ตอนที่ 146.3 งานเลี้ยงนักการทูตจาง (3)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ก่อนออกไปบอกว่าตนจะกลับมาก่อนเที่ยง ทว่าตอนนี้พระจันทร์โผล่ออกมาแล้ว ยังกลัวว่านางจะกระวนกระวายไม่หยุดด้วยซ้ำ อวิ๋นหว่านชิ่นเดินเข้าไปในจวน และถามไปพลาง “คุณหนูได้ถามถึงข้าไหม” 

 

หลังจากที่เกาจ่างสื่อลังเลเพียงครู่ ก็ไม่ปิดบัง เพราะองค์ชายสามไม่อยู่ ชายาเอกก็คือนายใหญ่ “ตอนที่พระชายาเพิ่งออกไป คุณหนูถามว่าพระชายาจะกลับมาเมื่อไรทุกๆ เวลาครึ่งก้านธูป หลังจากนั้นคุณหนูออกไปนอกจวนรอบหนึ่ง หลังจากกลับมา ก็เบาลงไปเยอะ……” 

 

“หืม? อาหลัวออกจากจวนแล้วหรือ” ในชาติก่อนอวิ๋นหว่านชิ่นถูกขังอยู่ในจวนทั้งชีวิต ในชาตินี้กลายเป็นคนที่มักออกไปข้างนอก ได้รับรู้รสชาติความลำบากในกรง และที่เข้าใจยิ่งกว่าก็คือ สตรีควรมีพื้นที่ของตนเอง สำหรับเรื่องที่ชุยอินหลัวออกจากจวนเป็นการส่วนตัวนั้น นางไม่ได้ติดใจอะไร 

 

เกาจ่างสื่อมองสีหน้าของนาง แม้ว่าจะแปลกใจเล็กน้อย ทว่ากลับไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร เมื่อก่อนคุณหนูอาหลัวเอาแต่ร้องอยากจะออกจากจวน ทำให้องค์ชายสามดุด่าไปหนึ่งยก ดูๆ แล้วการดูแลคนในครอบครัวของสามีภรรยาคู่นี้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน จึงเอ่ย “ขอรับ พระชายา คุณหนูไปทางทิศของจวนเจ้ากรม น่าจะไปหาพระชายา” 

 

ไม่เห็นนางมาเลยนี่ เด็กคนนี้นี่ ไหนๆ ก็มาแล้ว แต่ไม่เข้าไปหาตนหรือ กลัวถูกด่าสิท่า 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นมาถึงเรือนหลัก แล้วกลับห้องไป 

 

อ่านหนังสือตอนกลางคืนเหมือนทุกวัน หมออิงฝากชูซย่าให้มาบอกเรื่องคืนนั้นที่ปรึกษากับชายาเอกไว้ ว่าไปเล่าให้เหยาเยวี่ยนพั่นฟังแล้ว เหยาเยวี่ยนพั่นเห็นว่าวิธีนี้เป็นไปได้ น่าลอง 

 

จึงบอกว่าทำก็ทำ คนแซ่อวี๋เรียกเจ้าบ้านแต่ละหลังมา ใช้เวลาวันถึงสองวันก็สามารถรวบรวมหนูขาวและคางคกมาได้ไม่น้อย และนำไปเป็นหนูทดลอง มีบางส่วนที่ทนพิษไม่ไหวแล้วตายไป ส่วนที่เหลือให้ยาเป็นอาหาร คนแซ่อวี๋ช่วยทำบันทึกปฏิกริยา เป็นแบบนี้ไปสองสามวัน ได้รับประสิทธิภาพสูงดังคาด และพบแล้วว่ามียาสมุนไพรจีนมีผลต่อหนูทดลอง ต่างก็บันทึกไว้หมดแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีผลต่อคนหรือไม่ แต่เมื่อเทียบกับความคืบหน้าที่ไม่ไปไหนก่อนหน้านี้ นับว่ามาไกลมากแล้ว  

 

เมื่อชูซย่าเอ่ยจบ อดไม่ได้ที่จะโค้งตัว “เป็นเช่นนี้ต่อไป การที่องค์ชายสามจะหายดีเป็นปกติก็เป็นเรื่องช้าเร็วนี้แล้ว อย่างน้อย กลับมาจากเขตฉังชวนครานี้ก็น่าจะได้เข้าหอกับพระชายาแล้ว” 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นปิดหนังสือ คิดถึงฉากในคืนก่อนจากลา แก้มทั้งสองก็ร้อนขึ้น 

 

ในขณะนั้นเอง แม่นมเหอพาชุยอินหลัวเข้ามาตามปกติ 

 

เด็กอ้วนอาบน้ำเสร็จแล้ว เปลี่ยนมาสวมใส่ชุดนอน ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมปุยฝ้ายกันลม เดินเข้ามาก่อนจะถอดออก 

 

อวิ๋นหว่านปิดหนังสือลง พลางยกคิ้วขึ้น เอ่ยถาม “วันนี้ไปที่จวนเจ้ากรม?” 

