บทที่ 205 หมีเดือดสามตา
“ยิ่งแข็งแกร่ง อำนาจที่ได้รับก็จะยิ่งมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ตอนนี้เจ้าถึงแดนฝึกจิต จะได้รับความช่วยเหลือจากการวุฏจักรชีวิตที่ไม่เกินขอบเขตระดับฝึกจิต”
ได้ยินคำอธิบายของ เทพแห่งวัฏจักรชีวิต หลัวซิวเข้าใจได้ในทันใด ดวงตาของเขาเปล่งประกาย
ถ้ามันเป็นไปตามที่เทพแห่งวัฏจักรชีวิตกล่าว งั้นสำหรับเขาแล้ว วัฏจักรชีวิตเป็นขุมสมบัติมหาศาลสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
เทพแห่งวัฏจักรชีวิตกล่าต่อว่า “วิชาปฐมอสูรฟ้าที่สมบูรณ์ ต้องการการฝึกฝนของผู้สืบทอดถึงขั้นมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่อำนาจในตอนนี้ของเจ้า เจ้าสามารถได้รับส่วนแรกและส่วนกลางบองตอนของวิชาปฐมอสูรฟ้าเท่านั้น”
ขณะที่เขาพูด หลัวซิวรู้สึกลูกแก้วความเป็นตายในส่วนลึกของจิตวิญญาณเขา ส่งข้อเข้าสู่ความทรงจำของเขา ซึ่ง
เป็นวิธีการฝึกฝนของวิชาปฐมอสูรฟ้า”
วิชาปฐมอสูรฟ้า แบ่งเป็นสามบท แรก ส่วนกลาง สอดคล้องกับวิชาการกลั่นร่างถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ 9 ในสมัยโบราณ เป็นผู้จอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งที่มีร่างอสูรฟ้าคิดค้นออกมา
ชานี้เหมาะสำหรับการฝึกฝนของร่างอสูรฟ้าเท่านั้น จอมยุทธ์อื่นๆแม้ว่าจะได้มาก็ไม่สามารถฝึกฝนได้
เนื่องจากข้อจำกัดของพลังอำนาจ หลัวซิวได้วิชาปฐมอสูรฟ้ามาจากเทพแห่งวัฏจักรชีวิตที่ไม่สมบูรณ์สามารถฝึกฝนถึงแดนฝึกจิตเท่านั้น
หลัวซิวหยิบม้วนหยกออกมาจากแหนเก็บของ ใช้จิตสำนำสลักข้อมูลของวิชาปฐมอสูรฟ้าลงไปข้างใน จากนั้นยื่นไปตรงหน้าฮู๋ชิงชิง
“นี่คือ…” ฮู๋ชิงชิงดูงุนงง
“วิชาการฝึกที่เหมาะกับเจ้า ต่อไปเจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองอีกต่อไป” หลัวซิวกล่าว
ฮู๋ชิงชิงรับมาด้วยความสงสัย ใช้จิตสำนึกแทรกซึมเข้าไปในม้วนหยก ใบหน้างามเปลี่ยนไปมา
“วิชาปฐมอสูรฟ้า?”
ตรวจสอบเนื้อหาในม้วนหยกแล้ว ฮู้ชิงชิงก็เพิ่งรู้ว่าร่างกายพิเศษของนาง คือร่างอสูรฟ้า
และวิชาที่บันทึกไว้ในม้วนหยกนี้ ยิ่งประเมินค่าไม่ได้สำหรับนาง
นางมองไปที่หลัวซิวอย่างตื่นเต้น ไม่รู้จะขอบคุณเขาอย่างไรจริงๆ
ฮู๋ชิงชิงบังคับให้ตัวเองสงบลง มองไปที่หลัวซิวที่อยู่ตรงข้าม “เจ้าจะมอบวิชานี้ให้ข้าหรือ?”
อีกฝ่ายช่วยชีวิตนางไว้แล้วช่วยรักษาบาดแผลของนาง แต่ความรู้สึกอ่อนไหวในใจของฮู๋ชิง ยังคงไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะช่วยนางมากมายโดยไร้เหตุผล
แต่ วิชาปฐมอสูรฟ้า สำคัญสำหรับนางมาก หากฝึกฝนได้สำเร็จ นางจะสามารถออกจากที่นี่และติดต่อกับผู้คนจากโลกภายนอกได้
เพราะนางยังเป็นหญิงสาวอายุน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของนางเอง ใครจะอยากอยู่คนเดียวในหุบเขาที่ไม่มีใครรู้จักแห่งนี้ไปตลอดชีวิต?
