ตอนที่ 689 สงสัยว่าเขาตกหลุมรักผม / ตอนที่ 690 ตบหน้า!

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 689 สงสัยว่าเขาตกหลุมรักผม

“คุณหนูอะไร” เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งไป ต่อมาก็นึกได้ว่าสิงลี่อาจกำลังพูดถึงชาติกำเนิดของเธออยู่ ดวงตาจึงเป็นประกายขึ้น

“ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้า คนที่มารับฉันไปในตอนนั้นคือพ่อแม่แท้ๆ ของฉันใช่ไหม”

เมื่อคิดได้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้ทอดทิ้งเธอ เธออาจยังมีครอบครัวเหลืออยู่ ใจของเหนียนเสี่ยวมู่ก็เต้นรัวขึ้นมองจ้องไปยังสิงลี่ไม่วางตา

รอให้เธอตอบ

วินาทีต่อมา กลับเห็นรอยยิ้มเยาะเย้นของสิงลี่แทน

ยิ้มเหมือนวิญญาณที่อยู่ในนรกที่โผล่ออกมาเพื่อเข่นฆ่าเอาชีวิตผู้คน

“แกเป็นเด็กกำพร้า เด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการ ทำให้พ่อแม่ของฉันตาย ทำให้ฉันเสียโฉม ชีวิตนี้แกไม่มีทางได้รับความสุข ไม่มีทางมีความสุข……”

“คนที่ทำร้ายครอบครัวสิงคือคุณ!” เหนียนเสี่ยวมู่จับข้องมือของสิงลี่ไว้อย่างแรงแล้วตะคอกใส่เธอ

ร้อนรนอยากถามถึงชาติกำเนิดของตัวเอง

“ฉันไม่รู้! ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!” สิงลี่สะบัดมือออก เดินถอยหลังไป แผ่นหลังชนเข้ากับโซฟา หันไปมองตำรวจที่กำลังเดินเข้ามาแล้วก็หัวเราะราวกับคนบ้า

“สิงซิง ฉันขอสาปแช่งแก ชาตินี้แกไม่มีทางหาครอบครัวแกเจอ อยู่โดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต ไม่ตายดี!”

“……”

เหนียนเสี่ยวมู่อยากจะเดินเข้าไป แต่อวี๋เยว่หานจับมือเธอไว้เสียก่อน

ชายหนุ่มส่ายหน้าให้

สภาพตอนนี้ของสิงลี่ ถามไม่ได้ความอะไรหรอก

ยิ่งบังคับถามก็ยิ่งเป็นการยั่วยุเธอ

มีคลิปเสียงกับภาพปลอมๆ ที่ปล่อยไปบนอินเตอร์เน็ต สิงลี่ก็ถูกตำรวจกุมตัวไปสอบสวนอย่างรวดเร็ว

ห้องรับแขกอันกว้างใหญ่เลยเหลือแค่คนสามคน

เหนียนเสี่ยวมานั่งอยู่บนโซฟา ในสมองเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อครู่ของสิงลี่

สิงลี่เรียกเธอว่าคุณหนู

คนในตระกูลสิงเป็นญาติของเธอแท้ๆ แต่สองสามีภรรยาสิงกลับไม่ค่อยให้เธอได้พบกับญาติคนอื่นๆ

ของที่เธอกินเธอใช้ล้วนมีคนจัดส่งมาให้ ไม่ให้ผ่านมือของคนอื่นเด็ดขาด

สองสามีภรรยาสิงคอยเอาใจใส่ดูแลเธอ ถึงขนาดไม่ยอมทำงาน……

ข้อมูลทั้งหมดมันบอกเธอว่า ชาติกำเนิดของเธออาจจะไม่ธรรมดา

แต่ทำไมเธอถึงได้ถูกส่งไปเลี้ยงที่ตระกูลสิงล่ะ

สิบปีที่แล้ว ใครเป็นคนมารับเธอกลับไป

รับกลับไปที่ไหน

คำถามมากมายผุดขึ้นมาในใจของเหนียนเสี่ยวมู่

แม้ว่าเธอจะคิดอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบสักที

“นอกจากสิงลี่ ตระกูลสิงยังมีคนอื่น” อวี๋เยว่หานมาหยุดอยู่ตรงหน้า มือใหญ่วางลงบนศีรษะของเธอ ลูบไปที่ผมอย่างอ่อนโยน เอ่ยพูดขึ้น

