ตอนที่ 206 การซื้อขายมีความเสี่ยงและควรระมัดระวังในการซื้อหุ้น

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน

ตอนที่ 206 การซื้อขายมีความเสี่ยงและควรระมัดระวังในการซื้อหุ้น

“พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ประตู” หยุนเชวี่ยกล่าว

“อืม!” เหอยาโถวตอบรับ ไม่นานเขาก็วิ่งออกจากบ้านโดยไม่เช็ดหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้า “เชวี่ยเอ๋อเจ้ามีเรื่องอันใดหรือ?”

“เจ้าเก็บเงินได้เท่าใดแล้ว?” หยุนเชวี่ยไม่ได้กล่าวทักทายและถามตรงประเด็น

“เอ่อ…” เหอยาโถวนับนิ้วของตนทันที หลังจากคำนวณเป็นเวลานานก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ เขาจึงเกาหลังศีรษะพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮี่ฮี่ ข้าก็ไม่เคยนับเหมือนกัน ตอนนี้คงจะเก็บเงินได้ประมาณสองสามร้อยเหรียญกระมัง?”

“ข้าเก็บเงินได้ 800 เหรียญแล้ว เหตุใดเจ้าถึงมีเงินเก็บเพียงแค่นั้น?!” หยุนเชวี่ยเบิกตากว้างเพราะคิดว่าตนเองฟังผิด

ทั้งสองคนแบ่งเงินคนละครึ่งอย่างเท่ากัน ซึ่งนั่นหมายความว่าเหอยาโถวใช้เงิน 500 เหรียญภายในเวลาไม่ถึงเดือนรึ?!

“ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้จักข้า…” เหอยาโถวแสยะยิ้ม “ข้าเป็นคนเก็บออมเก่งเสียเมื่อไร ได้เงินมาเท่าไหร่ก็ใช้หมด…”

หยุนเชวี่ยนิ่งอึ้ง

พูดง่าย ๆ ก็คือเหอยาโถวเป็นนายน้อยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินหรือเรื่องเสื้อผ้า อีกทั้งยังเป็นคนใจกว้าง ดังนั้นเงินในกระเป๋าไม่ทันอุ่นก็ปลิวออกไปอีกแล้ว

“เชวี่ยเอ๋อ เจ้าต้องการใช้เงินหรือ? เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเจ้า?” เหอยาโถวเอ่ยถาม

“จุ๊ ๆๆ ปากเสีย” หยุนเชวี่ยจุปากสองสามครั้งพลางเอื้อมมือไปหยิกแขนของเหอยาโถว “ครอบครัวข้าปกติดี มีความสุขมาก!”

“โอ๊ย… เจ็บ!” เหอยาโถวหัวเราะคิกคักก่อนวิ่งไปหลบด้านหลัง

ทั้งสองคนหยอกล้อกันอยู่ด้านนอกประตู เมื่อป้าสะใภ้เหอที่เพิ่งตื่นจากการพักผ่อนยามเที่ยงเดินออกมาจากบ้าน หยุนเชวี่ยจึงส่งยิ้มกว้างให้นางทันที

“เชวี่ยเอ๋อ เจ้าออกไปทำอะไรนอกบ้านน่ะ! เหตุใดถึงไม่เข้ามาในบ้าน? ไปนั่งเล่นในห้องโถงก่อนสิ เดี๋ยวป้าจะเอาของว่างมาให้”

เมื่อพูดจบ ป้าสะใภ้เหอจึงหันไปต่อว่าเหอยาโถว “เชวี่ยเอ๋อมาหาทั้งที เหตุใดถึงปล่อยให้นางยืนอยู่นอกบ้านเล่า! ยังไม่รีบพานางเข้ามาอีก!”

เหอยาโถว “…”

“อย่าลำบากท่านป้าสะใภ้เลย เหตุใดพวกเราถึงต้องเกรงใจกัน?” หยุนเชวี่ยตบบ่าเหอยาโถว “ข้ามาชวนเขาออกไปด้านนอกเจ้าค่ะ”

“จะออกไปข้างนอกกันอีกแล้วหรือ?” ป้าสะใภ้เหอเดินมาที่ประตูขณะมองหยุนเชวี่ยและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ป้าจะทำเกี๊ยวน้ำไส้กะหล่ำปลีและไข่ เจ้ามากินด้วยกันสิ!”

