ขึ้นรูปโอสถท้าทายสวรรค์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ในอันตราย!

 

เพื่อที่จะแก้แค้น นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เย่หยวนก้าวขึ้นสู่เส้นทางแห่งการต่อสู้ในชีวิตนี้

แม้ว่าพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งการต่อสู้ของเขาจะสูงมาก กล่าวได้ว่าฝังลึกลงในกระดูก แต่ศาสตร์แห่งโอสถของเขามันสูงส่งเกินขอบเขตขีดจำกัดไปตั้งนานแล้วเช่นกัน

ก่อนที่เย่หยวนจะกลับชาติมาเกิดใหม่ ศาสตร์แห่งโอสถของเขาก็ได้สำเร็จถึงระดับชั้นที่ลึกซึ้งยิ่งแล้ว

มิเช่นนั้น เขาจะไม่มีทางคิดค้นสูตรโอสถท้าทายสวรรค์ขึ้นมาได้เลย ซึ่งนี่เป็นโอสถวิปลาสนัก ทั้งในด้านส่วนประกอและกรรมวิธีการหลอมกลั่น

เพียงว่าสิ่งเดียวที่ชาติก่อนของเขาขาดไปก็คือ ศาสตร์แห่งสวรรค์ และนั้นคล้ายกับหน้ากระดาษแผ่นบางที่มิอาจทะลุผ่านไปได้

ในชีวิตนี้ ไม่เพียงเย่หยวนจะได้รับบัญญัติแห่งจอมโอสถเท่านั้น ทั้งนี้เขายังได้รับวรยุทธศักดิ์สิทธิ์และอักษรจารึกศักดิ์สิทธิ์มากมาย

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ครอบครองศิลาจารึกบัลลังก์พิภพและไข่มุกสยบวิญญาณ ซึ่งของวิเศษทั้งสองชิ้นนี้เป็นถึงสมบัติเวทย์สวรรค์อันยิ่งใหญ่ หากกอปรรวมกันทั้งหมดจึงเกิดเป็นเย่หยวนอย่างในปัจจุบัน

 

วรยุทธสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์นี้ เมื่อเย่หยวนเริ่มสำแดงใช้มัน คล้ายว่าจิตห้วงสมาธิเย่หยวนพลันค่อยๆผสานรวมกับฟ้าดินจนเป็นหนึ่ง

แผนภาพไท่จี๋นนี้ที่อยู่เบื้องหน้าเย่หยวน เขารู้สึกได้ถึงทุกสรรพสิ่งชีวิตบนผืนพิภพ

เสมือนว่าเขากำลังหลอมกลั่นโอสถโดยมีฟ้าดินเป็นหม้อหลอม!

ในที่สุดเย่หยวนก็มาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการกลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์แล้ว

ทันทีทันใดจู่ๆแผนภาพไท่จี๋ก็ปล่อยแสงสาดประกายจ้าทะลุสิบทิศจนผู้คนโดยรอบไม่สามารถลืมตาขึ้นได้

 

เย่หยวนกลายเป็นจุดศูนย์กลางตาพายุเกลียวคลื่น นี่เสมือนกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกรากที่กอปรไปด้วยพลังปราณปริมาณมหาศาล

คราแรกยังคล้านสายธารวารีรวมบรรจบ ยามนี้กลับก่อตัวขึ้นกลายเป็นทะเลไปแล้ว

เย่หยวนถูกห่อหุ้มปกคลุมโดยลำแสงตั้งแต่หัวจรดเท้า นอกเหนือจากนั้นอย่างลี่เอ๋อและคนอื่นๆที่อยู่ด้านนอกกลับไม่สามารถมองเห็นเย่หยวนได้แล้ว

พวกเขารู้สึกราวกับว่า ผืนพิภพแห่งนี้กำลังพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อช่วยให้เย่หยวนหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์ได้สำเร็จ!

 

“หากไม่เห็นด้วยตาคงไม่กล้าทำใจเชื่อ! คงไม่มีใครอีกแล้วบนผืนพิภพนี้ที่สามารถทำได้แบบท่านอาจารย์ปู่! นี่คือความสมบูรณ์แบบ ศาสตร์แห่งโอสถที่สมบูรณ์แบบ!”

