ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 203

ใบหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ยหน้าเขียวคล้ำไปหมดแล้ว เขากล่าวกับฮูหยินหลิงหลงด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า “เจ้ายังไม่ไปดึงตัวนางออกมาอีกหรือ?”

ฮูหยินหลิงหลงรีบออกจากโต๊ะไปด้านนอก และดึงตัวเซี่ยหว่านเอ๋อออกด้วยมือข้างเดียว “หว่านเอ๋อ อย่าก่อเรื่องเหลวไหล”

เซี่ยหว่านเอ๋อหันกลับมา ก็พบว่าทุกคนกำลังมองมาที่นางนางรู้ว่าตนเองเสียมารยาทไป ทว่าทันใดนั้นก็ได้นึกขึ้นได้ว่าตนเองได้มอบสมรสให้แก่องค์รัชทายาทแล้ว เป็นพระชายารัชทายาทในอนาคต มีคุณสมบัติที่จะพูดแทนองค์รัชทายาท

ดังนั้นนางจึงรีบเดินกลับเข้าไปในตำหนัก และเงยหน้าขึ้นมองมู่หรงเจี๋ยพร้อมกับกล่าวว่า “ท่านอ๋อง แม้ว่าองค์รัชทายาทจะระดมทหารโดยพละการ แต่ในฐานะองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ จะระดมกองกำลังทหารหนึ่งพันนายไม่ได้เชียวหรือ? ไม่ช้าก็เร็ว องค์รัชทายาทก็จะได้เป็นองค์จักรพรรดิของแผ่นดินนี้ ท่านอ๋องเป็นเพียงผู้สำเร็จราชการที่ดูแลบ้านเมืองแทน ฝ่าบาทมอบอำนาจให้ท่าน ไม่ใช่ให้ท่านใช้อํานาจในทางที่ผิดเพื่อแก้แค้นส่วนตัว วันนี้ท่านสั่งโบยองค์รัชทายาทในราชสำนักต่อหน้าเชื้อพระวงศ์และพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่มากมาย หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจะเป็นการนำความเสื่อมเสียมาสู่บ้านเมือง ฮองเฮาเพคะ พระองค์ว่าจริงหรือไม่เพคะ?”

คำพูดของเซี่ยหว่านเอ๋อก่อให้เกิดความโกลาหล บางคนถึงกับคิดว่านางบ้าไปแล้ว? เมื่อครู่นี้ไม่ได้ยินเปากงกงประกาศพระราชโองการหรือ? ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมีอำนาจที่จะปลดองค์รัชทายาท และที่เขาถูกโบยเป็นเพราะเขาระดมทหารและม้าโดยพละการ เป็นการฝ่าฝืนกฎทหาร

ไม่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องรอง แม้ว่านางจะเป็นผู้หญิงที่ไม่เข้าใจเรื่องราวพวกนี้ แต่ที่นางพูดต่อหน้าเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางชั้นผู้ใหญ่มากมายหลายท่าน ว่ามู่หรงเจี๋ยใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อแก้แค้นส่วนตัว นางฟั่นเฟือนไปแล้วจริงหรือ? นางรู้หรือไม่ว่าผู้ที่บนบัลลังก์นั้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ปัจจุบัน?

ยิ่งไปกว่านั้น นางยังลากฮองเฮาเข้าไปเกี่ยวข้องในปัญหานี้ด้วย นางคิดจริง ๆ สินะว่ามีศัตรูคนเดียวกัน?

แต่นางเป็นบุตรีคนที่สองของจวนมหาเสนาบดี คนในตระกูลสั่งสอน…

ใบหน้าของฮองเฮาแลดูหม่นลงเดิมทีนางไม่ชอบเซี่ยหว่านเอ๋ออยู่แล้ว ทว่าแม้ว่าเซี่ยหว่านเอ๋อจะออกเสียงเพื่อปกป้ององค์รัชทายาท ทว่ากลับโง่เขลายิ่งนัก หลังจากประกาศพระราชโองการไปแล้ว นางกลับกล่าวหาว่ามู๋หรงเจี๋ยใช้อำนาจลงโทษในทางที่ผิด นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการเน้นย้ำอีกครั้งถึงความผิดทุกอย่างที่องค์รัชทายาทเคยทำต่อหน้าเชื้อพระวงศ์และขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายหรอกหรือ?

