ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 204

พระสนมอี๋ที่ไม่ได้พูดอะไรมาเลยทั้งคืนมองดูหยวนซื่อแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา “ฮูหยินเซี่ย ในฐานะภรรยาเอกท่านยินยอมนั่งในระดับเดียวกันกับอนุภรรยาหรือ?”

คำพูดนี้เป็นการแจ้งให้ทุกคนทราบว่าเซี่ยหว่านเอ๋อคนที่องค์รัชทายาทจะอภิเษกด้วยผู้นี้ เป็นลูกอนุ ที่เกิดจากอนุภรรยา

แน่นอนว่าหลายคนรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ก็เป็นอย่างที่ทุกคนรู้กัน มหาเสนาบดีเซี่ยรักอนุภรรยาคนนี้มาก แต่แค่ไม่มีใครพูดหักหน้าต่อหน้าเขาเท่านั้นเอง

จุดประสงค์ของพระสนมอี๋ที่พูดหักหน้าในครั้งนี้ มันแปลกจริง ๆ

ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบของหยวนซื่อ เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี หยวนซื่อก็ยังคงเป็นจุดสนใจในสายตาของทุกคนอยู่ เรื่องที่นางแต่งกับมหาเสนาบดีเซี่ย ก็ยิ่งทำให้ทุกคนแปลกใจมากขึ้น

หยวนซื่อคิดไม่ถึงว่าการสร้างปัญหาของเซี่ยหว่านเอ๋อจะทำให่พระสนมอี๋พุ่งเป้ามาที่นาง แต่นางไม่ได้ดูโกรธเคืองแต่อย่างใด เพียงแต่ลุกขึ้นโค้งคำนับพระสนมอี๋เล็กน้อย และกล่าวออกไปอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต้อยต่ำ “กราบทูลพระสนมอี๋ หม่อมฉันต้องอภัยต่อคำตอบที่กำลังจะตอบด้วยเพคะ ในหนึ่งปีหม่อมฉันแทบไม่ได้เจอพวกเขาเลยสักครั้ง”

มหาเสนาบดีเซี่ยโกรธกับคำตอบของหยวนซื่อมากและใบหน้าของเขาบูดบึ้ง แม้แต่คนอื่นที่อยู่ที่นั่นก็ยังแปลกใจกับคำตอบของนาง บางทีอาจมีคำตอบที่ดีกว่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าคำตอบนี้ทำให้คนคลายความกระจ่าง ในหนึ่งปีแทบไม่ได้เจอกันเลยสักครั้ง นั่นก็หมายความว่าฮูหยินหลิงหลงไม่จำเป็นต้องไปทำความเคารพหยวนซื่อสินะ?

พระสนมอี๋ยิ้มเยาะเย้ย “หนึ่งปีแทบไม่เจอกันเลยสักครั้ง? มันน่าแปลกเสียจริง ในฐานะที่เป็นอนุภรรยาไม่จำเป็นต้องไปทำความเคารพภรรยาเอกหรอกหรือ? นี่เห็นฐานะภรรยาเอกเป็นอะไรไปเสียแล้ว? ท่านเป็นภรรยาที่ถูกต้อง เป็นทั้งผู้มีชื่อเสียงและยังซื่อสัตย์ ท่านผ่านเรื่องแบบนี้มาได้เช่นไร?

หยวนซื่อกล่าว “หม่อมฉันเป็นภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ ดังนั้นหลายปีมานี้หม่อมฉันใช้ชีวิตร่วมกันกับจื่ออันผู้เป็นบุตรสาว ชีวิตของหม่อมฉันก็มีความสุขดีเพคะ”

คำพูดที่เหมือนกับเป็นคนแปลกหน้า คำพูดทึ่บอกว่าเข้ากันได้ดีกับบุตรสาวชีวิตก็มีความสุขดีแล้ว คำพูดเหล่านี้ล้วนเปรียบเสมือนตบหน้ามหาเสนาบดีเซี่ยกับฮูหยินหลิงหลงเข้าอย่างจัง

แผ่นดินต้าโจวเน้นจริยธรรมและการศึกษา ฐานะภรรยาเอกกับอนุภรรยาจะต้องแบ่งแยกชัดเจน ในฐานะที่เป็นมหาเสนาบดีของต้าโจว แต่เรื่องการแบ่งแยกตำแหน่งภายในครอบครัวกลับยุ่งเหยิง ไม่จัดลำดับความสำคัญ จะไม่ให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะได้เช่นไร?