กู่เย่วถอนหายใจพร้อมหลากอารมณ์พรั่งพรู

เขาเกิดในตระกูลใหญ่ที่ล้วนแล้วแต่เป็นนักหลอมโอสถชื่อดังและโดดเด่นยิ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ภาพฉากตรงหน้านี้ เขากลับไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมาก่อนเลยสักครั้ง

ภาพนี้ตราตรึงฝังลึกในใจของเขาจนกลายเป็นต้นแบบและปนิฐานสูงสุดของชีวิต

ไม่เพียงกู่เย่วเท่านั้น กระทั้งเหรินตงเองยังยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า

“หลายปีที่ผ่านมา ข้าเฝ้าศึกษาและฝึกฝนเพื่อขัดเกลาตัวเองอย่างหนัก และคราแรกข้าคิดว่า ตนน่าจะเริ่มเข้าใจท่านอาจารย์ได้บ้างแล้วเล็กน้อย ทว่ายามนี้กลับตระหนักชัดแจ้ง พวกเรากับท่านอาจารย์กำลังยืนอยู่บนโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง! กระนั้นเอง นี่กลับเป็นแรงกระตุ้นที่ยอดเยี่ยมนัก ข้าจะเดินตามรอยเท้าท่านอาจารย์อย่างถึงที่สุด!”

 

ภายใต้กระแสน้ำวนแสนเชี่ยวกราก หัวเชื้อสมุนไพรทั้งเก้าก็เริ่มโคจรหมุนติ้วเร็วจี๋

ยิ่งกระแสน้ำวนนี้เชี่ยวแรงเท่าไหร่ หัวเชื้อสมุนไพรทั้งเก้าก็ยิ่งโคจรเร็วขึ้นเท้านั้น

 

ลำแสงค่อยๆเบาบางคลายตัวอ่อน

แผนภาพไท่จี๋เริ่มสลายหายไปอย่างแช่มช้า

เม็ดโอสถสีแดงทับทิมประกายลอยอยู่เหนือฝ่ามือเย่หยวนอย่างเงียบสงบ

 

ทุกคนโดยรอบที่ถอยกรูไปในคราแรก ยามนี้เบิกตากว้างจับจ้องโอสถในมือเย่หยวน พร้อมเร่งปรีตรงเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็นคล้ายเด็กทารก

“พี่ใหญ่ เป็นอย่างไรบ้าง…”

อิ้งหมัวหู่กล่าวถาม

 

“ท่านอาจารย์ นี่คือโอสถท้าทายสวรรค์? ข้ามิอาจบอกได้เลยว่า มันมีจุดบกพร่องตรงไหน! ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบไปหมด!”

 

“ท่านอาจารย์ปู่ช่างน่าทึ่งโดยแท้! ในทัศนะคติของข้า นี่คือจุดสูงสุดของศาสตร์แห่งโอสถแล้วกระมัง?”

กู่เย่วถอนหายใจด้วยความชื่นชม

 

เย่หยวนยิ้มแต่มิได้กล่าวอันใด ยามนั้นเป็นคุนหวูที่โพล่งกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า

“หลอมกลั่นโอสถด้วยยอดเต๋า โอสถเม็ดนี้ได้รับการยอมรับจากสรวงสวรรค์ ช่วยเหลือถึงขั้นที่ว่ายังไม่ส่งบททดสอบแห่งสรวงสวรรค์ลงมาด้วยซ้ำ”

 

เย่หยวนปรับขนาดสายตาจับจ้องไปยังโอสถท้าทายสวรรค์บนฝ่ามือ ทว่าปัจจุบันเขากลับนิ่งเงียบผิดวิสัย แทนที่จะเต้นตื่นดีใจที่ประสบความสำเร็จ

แม้เขาจะรู้ว่านี่ประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม!

 

คุนหวูยิ้มและกล่าวว่า

“เจ้าหนู นี่เท่ากับว่าเจ้าได้การยอมรับจากทรวงสวรรค์แล้ว ในภายภาคหน้า ตราบใดที่ความแข็งแกร่งของเจ้าสูงส่งเพียงพอ ยามนั้นจะได้ขึ้นกลายเป็นจักรพรรดิดินแดนแทนที่ตาแก่จอมเทพนิรันดร์นั้นได้!”