“เจ้าค่ะ! ขอบพระคุณท่านป้าสะใภ้ยิ่งนัก!” หยุนเชวี่ยไม่ปฏิเสธ แต่กลับตอบรับอย่างใจกว้าง นางไม่สนใจสายตามีความสุขของมารดาของเหอยาโถวที่มองมาแม้แต่น้อย

หมู่บ้านไป๋ซีตั้งอยู่เลียบแม่น้ำ ดังนั้นหยุนเชวี่ยและเหอยาโถวเดินไปตามริมแม่น้ำ พวกเขาหันมองไปรอบ ๆ เห็นพืชผลพร้อมเก็บเกี่ยวจำนวนมาก เมื่อครึ่งเดือนที่แล้วพวกมันยังเขียวชอุ่ม ทว่าเวลาผ่านไปพืชผลเหล่านั้นก็สุกได้ที่ต้อนรับฤดูเก็บเกี่ยวที่กำลังจะมาถึง

เด็กทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ข้างสวนผักที่บ้านของชีจิน แม่ม่ายเหลียวมารดาของชีจินมีความสามารถในการจัดสวนอย่างเป็นระเบียบ แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือยาวล้วนถูกปลูกอย่างเป็นระเบียบ ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความอุดมสมบูรณ์เสียจริง

“ข้าอยากทำกิมจิดองเสียหน่อย หากทำเสร็จภายในสองวันนี้ก็จะทันกินตอนหน้าหนาวพอดี” หยุนเชวี่ยมองไปยังหัวไชเท้าในสวน

“กิมจิรึ?”

“มันคือผักดองน่ะ เราสามารถใช้แตงกวา ถั่วฝักยาว หัวไชเท้า รากบัวมาหมักได้หมดเลย” ความคิดนี้วนเวียนอยู่ภายในหัวของหยุนเชวี่ยเป็นเวลานานแล้ว

ในยุคโบราณไม่มีเรือนกระจกเพื่อปลูกผักและไม่มีผักนอกฤดูกาล ผู้คนจึงสามารถดองผักได้เพียงบางชนิดเท่านั้น อย่างเช่น ชาวบ้านมักดองผักกาดขาวและหัวไชเท้าไว้ในห้องใต้ดิน

พวกเศรษฐีสามารถกินเนื้อตากแห้งได้ในฤดูหนาว ทว่าคนจนส่วนใหญ่กินเพียงกะหล่ำปลี เต้าหู้ หัวไชเท้า และผักดองเพื่อประทังชีวิตให้ผ่านพ้นฤดูหนาวอันยาวนาน

“เจ้าอยากขายผักดองอีกแล้วหรือ?” แม้เหอยาโถวจะเป็นคนซื่อบื้อ แต่ถ้าเป็นเรื่องของเงิน เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของหยุนเชวี่ยทันที

“ผักดองสามารถเก็บรักษาได้นาน อีกทั้งตอนนี้ก็ถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว เจ้าดูนี่สิ” หยุนเชวี่ยหันมองไปทางสวนผักของชีจิน “ผักเหล่านี้หากกินไม่หมดจะเน่าเสียซึ่งไม่คุ้มค่า ไม่สู้เราเอามาหมักแล้วนำมันไปขายในเมืองตอนหน้าหนาวเพื่อหารายได้ไม่ดีกว่าหรือ?”

“เป็นความคิดที่ดีมาก!” เหอยาโถวอยากจะยกขาสองเท้าขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเห็นด้วย “ด้วยวิธีนี้ พวกเราทุกคนก็จะมีรายได้!”

“เจ้าจะร่วมมือกับข้าด้วยหรือไม่?” หยุนเชวี่ยเอ่ยถาม

เหอยาโถวพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง “แน่นอน!”

“แต่เจ้าใช้เงินไปหมดแล้ว เจ้าจะเอาเงินจากที่ใดมาร่วมลงทุนกับข้าเล่า?” หยุนเชวี่ยเอ่ยถามแทงใจดำ

เหอยาโถวหุบยิ้มทันที ขณะนี้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจกับนิสัยฟุ่มเฟือยใช้จ่ายเงินเกินตัวของตนเองแล้ว

เขามองหยุนเชวี่ยด้วยสายตาเป็นกังวล “แล้วเราจะทำอย่างไรกัน? เจ้ามีเงินอยู่เท่าใด? หรือ… ข้าจะยืมเงินของพี่รองก่อนและหาเงินคืนนางทีหลัง?”

