นเช่นไร หลังจากที่เขามีความสามารถ เป็นครั้งแรกที่ได้เจอคนอย่างหลิวหลีที่รับมือยากขนาดนี้ แถมยังซัดเขาจนตอนนี้ปวดระบมไปทั้งตัว
“รู้สึกว่าโครงสร้างของสำนักกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลง หลงหลิวหลีผู้นี้เก็บงำความสามารถได้เก่งจริงๆ” ระหว่างที่จวินหาวหมดสติไปหมิงเยี่ยก็ได้ฟังรายงานจากเงามืด พูดได้แค่ว่า หลิวหลีเป็นอัจฉริยะจริงๆ แล้วยังเป็นยอดอัจฉริยะที่ถ่อมตนเสียด้วย ความสามารถในการควบคุมเพลิงอัคคีของนางนั้น ถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพอัคคีที่เหมาะสม ผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพอัคคีเหล่านั้นดับสนิทเพราะนังหนูคนนี้แล้ว
“ไม่ผิดหรอก ท่านลุง การถูกเอาคืนของหลานครั้งนี้ช่างเจ็บแสบนัก” ตอนแรกเขาแค่นึกสนุกเท่านั้น ในเมื่อในบรรดาศิษย์ระดับพิเศษไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้เขา ใครจะไปรู้ว่านังหนูหลงหลิวหลีมีกระบวนท่าหลากหลาย แถมยังมีท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย ที่สำคัญคือคู่รักคู่นี้ช่างรักกันเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มที่ชื่อหนานกงเวิ่นเทียนจะสามารถสลัดพันธนาการทิ้ง แล้วรีบมาช่วยนางอย่างทันท่วงที ดูแล้วปิงซินจะไม่ได้สืบทอดตำแหน่งเทพเหมันต์เสียแล้ว
เพราะหลัวหลานอยู่ค่อนข้างใกล้และถูกโจมตีจนกระเด็นลอยไปจนหมดสติ เมื่อตื่นขึ้นมากลับพบว่าอยู่ในห้องของตนเอง
“ท่านพี่หลัวหลาน ท่านฟื้นแล้ว” สาวน้อยเส้นผมสีดำดวงตาเหมันต์แสดงท่าทีดีใจ นางคือปิงซินผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเหมันต์ พวกนางต่างตามจีบจวินหาว เพียงแต่จวินหาวไม่รับรักพวกนาง
“หืม นี่ข้าอยู่ในหอพักหรือ แล้วท่านพี่จวินหาวล่ะ เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” หลัวหลานถามอย่างร้อนใจ
“สนใจตัวเจ้าเองก่อนเถอะ ท่านพี่จวินหาวถูกเจ้าสำนักพาตัวไปแล้ว” เสียงเซวียนหลิงดังมาจากนอกประตู นางบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ตอนนี้หายดีแล้ว
“เซวียนหลิง เจ้าออกไป” ปิงซินไม่พอใจ นางไม่ชอบเซวียนหลิง
“หึ ปิงซิน เจ้ายังคิดว่าตัวเจ้าเองจะยังเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเหมันต์ที่ไม่มีใครแทนที่เจ้าได้อีกหรือ หนานกงเวิ่นเทียนที่มาใหม่มีเรือนผมและดวงตาเหมันต์ เขาเป็นผู้สืบทอดที่เหมาะสม เจ้ายังฝันหวานว่าจะได้สืบทอดตำแหน่งเทพเหมันต์อีกหรือ” เซวียนหลิวมองปิงซิน และเซวียนหลิงเองก็ไม่ชอบปิงซินเช่นกัน เสแสร้งยิ่งกว่าอูหยาเสียอีก
“จะตกเป็นของใครยังไม่รู้เลย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าข้าไร้วาสนากับตำแหน่งเทพเหมันต์ เจ้าต่างหาก ข้าได้ยินมาว่าหลงหลิวหลีนั่นควบคุมอัคคีได้สุดยอดมาก แถมยังใช้เพลิงเทพหลายชนิดได้ด้วย คิดๆแล้วเจ้าตกที่นั่งลำบากกว่าข้าเสียอีก” ปิงซินตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“เอาล่ะ พวกเจ้าพอได้แล้ว ยังขายหน้าไม่พออีกหรือ คนเก่าคนแก่อย่างพวกเราถูกคนที่เพิ่งมาใหม่สองคนรังแก ดีมากนักหรือ พวกเราก็ควรสำรวจตนเองดู ถ้าไม่ใช่ท่านพี่จวินหาว ในตอนแรกพวกเราก็ยังห่างชั้นกว่าพวกเขามากมายเหลือเกิน ไม่รู้ว่าถ้าพวกเขาสองคนอายุเท่าพวกเราจะมีพลังบำเพ็ญเพียรถึงขนาด ไหน พวกเราเป็นแค่ผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพ แต่ยังไม่ได้เป็นเทพด้วยซ้ำ ถ้ายังไม่ถึงวินาทีสุดท้ายก็ไม่แน่หรอก พวกเจ้ามีเวลาว่างมาปะทะฝีปากกัน มิสู้รีบใช้เวลาไปพัฒนาความสามารถของตนจะดีกว่า ถือได้ว่าข้าเข้าใจแล้ว พลังบำเพ็ญเพียรเท่านั้นต่างหากถึงจะเป็นของจริง” หลัวหลานพูดพร้อมกำหมัด นี่เป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งของนางที่มีต่อการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมครั้งนี้