 

คุนหวูคิดว่าเย่หยวนจะต้องตื่นเต้นยินดีกับเรื่องนี้แน่นอน ในความคิดของเขา ตำแหน่งจักรพรรดิดินแดนพฤกษานิรันดร์คือจุดสูงสุดบนผืนพิภพแห่งนี้

แม้แต่เขายังไม่สามาถขึ้นแทนได้เช่นกัน มิว่าจะทรงพลังเพียงใด

 

ทว่า…คุนหวูกลับต้องผิดหวัง

สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนสงบนิ่งอย่างมาก ราวกับมิได้ตื่นเต้นอันใดกับวาจาพวกนี้เลย

 

“จักรพรรดิดินแดน? ท่านอาวุโส แม้ผู้เยาว์จะขึ้นกลายเป็นผู้ปกครองดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทว่าข้ายังคงเดินตามเส้นทางแห่งเต๋าของคนอื่นอยู่ดี แน่นอนว่าเต๋าของท่านจอมเทพนิรันดร์จะกล้าแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าข้ายังคงเดินตามรอยคนอื่นเช่นนี้ ข้าจะไม่มีวันแข็งแกร่งไปกว่านี้ได้เช่นกัน”

เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยอากัปกิริยาแสนสงบนิ่ง

 

คุนหวูหรี่ตาแคบจับจ้องเย่หยวนเจือแววตื่นตะลึง

เขาไม่คิดเลยว่า เย่หยวนจะกล่าวอะไรเช่นนี้ออกมาจริงๆ!

การขึ้นกลายเป็นผู้ปกครองผืนพิภพ แม้ดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้จะเป็นดินแดนที่เสื่อมโทรมแล้วก็ตาม แต่นั้นยังเป็นสถานะศักดิ์ที่ล่อตาล่อใจยิ่งนัก

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของสิ่งแบบนี้ได้!

 

กระนั้นเอง ปรากฏว่าเย่หยวนกลับมิได้สนใจตำแหน่งเหล่านี้เลยแม้สักนิด ซึ่งนี่ทำให้คุนหวูถึงกับลอบถอนหายใจด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริง

หากเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นบนโลกภายนอก คุนหวูจะไม่แปลกใจเลยสักนิด

แต่ที่แห่งนี้คือ ดินแดนพฤกษานิรันดร์ที่ตาแก่จอมเทพนิรันดร์สร้างขึ้น!

และเย่หยวนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งภายในดินแดน!

 

มนุษย์ธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งที่จู่ๆก็ได้ขึ้นกลายเป็นจักรพรรดิดินแดน มีใครบ้างจะไม่ตื่นเต้นดีใจ?

ทว่าเย่หยวนกลับมิได้สนใจมันแม้แต่น้อย!

 

“หุหุ เจ้าหนู เจ้าไม่เหมือนคนอื่น ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงเป็นเจ้าที่ถูกเลือกโดยดินแดนพฤกษานิรันดร์! สิ่งที่เจ้ากล่าวไปล้วนถูกต้อง ผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ทุกคนล้วนมีเต๋าเป็นของตนเอง แม้ว่าเส้นทางสายนี้ที่ต้องบุกเบิกเองจะยากเกินพรรณนา แต่ขอเพียงเจ้ามีความกล้าและไม่ย่อท้อ ความสำเร็จอันไร้ขีดจำกัดก็รออยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว”

คุนหวูกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

แต่ยังมีบางอย่างที่คุนหวูเลือกที่จะไม่กล่าวออกไปนั้นคือ ไม่ใช่ทุกคนที่เลือกเดินบนเส้นทางสายนี้แล้วจะประสบความสำเร็จ ในทางตรงข้าม โดยส่วนใหญ่ต่างพบจุดจบคือความล้มเหลว

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนส่วนใหญ่เหล่านั้นมีประเมินความสามารถของตนเองสูงส่งเกินไป!