หยุนเชวี่ยคำนวณต้นทุนอย่างละเอียดแล้วพบว่าไม่ต้องตั้งแผงลอยขายของใหญ่โต และเงิน 800 เหรียญที่นางมีนั้นก็เกือบจะพอสำหรับการเป็นต้นทุน ส่วนเหตุผลที่หยุนเชวี่ยเอ่ยถามเรื่องหุ้นส่วนกับเหอยาโถว เพราะนางอยากให้เขามีรายได้เช่นกัน

เหตุผลประการแรกคือเหอยาโถวจริงใจต่อหยุนเชวี่ย ทั้งยังยื่นมือช่วยเหลือไม่น้อย เจ้าหมอนี่มีพรสวรรค์เป็นพ่อค้า สมองทำงานไปด้วย ปากก็เจื้อยแจ้วเรียกลูกค้า และที่สำคัญคือเขาเป็นคนมีคุณธรรม ใจกว้างไม่ตระหนี่

หยุนเชวี่ยมีความคิดเกี่ยวกับการค้าเป็นของตนเองเสมอ นางเชื่อว่าแม้พ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นจะฉลาด ทว่าพวกเขาก็เป็นเพียงผู้แสวงหากำไร แต่ผู้ใดที่สามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ต้องเป็นคนใจกว้างและไม่ตระหนี่ถี่เหนียว

นอกจากนี้เหอยาโถวมีอายุเพียง 14 ปีและมีอนาคตที่สดใส ดังนั้นไม่ว่านางจะครุ่นคิดอีกกี่ครั้ง เหอยาโถวก็เป็นหุ้นส่วนที่สามารถไว้ใจได้ที่สุด

“ไม่ต้องหรอก เจ้าจ่ายเงินลงทุนเท่าที่มีแล้วเราจะแบ่งกำไรกันทีหลัง… เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?” หยุนเชวี่ยถาม

“หา… เจ้าว่าอย่างไรนะ?” เหอยาโถวสับสน

“ข้าบอกว่าเจ้าจะลงทุน 200 เหรียญ ข้าลงทุน 800 เหรียญ เมื่อเราได้กำไรเจ้าจะได้รับเงินสองส่วน ส่วนข้าจะได้รับเงินแปดส่วน” หยุนเชวี่ยอธิบาย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหอยาโถวจึงดีใจไม่น้อย “ตกลง! เชวี่ยเอ๋อดีกับข้าจริง ๆ มีเรื่องดีเมื่อใดก็ชวนข้าทำเสมอ!”

หยุนเชวี่ยกลอกตา “เจ้าไม่คิดว่าหากไม่ฟุ่มเฟือยและเก็บเงินได้ตามปกติก็จะได้ส่วนแบ่งมากกว่านี้หรือ”

เหอยาโถวรู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าสามารถดำเนินการค้าให้ประสบความสำเร็จทั้งสองอย่างได้! เจ้าลงทุนเป็นเงินจำนวนมากและความคิดริเริ่มพวกนี้ก็เป็นของเจ้า! เจ้าสามารถจัดการทุกอย่างด้วยตนเองได้ แม้กระทั่งเรื่องแบ่งเงินให้ข้า…”

เมื่อได้ยินเหอยาโถวพูดเช่นนั้น หยุนเชวี่ยก็เข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่าง เพียงแค่ทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก คำขอบคุณจึงไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังรู้ดีว่าต่อไปต้องทำงานอย่างหนักและเก็บออมเงินให้ได้

ทั้งสองคนจับมือและกล่าวว่าจะเริ่มต้นธุรกิจด้วยกัน

ขั้นแรกหยุนเชวี่ยและเหอยาโถวนำเงินของตนมารวมเข้าด้วยกันตามข้อตกลงที่พูดคุยกันก่อนหน้า หยุนเชวี่ยลงทุน 800 เหรียญ ส่วนเหอยาโถวลงทุน 200 เหรียญ

“ข้ายังอยากเตือนเจ้าด้วยประโยคเดิมว่าการซื้อขายมีความเสี่ยงและควรระมัดระวังในการซื้อหุ้น” หยุนเชวี่ยนับเงินอย่างถี่ถ้วนแล้วเก็บใส่กระเป๋า

“ข้ารู้ ๆ มีรายได้ก็ต้องมีขาดทุนเป็นธรรมดา!” เหอยาโถวพยักหน้าราวกับตนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน

ขั้นต่อมาคือเริ่มวางแผนการใช้เงินทุน หยุนเชวี่ยใช้เท้าย่ำดินสองสามครั้งก่อนจะนั่งลงยอง ๆ และหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาขีดเขียนบนพื้นดินพร้อมอธิบาย

ประการแรกทั้งสองคนต้องซื้อไหใบใหญ่เพื่อใช้หมักผักดอง จากนั้นซื้อเครื่องปรุงต่าง ๆ มากมาย และประการสุดท้ายคือต้องนำเงินไปซื้อผักในสวนที่ชาวบ้านกินไม่หมด…