มหาเสนาบดีเซี่ยรู้สึกอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีในทันที ก่อนที่มู่หรงเจี๋ยจะเอ่ยปากพูดอะไร เขาก็รีบกล่าวขออภัยทันที “ท่านอ๋อง บุตรสาวของกระหม่อมยังอ่อนเยาว์ไม่รู้ความ พูดจาเหลวไหล ท่านอ๋องผู้มีใจคอกว้างขวางได้โปรดยกโทษให้นางด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

มู่หรงเจี๋ยไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองแม้แต่น้อย เพียงแต่หันไปมองที่ฮองเฮา แล้วกล่าวถามเบา ๆ “ท่านคิดว่าที่ว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทกล่าวมามีเหตุผลหรือไม่?”

เซี่ยหว่านเอ๋อมองไปที่ฮองเฮาอย่างคาดหวัง ฮองเฮาที่เห็นตนรักองค์รัชทายาทอย่างสุดซึ้ง จะต้องมีปลื้มปิติมากอย่างแน่นอน

ทว่านางกลับเห็นดวงตาที่ชั่วร้ายของฮองเฮาที่เย็นเยียบราวกับมีดที่แหลมคม

สีหน้าของนางชะงักงัน และรู้สึกสับสนเล็กน้อย

มู่หรงเจี๋ยที่เห็นว่าฮองเฮานิ่งเงียบ ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยนางไป “ได้ยินข่าวมาว่าคุณหนูรองกำลังจะได้อภิเษกกับองค์รัชทายาทและฮองเฮาเป็นคนออกพระราชเสาวนีย์ด้วยพระองค์เอง ฮองเฮาคือพระมารดาผู้ให้กำเนิดองค์รัชทายาท มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องการอภิเษกสมรสของค์รัชทายาทแต่ว่าท่านมั่นใจในตัวคุณหนูรองแล้วหรือ? เรื่องนี้ให้ข้ากับเสด็จแม่พิจารณาให้ดีก่อนแล้วค่อยพูดกันภายหลังเถิด”

ทันทีที่คำพูดนั้นออกมา ความเงียบก็เกิดขึ้น บรรดาสตรีชั้นสูงที่เคยอิจฉาเซี่ยหว่านเอ๋อต่างมองดูนางด้วยแววตาที่เย้ยหยัน ความหมายของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ เป็นไปได้มากว่าจะหมายถึงการเชิญหวงไท่โฮ่วให้มายกเลิกพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาสินะ?

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเซี่ยหว่านเอ๋อไม่สามารถเป็นพระชายาเอกขององค์รัชทายาทได้แล้ว?

ฮูหยินหลิงหลงที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใบหน้านางก็ค่อย ๆ ซีดลง นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? มีพระราชเสาวนีย์ออกมาแล้ว และท่านอ๋องยังทรงตรัสเองว่าฮองเฮามีามีอํานาจในการตัดสินใจเรื่องการอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาท”

มู่หรงเจี๋ยหันไปมองที่ฮองเฮา “ฮองเฮาจะไม่ตรัสอะไรหน่อยหรือ? ฮูหยินของจวนมหาเสนาบดีผู้นี้ ข้าคิดว่านางช่างน่าสนใจมากจริง ๆ”

อ๋องหลี่ยืนขึ้นและกล่าว “ท่านอ๋องเจ็ด นางผู้นี้ไม่ใช่ภรรยาเอกของจวนมหาเสนาบดีพ่ะย่ะค่ะ”

การเตือนความจํานี้ราวกับเป็นการทําให้ฮูหยินหลิงหลงและเซี่ยหว่านเอ๋ออับอายขายหน้า สตรีบางนางได้ปิดปากแอบหัวเราะขึ้นมาแล้ว