เดิมที นางหมดหวังแล้ว แต่กลับมีความหวังอีกครั้ง
“ใช่ วิชานี้ข้าไม่สามารถฝึกฝนได้ จึงมอบเจ้า” หลัวซิวกล่าว
ได้ยินคำตอบที่ชัดเจนของหลัวซิว ฮู๋ชิงชิงก็ไม่สงสัยอีกต่อไป นางยืนขึ้นแล้วคำนับขอบคุณหลัวซิว
“เป็นความพยายามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ ลากันที่นี่นะ เจอกันในวันหน้า” หลัวซิวรู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวาในใจของฮู๋ชิงชิง
ฮู๋ชิงชิงส่งหลัวซิวออกจากหุบเขา นางกำม้วนหยกในมือแน่น นางรู้ว่าชีวิตของนางจะเปลี่ยนไปจากนี้ โดยชายหนุ่มคนนี้ที่ชื่อว่าหลัวซิว
“บุญคุณนี้ ข้า ฮู๋ชิงขิงจะจำไว้ในใจ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน”
นางมองแผ่นหลังหลัวซิวที่จากไปไกล ดวงตาสวยงามของนางเปล่งประกาย
……
สำหรับหลัวซิวแล้ว เจอฮู๋ชิงชิงเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆเท่านั้น สิ่งสำคัญในการเดินทางของเขาในครั้งนี้ คือการไปแดนนานาอสูร ที่มีเครื่องหมายไว้ในภาพปริศนา
อาศัยการรับรู้ชีวิตและจิตสำนึกแดนฝึกจิตช่วงกลาง ทำให้หลัวซิวหลีกเลี่ยงอสูรแข็งแกร่งที่พักอาศัยอยู่ในเทือกเขาจิ่วเฟิงได้
สามวันต่อมาเขามาถึงพื้นที่เทือกเขาจิ่วเฟิงที่ใกล้กับเขตการปกครองหวู่เฟิง
“โฮ่ก!”
หมีเดือดสามตาแดนฝึกจิตคำรามด้วยความโกรธ ทุกครั้งที่อุ้งเท้าหมีใหญ่เหวี่ยงออกมา จะทำลายไม้โบราณอันหนาทึบให้หัก เศษไม้กระเซ็น ฝุ่นฟุ้งกระจาย
หมีเดือดตัวนี้สูงเกินสามสิบฟุต ร่างกายของมันเหมือนเนินเขาขนาดเล็ก
“มนุษย์ ตายซะ!”
จิตสำนึกแผ่ขยายออกไป จับชายหนุ่มชุดคลุมดำที่บุกเข้ามาในอาณาเขตที่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรด้วยเจตนาฆ่า
ชายชุดคลุมสีดำคนนี้คือหลัวซิว
ตลอดทางนี้ ยกเว้นอสูรแดนฝึกจิตช่วงปลาย เขาจะเดินอ้อมอาณาอาณาเขตของอสูรแดนฝึกจิตทั่วไปเขาก็ไม่เสียเวลาไปเดินอ้อม
พลังอสูรที่หมีเดือดสามตาตัวนี้ที่ปล่อยออกมาเท่ากับแดนฝึกจิตช่วงกลาง ฝึกจิตขั้น 4 หรือขั้น 5
บูม!
หมีเดือดสามตาวิ่งมาอย่างดุร้าย ท่าทีดุดัน อุ้งเท้าหมีโบกออกไป นำพลังอสูรที่น่าสะพรึงกลัวมากับมัน แล้วตบลงไปที่หลัวซิวอย่างแรง
“หาที่ตาย!”