ยิ่งไปกว่านั้นเอง เย่หยวนยังไม่ทันเดินออกจากดินแดนพฤกษานิรันดร์เลยด้วยซ้ำ

คำกล่าวเหล่านี้ของเขาจึงดูค่อนข้างคุยโม้โอ้อวดเกินไป

 

เย่หยวนจะมิทราบความคิดอ่านของคุนหวูได้อย่างไร เขาแค่เลือกที่จะไม่สนใจและกล่าวตอบอย่างยิ้มแย้มไปว่า

“ข้าขอกลายเป็นขี้เถาในวันข้างหน้าดีกว่าเป็นคนธรรมดาที่หยุดเดิน!”

 

สายตาอันเฉียบแหลมของเย่หยวน คุนหวูนิ่งเงียบมิกล่าวอันใดตอบ

ภายในใจของคุนหวูค่อนข้างหยามเหยียดไม่น้อย

เป็นความจริงที่พรสวรรค์ของเย่หยวนสูงส่งอย่างยิ่ง แต่นั้นก็เป็นเพียงอัจฉริยะแค่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์

แต่ที่เย่หยวนกล้าคิดเช่นนี้ คุนหวูยังคงรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

การที่เย่หยวนจะมีความคิดเช่นนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า หนทางยังอีกยาวไกล! เอาล่ะ ตอนนี้กลับมิใช่เวลามายืนเถียงกัน ในยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้เยาว์คือการกอบกู้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จากเผ่าปีศาจ หลังจากจัดการธุระเสร็จสรรพก็ยังไม่สายเกินไปที่จะคุยเรื่องนี้”

เย่หยวนระเบิดเสียงหัวเราะดังพร้อมกล่าวขึ้น

 

 

“ท่านอาจารย์ ท่านจะใช้โอสถท้าทายสวรรค์เลยรึไม่?”

เสี่ยวหลู่หยานกล่าวขึ้น

 

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“เวลาไม่รอท่าแล้ว! ข้ากำลังแข่งกับข่านนั่วอยู่ในขณะนี้ เร็วช้าตัดกันเพียงเสี้ยวอึดใจส่งผลถึงแพ้ชนะ! ข้าจะปรับพลังปราณก่อนเสียหน่อย จากนั้นเตรียมการก้าวข้ามขีดกำจัด!”

 

เย่หยวนมิอาจเสียเวลาได้อีกแล้ว  เขาทราบดีว่าทุกอึดใจที่ผ่านไปข่านนั่วก็กำลังฟื้นคืนพลังอย่างช้าๆ

การเดินทางเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้าในคราวนี้ ทำให้เย่หยวนเสียเวลาไปมากโข

ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับว่า ใครกันที่จะประสบความสำเร็จก่อน!

 

หนึ่งวันต่อมา เย่หยวนสามารถปรับให้พลังปราณ ร่างกายและจิตวิญญาณเข้าสู่สภาวะสมดุลได้ในที่สุด จากนั้นเขาก็ตบโอสถท้าทายสวรรค์เม็ดสีแดงทับทิมลงปากของตนทันที

 

 

……………………………

 

 

ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดข่านนั่วก็ออกจากการเก็บตัวและเข้าร่วมกองทัพของเผ่าปีศาจพร้อมเตรียมออกศึกทันที!

 

การมาของทัพศึกเผ่าปีศาจนี้ ทำให้ฟางเทียนตระหนักได้ว่า ข่านนั่วใกล้ฟื้นตัวเสร็จสิ้นแล้ว

ดังนั้น ก่อนหน้าที่ข่านนั่วจะออกมา ฟางเทียนก็ได้จัดแนวป้องกันไว้แล้ว และดึงมวลมนุษย์ทั้งหมดอพยพเข้าสู่ภูมิภาคอสูร เพื่อเตรียมวางแผนรับมือสำหรับมหาศึกสัประยุทธ์ครั้งสุดท้าย!

 

“ฟางเทียน! พระเจ้าผู้นี้กลับมาแล้ว! นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้จะกลายเป็นของข้า ข่านนั่ว!”

เสียงกู่ร้องคำรามคลั่งของข่านนั่วเสมือนฟ้าร้องกึกก้องกังวลไปทั่วเผ่ามังกร