เรื่องที่สิงลี่ไม่อาจพูดออกมาได้ ไม่แน่ว่าคนอื่นๆ ในตระกูลสิงอาจให้คำตอบกับพวกเขาได้

ฟ่านอวี่พยักหน้า เอ่ยสำทับมา “จากที่สิงลี่พูดเมื่อกี้ นอกจากเธอแล้ว สิงฟางก็ชอบตามคุณเหมือนกัน เธอก็น่าจะรู้เรื่องที่คนอื่นไม่รู้ ดูท่า เราควรจะไปคนตระกูลสิงอีกสักรอบ”

อวี๋เยว่หานไม่เอ่ยพูดอะไร พาเหนียนเสี่ยวมู่กลับไปที่บ้านสิงอีกรอบ

บอกว่าไม่ให้ฟ่านอวี่ตามไป แต่ฟ่านอวี่ก็ยังขับรถตามไปเองจนถึงบ้านสิง

ตอนลงจากรถ มือก็ควงกุญแจเล่นไปพลาง เมื่อสบกับสายตาไม่พอใจของอวี๋เยว่หาน แววตาของฟ่านอวี่ก็เปลี่ยนเป็นสนุกสนานขึ้นมาทันที

“ลิ่วลิ่ว บอกคู่หมั้นของคุณว่าอย่าใช้สายตาแบบนั้นมองมาที่ผม ไม่อย่างนั้นผมจะคิดว่าเขาตกหลุมรักผมเข้าให้แล้ว”

เหนียนเสี่ยวมู่ “……”!!

เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองผู้ชายที่หน้าคล้ำไปทั้งหน้าแวบหนึ่ง เธอกลืนน้ำลายลงคอ

แอบบ่นอยู่คนเดียวในใจ ใครกล้าคิดก็คิดไป เธอไม่กล้าขนาดไปสงสัยเรื่องรสนิยมทางเพสของอวี๋เยว่หานจริงๆ

กลัวว่าเธอจะทนต่อผลลัพธ์ไม่ไหว……

ไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยพูดอะไรก็ได้ยินเสียงของสิงฟางดังแว่วมา แล้วเธอก็เดินยิ้มออกมาจากบ้าน

“สิงซิง ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว ฉันรอเธออยู่ตลอดเลย!”

ตอนที่ 690 ตบหน้า!

สิงฟางพูดจบสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ฟ่านอวี่ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่ ร่างทั้งร่างจึงชะงักตะลึงอยู่อย่างนั้น

ดวงตาเบิกโพลง จ้องไปที่ชายหนุ่มไม่วางตา

พักใหญ่ ก็ยังไม่มีท่าว่าจะได้สติ

“คนตระกูลสิงคนอื่นๆ อยู่ไหม ฉันมีเรื่องอยากจะถามพวกเขา” เหนียนเสี่ยวมู่เดินตรงเข้าไป เอ่ยถามออกมาก่อน

สิ้นเสียง สิงฟางก็หลุบตาลง พยักหน้าให้เหนียนเสี่ยวมู่น้อยๆ “อยู่กันครบเลย พวกเขาได้ยินว่าคุณชายหานจะมาเลยไม่กล้าเข้านอน เอาแต่รออยู่”

สิงฟางพูดพลางมองไปที่อวี๋เยว่หานที่ยืนอยู่ด้านหลังของเหนียนเสี่ยวมู่ แววตาซ่อนความตกตะลึงเอาไว้ไม่มิด

ใบหน้าของอวี๋เยว่หานนั้นทำเอาคนหวั่นไหวกันทั้งประเทศได้จริงๆ

ผู้หญิงต้านทานไม่ไหว ผู้ชายเห็นยังต้องอิจฉา ปฏิกิริยาของสิงฟางจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

วินาทีต่อมา สิงฟางจึงตระนักได้ว่าเธอเสียอาการจึงรีบเบี่ยงตัวให้พวกเขาเดินเข้าไปด้านใน

ทุกคนในตระกูลสิงรออยู่ที่ห้องรับแขก

เดิมทีได้ยินว่าอวี๋เยว่หานจะกลับมาอีกรอบ ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว นึกไม่ถึงว่าคนที่มาไม่ได้มีเพียงอวี๋เยว่หานเท่านั้นแต่ยังมีฟ่านอวี่เพิ่มมาด้วย ยิ่งทำให้สงบนิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่