หลัวซิวตะคอกอย่างมีอารมณ์ ดาบที่อยู่ข้างหลังเขาก็หลุดออกจากฝักทันที และแสงกระบี่เปล่งประกายฟันลงไปยังอุ้งมือหมีที่ตบลงมา
มีเสียงดังกึกก้อง แสงกระบี่แตกเป็นเสี่ยงๆด้วยความรุนแรงของหมีทเดือด มันร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อุ้งเท้าหมีก็ไม่ตบลงไปอีก
“ร่างเนื้อแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้”
รูม่านตาของหลัวซิวหดตัวเล็กน้อย แสงกระบี่เปลวไฟดำที่ฟันลงไปที่อุ้งเท้าของหมีโดยไม่ทิ้งรอยแผลใด ๆ เห็นได้ว่าร่างเนื้อของหมีเดือดสามตัวนี้ ร่างยุทธ์ถึงขั้นสูงสุดแล้ว
แต่นี่ไม่ได้อันตรายสำหรับหลัวซิว เมื่อครู่นี้ เขาเพียงแค่ใช้พลังจิตแท้ เพื่อควบแน่นแสงกระบี่ในการโจมตี หากเขาใช้นักยุทธ์ระดับชั้นล่างในมือ สามารถทำลายการป้องกันของร่างเนื้อขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ของการโจมตี กระบี่ในมือของหลัวซิว แทงเข้าไปที่ดวงตาที่สามของหมีเดือด
จุดคิ้วเป็นจุดอ่อนของหมีเดือดสามตา ขณะเดียวกันนั้น ยังเป็นวิธีโจมตีที่ทรงพลังอย่างยิ่ง สามารถยิงแสงอสูรออกมาไก้ บรรจุการโจมตีวิญญาณ
เพียงว่าหลัวซิวโจมตีเร็วมาก จนหมีเดือดสามตายังไม่ทันได้ใช้วิธีการที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง
“เฟี้ยว!”
ในขณะนี้ แสงกระบี่สีเพลิงเข้ม พุ่งมาจากฟากฟ้า และฟันไปยังหลัวซิวที่เหยียบอยู่บนร่างของหมีเดือดสามตา
“มีคนลอบโจมตี!”
ใจของหลัวซิวกระตุก รู้สึกถึงภัยคุกคามอันทรงพลัง เขารีบให้ดาบออกจากฝักทันที และหมุนเวียนพลังแปรเสวียนเทียนหกเท่า
แสงกระบี่สีเพลิงเข้มถูกเขาฟันออกเป็นเสี่ยงๆ และแรงกระแทกอันทรงพลังทำให้หลัวซิวยืนไม่นิ่ง ถอยหลังไปสองก้าว
หรี่ตาลงเล็กน้อยและมองขึ้นไปในอากาศ ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีแดงเพลิงยืนอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับดาบในมือของเขา
พลังชีวิตของบุคคลนี้ลุกโชน เลือดปราณแข็งแกร่ง เป็นปรมาจารย์ยุทธ์จอมยุทธ์ที่ถึงแดนฝึกจิตระดับ 7
“เป็นแค่การฝึกจิตขั้น1 สามารถต้านทานดาบของข้าได้?”
ชายชุดคลุมแดงแสดงความประหลาดใจออกมา และที่สำคัญที่สุดคือเขาเห็นศพของหมีเดือดสามตาที่เหยียบอยู่ใต้เท้าของเขา
แม้จะมีจะถึงแดนฝึกจิตระดับ 7 ก็ไม่ง่ายที่จะฆ่าสัตว์ร้ายตัวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีวิญญาณของดวงตาที่สาม เขาเองก็ค่อนข้างกลัว
และชายหนุ่มชุดคลุมดำนี้ยังอายุน้อยมาก เขาก็ถึงแดนฝึกจิตแล้ว ต้องเป็นจอมยุทธ์เก่งกาจรุ่นใหม่ที่กองกำลังใหญ่ให้รับการฝึกฝน
ร่างของหลัวซิวก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เขาเผชิญหน้ากับชายชุดคลุมแดงอย่างเย็นชา
แม้ว่าเขาสามารถผ่านด่านมังกรบินชั้น 7 ได้ แต่ก็มีช่องว่างขนาดใหญ่สำหรับแดนฝึกจิตช่วงแรกและช่วงปลาย
หากไม่ใช่เพราะพลังแปรเสวียนเทียน วิชายิ่งเลิศนี้ ต่อหน้าปรมาจารย์ยุทธ์แดนฝึกจิตขั้น 7 เขาไม่มีกำลังในการต้านทานสักนิด
“เจ้าหนู น้ำดีของหมีเดือดสามตานี้มีประโยชน์อย่างยิ่งกับข้า เห็นแก่การที่เจ้าสามารถรับดาบของข้าได้ครั้งหนึ่ง เจ้าไปได้แล้ว” ชายชุดคลุมแดงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม