แม้ว่าพวกเขาอยากจะประมูล แต่ก็ไม่มีเงินมากพอที่จะเอาออกมา
อัครเสนาบดีกู้แทบจะกระอักเลือดออกมา
กู้ชูอวิ๋นหน้าซีด “ท่านพ่อ เช่นนั้นก็ปล่อยไข่มุกเหวินหยวนไม่เถิดเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้ จะปล่อยไม่ได้ คนเราล้วนแต่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย หากมีไข่มุกเหวินหยวนอยู่ในมือ ไม่ต้องพูดถึงความเป็นอมตะ อย่างน้อยการมีชีวิตอยู่อีกสองสามทศวรรษก็ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นหากมีไข่มุกเหวินหยวน แล้วมีคนมาขอไข่มุก พวกเราก็สามารถให้พวกเขายืมได้ในราคาที่สูง ให้ยืมเพียงไม่กี่ครั้งก็ได้เงินทุนคืนแล้ว”
อัครเสนาบดีกู้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “สิบล้านหนึ่งแสนตำลึง”
เจ๋ออ๋องหน้าเขียวและชูป้าย “สิบล้านห้าแสนตำลึง”
อัครเสนาบดีกู้สะดุ้งตกใจ เจ๋ออ๋องสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงยังเสนอราคาสิบล้านห้าแสนตำลึงได้อีก?
หรือว่าเป็นเช่นเดียวกับเขา หยิบยืมเงินจากผู้อื่น?
เมื่อคิดว่าก่อนหน้านี้เจ๋ออ๋องหยิบยืมเงินจำนวนมากจากผู้อื่น เกรงว่าจะเพิ่มราคาไม่ได้มากนัก
อัครเสนาบดีกู้กัดฟันและกล่าวว่า “สิบล้านห้าแสนห้าหมื่นตำลึง”
“สิบล้านหกแสนตำลึง” เจ๋ออ๋องไม่พอใจ
แม้ว่าอัครเสนาบดีกู้จะเป็นขุนนางระดับสูง แต่ก็เป็นแค่ขุนนางคนหนึ่ง เมื่อเห็นเขาเสนอราคา ก็ยังกล้าที่จะประมูลแข่งกับเขา
“สิบล้านหกแสนหนึ่งหมื่นตำลึง”
“สิบล้านเจ็ดแสนตำลึง”
“สิบล้านเจ็ดแสนหนึ่งหมื่นตำลึง”
เจ๋ออ๋องก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
เพิ่มราคา?
จงใจจะเพิ่มราคาแข่งกับเขา?
เจ๋ออ๋องกล่าวอย่างโกรธเคือง “สิบเอ็ดล้านตำลึง”
องค์หญิงตังตังพูดไม่ออก
นางรอให้พวกเขาทั้งสองคนเสนอราคาให้เสร็จก่อน แล้วนางค่อยเพิ่มราคา แต่ทั้งสองคนเสนอราคาอยู่นานก็ไม่จบไม่สิ้น
โดยเฉพาะอัครเสนาบดีกู้ ทุกครั้งที่เขาจะเพิ่มราคาหนึ่งหมื่นตำลึง
เป็นเพราะเสด็จพี่เจ๋อทรงยกเลิกการหมั้น จึงทำให้อัครเสนาบดีกู้เสียหน้า ดังนั้นอัครเสนาบดีกู้จึงจงใจที่จะกลั่นแกล้ง?
เมื่อคิดเช่นนี้ องค์หญิงตังตังก็ชูป้ายขึ้นและกล่าวว่า “สิบเอ็ดล้านห้าแสนตำลึง”
นางหวังว่าอัครเสนาบดีกู้และเสด็จพี่เจ๋อจะไม่เพิ่มราคาอีก
แต่ไม่คิดว่าทันใดนั้นอัครเสนาบดีกู้จะตะโกนออกมาว่า “สิบเอ็ดล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นตำลึง”
เอ่อ……
เพิ่มราคาหนึ่งหมื่นตำลึงอีกแล้ว?
องค์หญิงตังตังตะโกน “สิบหกล้านตำลึง”
“สิบหกล้านหนึ่งหมื่นตำลึง”
องค์หญิงตังตังโกรธมาก
อัครเสนาบดีกู้ผู้นี้เป็นอะไรกัน?
เป็นเสด็จพี่เจ๋อที่ทรงยกเลิกการหมั้น ไม่ใช่นาง ทำไมต้องมาเสนอราคาแข่งกับนางด้วย?
ต้องการจะทำให้นางยุ่งยากงั้นหรือ?
“สิบเจ็ดล้านตำลึง”
“สิบเจ็ดล้านหนึ่งหมื่นตำลึง”
อัครเสนาบดีกู้ปาดเหงื่อที่เย็นเฉียบ
เขาเพียงแค่ต้องการประมูลไข่มุขเหวินหยวน เพื่อมาเพิ่มอายุขัยของเขา แต่องค์หญิงตังตังและเจ๋ออ๋องกัดเขาไม่ปล่อย
พวกเขาอายุยังน้อย ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บหรือเคราะห์ร้ายใด ๆ แล้วจะเอาไข่มุขเหวินหยวนไปทำอะไร?
หรือเป็นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อกู้ชูหน่วน จึงเอามาลงที่เขา?
อัครเสนาบดีกู้ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้
กู้ชูอวิ๋นขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ท่านพ่อ ไข่มุขเหวินหยวนเป็นล้ำค่าที่ดีที่สุดในโลก ลูกก็หวังว่าจะได้มันมา เพียงแต่ตอนนี้เราไม่มีเงินมากขนาดนั้น เราไม่เอาไข่มุขเหวินหยวนแล้วจะดีกว่า ประมูลแค่ยาเม็ดที่ช่วยฟื้นฟูก็พอแล้ว จะได้ไม่ทำให้องค์หญิงตังตังและเจ๋ออ๋องต้องขุ่นเคือง
“เจ้าจะเข้าใจอะไรไหม ร่างกายของพ่อแย่ลงทุกวัน และอาจจะตายได้ทุกเมื่อ พ่อต้องการไข่มุขเหวินหยวน ลูกสาวคนดี เจ้าช่วยพ่อคิดหาทางว่าจะเอาไข่มุขเหวินหยวนมาได้อย่างไร”
กู้ชูอวิ๋นยังไม่ทันได้พูดอะไร กู้ชูหน่วนก็ตะโกนว่า “ยี่สิบห้าล้านตำลึง”
กู้ชูหน่วนนั่งในที่นั่งธรรมดาและกลอกตา
ทั้งสามคนนี้ประมูลมาครึ่งวันแล้ว และเพิ่มราคาทีละนิด หากประมูลได้ก็น่าแปลกแล้ว