“คุณชายหาน เรื่องที่พวกเราพูดไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความจริง เรื่องที่เสี่ยวลี่ทำพวกเราไม่รู้มาก่อนจริงๆ ถ้าเรารู้มาก่อน ต่อให้เราจะเกลียดสิงซิงก็จะห้ามสิงลี่เอาไว้ ตระกูลสิงของเราไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ตอนนี้หวังแค่ว่าทุกคนจะอยู่กันอย่างสงบสุข”

ป้าสะใภ้รองตระกูลสิงเอ่ยพูดขึ้น

ตอนนี้ตระกูลสิงไม่เหลืออะไรแล้ว อย่าว่าแต่ต่อกรกับตระกูลอวี๋เลย แค่อยากใช้ชีวิตให้สงบไปวันๆ ยังยากเลย

ไม่อย่างนั้น พวกเขาที่เกลียดสิงซิงขนาดนี้จะปล่อยให้สิงลี่ไปปรากฏตัวต่อหน้านักข่าวได้อย่างไร

ไม่ใช่พวกเขาไม่อยาก แต่ไม่กล้าต่างหาก!

“ที่คุณชายของเรามาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อแก้แค้น เพียงแค่คิดว่ามีความจริงบางอย่างที่พวกคุณควรจะรู้เอาไว้” ไม่ต้องรอให้อวี๋เยว่หานเอ่ยพูด ผู้ช่วยที่รีบบึ่งมาที่นี่เดินตรงเข้าไปก่อน

เปิดเสียงบันทึกที่ฟ่านอวี่แอบบันทึกเอาไว้ให้คนตระกูลสิงทุกคนฟัง

คนตระกูลสิงเอาแต่โกรธแค้นสิงซิงหาว่าสิงซิงเป็นคนจุดไฟทำให้ ประมุขของตระกูลสิงต้องตาย จึงทำให้ตระกูลสิงตกอยู่ในสภาพแบบทุกวันนี้

ไม่มีใครคิดมาก่อนเลยว่าพวกเขาจะเกลียดผิดคน

คนที่ทำให้เกิดไฟไหม้ในคืนนั้นไม่ใช่สิงซิง แต่เป็นคนที่พวกเขาเชื่ออย่างหมดใจอย่างสิงลี่

พอเริ่มเปิดเสียงบันทึก ภายในห้องรับแขกก็เกิดความโกลาหลขึ้น

นอกจากสิงฟางแล้ว สีหน้าของคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง

ลุงรองกับป้าสะใภ้รองที่เลี้ยงสิงลี่มากับมืออ้าปากค้างอย่างตกตะลึงมากกว่าคนอื่นๆ อ้าค้างอยู่อย่างนั้นสักพักใหญ่

“เสียงบันทึกนี่ของจริงเหรอ เป็นสิงลี่จริงๆ เหรอ”

ภายในห้องรับแขก ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอ่ยถามขึ้นมา

ไม่รอให้ผู้ช่วยเอ่ยพูด สิงฟางก็เดินเข้าไปก่อน

“สิงลี่ยอมรับออกมาเองแบบนี้ จะเป็นเรื่องโกหกไปได้ยังไง หนูบอกกับทุกคนแล้วว่าตอนนั้นหนูเห็นคนมารับสิงซิงไปกับตา เธอไม่มีทางเป็นคนจุดไฟแต่ทุกคนก็ไม่ยอมเชื่อ หาว่าหนูมองผิด เอาแต่ปักใจเชื่อว่าสิงซิงเป็นคนร้าย”

มีพร้อมทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐาน

ต่อให้คนในตระกูลสิงไม่อยากเชื่อ แต่ในตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาเกลียดคนผิดมาตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้

คนที่เริ่มเรื่องนี้คือสิงลี่!

คนที่มีสีหน้าแย่ที่สุดคือป้าสะใภ้รอง

สิงลี่คือคนที่เธอเลี้ยงมาจนโต นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นคนเจ้าแผนการแบบนี้

เมื่อคิดได้ว่าก่อนหน้านี้เธอพูดหยาบคายกับเหนียนเสี่ยวมู่ ต่อว่าหาว่าเธอคือตัวกาลกิณี แต่ตอนนี้เสียงบันทึกกับคำพูดของสิงลี่ที่อยู่ตรงหน้าเธอมันก็เหมือนกับการที่เธอโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง

แสบร้อนไปหมด

ไม่เพียงแต่เจ็บ แต่ยังมีความหวาดกลัวอีกด้วย