“ท่านพี่หลัวหลานข้าสำนึกผิดแล้ว” ทั้งสองคนยอมรับผิดอย่างซื่อตรง แต่ก็ยังไม่มีใครยอมใคร
หลิวหลีที่กลับถึงที่พักก็กระอักเลือดออกมา ปราณสีน้ำนมในร่างกายกำลังฟื้นฟูสภาพร่างกายที่บาดเจ็บหนักของหลิวหลี
“น้องหญิง เจ้าเหลวไหลเกินไปแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนปวดใจเล็กน้อย น้องหญิงของเขาบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้เพื่อเขา
“ไม่เป็นไรหรอก กระอักเลือดออกมาก็สบายขึ้น สมแล้วที่เป็นแม่ทัพเทพข้าเองก็เก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยเลย” หลิวหลีเห็นว่า ถึงการประลองครั้งนี้จะมีเป้าหมายแอบแฝง แต่ก็เก็บเกี่ยวมาได้มาก ตอนนี้นางแค่ต้องการฟื้นฟูร่างกายและลิ้มรสการประลองครั้งนี้ไปพร้อมกัน เชื่อว่าตนเองก็คงพัฒนาขึ้นไม่น้อย
“น้องหญิง ข้าเป็นภาระของเจ้าหรือเปล่า” หนานกงเวิ่นเทียนเศร้าสร้อย ยามฝึกบำเพ็ญ น้องหญิงก็ช่วยเขา ยามมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนอื่น น้องหญิงก็ช่วยเขาอีก ทั้งหมดของเขาล้วนแต่ได้นางคอยช่วยเหลือ เหมือนว่าเขาไล่ตามฝีเท้าของหลิวหลีอยู่ตลอด แต่ก็ได้นางปกป้องจนเขาแข็งแกร่ง มาถึงวันนี้เวลานี้เขาตระหนักได้ว่าเขาแยกจากนางไม่ได้ นางคือทุกอย่างของเขา แต่น้องหญิงของเขากลับมีตัวเลือกที่มากว่า ไม่จำเป็นต้องมาจมปักอยู่กับเขา
“ไม่เลย นับตั้งแต่วันที่รู้ว่าข้าคือร่างเพลิงสุริยาและท่านพี่คือร่างเหมันต์จันทรา โชคชะตาของพวกเราก็ถูกร้อยเรียงเข้าไว้ด้วยกัน บนโลกใบนี้ข้ามีตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวก็คือท่าน แถมข้าก็ยังเต็มใจเสียด้วย หากจะพูดความจริงก็คือในอนาคตมีเพียงท่านพี่ ท่านน่ะไม่ต้องการข้าแล้ว” พอหลิวหลีพูดถึงตรงนี้น้ำเสียงก็เศร้าสร้อยลง เฮ้อ เขาคงเห็นแล้วว่าอันที่จริง คุณสมบัติร่างของท่านพี่เหมาะสมกับทุกคน ไม่ว่าจะกับผู้ชายหรือผู้หญิง แต่นางมีเพียงตัวเลือกเดียวก็คือเขา ดังนั้นหลิวหลีจึงค่อยๆปกป้องหนานกงเวิ่นเทียนอย่างไม่รู้ตัว เพื่อให้เขาคุ้นเคยเพียงแต่กับนาง เพื่อให้ไม่ว่าอย่างไรตัวนางเองเป็นตัวเลือกเดียวที่เขามี การเปลี่ยนคู่ในโลกเซียนโลกเทพถือเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งโลกเทพสนใจแค่ว่ามีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญเพียรหรือไม่ ไหนเลยจะสนใจว่ามีคู่ครองหรือไม่ นางไม่อยากเป็นเช่นนั้น นางอยากอยู่กับหนานกงเวิ่นเทียนไปจนวันสุดท้าย
“ข้าไม่มีทางไม่ต้องการเจ้า น้องหญิง ข้าจะขยันเพื่อจะได้กลายเป็นความภาคภูมิใจของเจ้า” ไม่ใช่คอยแต่จะให้เจ้าปกป้องอยู่ตลอด จะฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอย่างไม่ย่อท้อ เขาเองก็อยากจะครอบครองทุกอย่างเพื่อนาง
“ดี เช่นนั้นท่านพี่ ท่านอยากจะช่วยรักษาภรรยาของท่านไหม ข้าได้ยินมาว่าการบำเพ็ญร่วมนั้นดีต่ออาการบาดเจ็บอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว” หลิวหลีพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
หนานกงเวิ่นเทียนหน้าแดงก่ำ ทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องจริงจัง ฮูหยินของเขาก็มักจะเริ่มเหลวไหล เงามืดที่ลอบดูอยู่ก็ร้อนรนดึงดวงจิตกลับไป การถ่ายทอดสดอะไรที่จะเกิดขึ้นนั้นขอไม่ชมจะดีกว่า
การบำเพ็ญร่วมได้ผลดีทีเดียว บาดแผลของหลิวหลีดีขึ้นมาก และได้บอกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนานกงเวิ่นเทียน เฮ้อ จากนี้ไปต้องใช้ชีวิตโดยถูกเฝ้าจับตามองทุกวัน ยังดีที่ปิดยังเรื่องเส้นผมและดวงตาสีรุ้งของตนเองเอาไว้ได้