แม้แต่มู่หรงจ้วงจวงที่ตื่นตันจนร้องไห้หลังจากที่ได้เห็นมู่หลงเจี๋ยปรากฏตัว นางก็อดไม่ได้ที่จะกล่าว “จวนมหาเสนาบดีนี่ช่างแปลกเสียจริง ภรรยาเอกไม่ใช่ภรรยาเอก อนุภรรยาไม่ใช่อนุภรรยา วิธีการปกครองครอบครัวของท่านนั้นช่างแปลกยิ่งนัก”

การประชดประชันขององค์หญิงใหญ่ทำให้ผู้คนมากมายต่างหัวเราะออกมา และเสียงหัวเราะนั้นได้แทงทะลุหน้าอกของมหาเสนาบดีเซี่ยราวกับเป็นดาบที่แหลมคม

จื่ออันมองไปที่หยวนซื่อและเห็นการแสดงออกที่สงบของนาง แต่สายตาแลดูอักอ่วนเล็กน้อย ที่ต้องเปิดเผยสถานะและสถานการณ์ของนางที่อยู่ภายในจวนมหาเสนาบดี สำหรับนางที่เดิมทีเป็นคนที่มีความนับถือตนเองอยู่แล้วจึงถือเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก

แต่คำถามของพระสนมอี๋ ไม่ว่านางจะตอบอย่างไรก็ดูไม่เหมาะสมอยู่ดี เพราะตำแหน่งของนางในจวนมหาเสนาบดีแต่เดิมมันก็ไม่ได้เหมาะสมอะไรอยู่แล้ว

นางทำได้เพียงตอบในลักษณะที่สงบเสงี่ยม แต่ก็ไม่ยินดีที่จะพูดโกหกสร้างภาพว่าตนเองมีความสุขดี และเป็นพี่น้องที่แสนดีกับฮูหยินหลิงหลง

นางรังเกียจที่จะทำเช่นนั้น!

ผู้คนในพระตำหนักนี้ดูเหมือนจะลืมไปว่าองค์รัชทายาทถูกทรมานอยู่ด้านนอก แน่นอนว่าเสียงร้องโหยหวนของเขาได้หายไปแล้ว เขาไม่เคยต้องทนทุกข์ทรมานแม้แต่น้อย หลังจากถูกโบยไปสิบที เขาก็สลบไป

แม้ว่าเซี่ยหว่านเอ๋อจะโง่ แต่นางก็รู้ว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา แต่นางไม่เชื่อว่าผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิจะโค่นล้มฮองเฮาได้

นางเชื่อว่าตราบใดที่นางยังคงทำให้ฮองเฮาพอพระทัยได้ต่อไป สถานะพระชายาขององค์รัชทายาทของนางก็จะมั่นคง

ดังนั้นนางจึงอดทนต่อคำเยาะเย้ยของทุกคน คุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์ฮองเฮา และสะอื้นไห้กล่าว “กราบทูลฮองเฮา สถานะของหม่อมฉันกับองค์รัชทายาทนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว หม่อมฉันเห็นพระทัยองค์รัชทายาทมาก เมื่อรู้ว่าพระองค์ถูกตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม จึงอยากจะขอพระราชทาน พระราชานุญาตจากพระองค์ ให้หม่อมฉันอยู่ในวังเพื่อดูแลองค์รัชทายาท จนกว่าอาการบาดเจ็บของพระองค์จะหายดีเพคะ”