 

แม่นมเหอคิดว่าชายาเอกจะกล่าวโทษ จึงรีบคุกเข่าลง “พระชายาโปรดยกโทษให้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” 

 

“ยกโทษอะไรเล่า เด็กผู้หญิงก่อนที่จะออกเรือนเป็นช่วงเวลาที่ไร้ความกังวลที่สุด ในช่วงนี้หากไม่มีอิสระแม้แต่น้อย แต่งงานไปก็ยิ่งยากแล้ว” อวิ่นหว่านชิ่นยื่นแขนไปทางชุยอินหลัว “รีบขึ้นตั่งไปนอนได้แล้ว” 

 

หลังจากแต่งงานยิ่งไม่มีอิสระ? ชูซย่าบุ้ยปาก นี่เอ่ยถึงตัวชายาเอกเองมิใช่หรอกหรือ 

 

ชุยชิงหลัวคว้ามือของอวิ๋นหว่านชิ่นอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะขึ้นเตียงไป 

 

ดับตะเกียงปิดม่าน ภายในห้องนอนตกอยู่ในความสงบในช่วงเวลาก่อนนอน 

 

วันนี้แปลกเกินไปแล้ว เด็กอ้วนเงียบเสียอย่างนั้น ไม่เหมือนสองสามวันที่นอนพลิกไปมา แล้วก็ไม่บ่นพึมพำไม่หยุดด้วย อยู่ในผ้าห่มอย่างดี ใบหน้าอวบอิ่มหันขึ้นฟ้า สงบอย่างน่าประหลาด แทบไม่ได้ยินเสียงลมหายใจด้วยซ้ำ 

 

จนกระทั่งได้ยินเสียงอวิ๋นหว่านชิ่นล้มตัวลงนอน ถึงจะได้ยินเสียงเด็กอ้วนข้างกายพึมพำขึ้น “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ข้าไม่มานอนที่เรือนใหญ่แล้ว ข้าโตแล้ว” 

 

สติของอวิ๋นหว่านชิ่นเริ่มเลือนลางลงเล็กน้อย ตอบรับไปอย่างตะกุกตะกัก โตแล้วหรือ เด็กคนนี้เหตุใดเหมือนได้รับพลังลมปราณเสียอย่างนั้น จู่ๆ ก็รู้ตัวแล้วหรือ ทว่าในใจก็ดีใจเหมือนกัน จึงตอบรับไป “ได้สิ” 

 

ชุยอินหลัวคิดครู่หนึ่ง จึงเขย่าแขนอวิ๋นหว่านชิ่นอีกครั้ง ก่อนจะพูดออดอ้อน “เช่นนั้นต่อไปท่านจะอนุญาตให้ข้าออกจากบ้านเมื่อไรก็ได้แล้วใช่ไหม” 

 

แม้อวิ๋นหว่านชิ่นจะง่วงแล้ว ทว่าสมองยังแจ่มใจ ไม่หลงกลแผนที่นางวางไว้ ตอบกลับไปอย่างตั้งใจ “ออกจากบ้านได้ แต่ต้องบอกข้ากับเกาจ่างสื่อล่วงหน้า วันนี้เป็นครั้งแรกก็ช่างเถอะ ครั้งต่อไปก็อย่าออกไปโดยพลการอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะกักบริเวณเจ้า” 

 

ชุยอินหลัวตอบรับอืมอย่างหนักแน่นออกมาครั้งหนึ่ง ริมฝีปากยกรอยยิ้มของความพึงพอใจ 

 

ค่ำคืนนี้ของคนทั้งคู่นั้นแสนหวานจับใจ   

 

สองสามวันต่อมา จดหมายการตั้งครรภ์ของอวิ๋นหว่านถงก็มาถึงจวนฉินอ๋อง 

 

ก่อนหน้านี้ปิดเป็นความลับ ต้องพบกับอนุฟางก่อนถึงจะบอกข่าวคราวได้ แสดงว่ามีปัญหาอะไรแน่ 

 

ทางด้านฉิงเสวี่ยไม่ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่บอกว่าสองสามวันนี้อนุฟางหาโอกาสเพื่อออกจากบ้านโดยเฉพาะ ทว่าไม่ได้เจอกับอวิ๋นหว่านถงอีก เพียงแค่ไปยืมรถม้ากับเซียงหรงคันหนึ่ง ไปยังชนบทนอกเมืองทุกวัน บางครั้งก็ไปบนเขาที่ไกลและกันดารกว่าเดิม หลังจากถึงที่หมายก็เดินเล่นบนเขา สายตาทั้งสองดวงสอดส่องไปมาตลอดเวลา ราวกับกำลังหาสิ่งใดอยู่  

 

หลังจากข่าวดีที่อวิ๋นหว่านถงตั้งครรภ์ มเหสีรองเหวยเป็นคนที่ดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นคนแรก ยืมครรภ์ของชายารองอวิ๋นมาลูบต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้อยู่หลายครา ได้รับความสงสารไปไม่น้อย 

 

 เว่ยอ๋องไม่มีผู้สืบสกุลมาตลอด อีกทั้งลูกชายคนนี้เป็นลูกรักที่สุด ในวันนี้หนิงซีฮ่องเต้เห็นว่าเขามีทายาทแล้ว ในฐานะที่ยังไม่มีหลาน สีพระพักตร์จึงดีขึ้นมาก บวกกับมเหสีรองพูดโน้มน้าวอยู่ข้างกาย จึงประทับใจอยู่ไม่น้อย 

 

คนในวังต่างก็มองออก กลัวแต่ว่าครรภ์ครั้งนี้ของชายารอง จะทำให้หนิงซีฮ่องเต้ใจอ่อน ช่วยลดโทษให้กับเว่ยอ๋องได้! 

 

สองวันให้หลัง ฟ้าสว่างเร็วกว่าปกติ ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว เป็นวันที่แดดออกสดใสวันหนึ่ง 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย เกาจ่างสื่อเข้ามาในเรือนหลัก บอกว่าเจี่ยไทเฮาเรียกให้พระชายาเข้าวัง 

 

ที่แท้ก็เพราะอวิ๋นหว่านชิ่นแต่งหน้าให้เจี่ยไทเฮาเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงคราวก่อน ฮูหยินท่านทูตชนเผ่าซีอวี้แห่งอาณาจักรอาหรับผู้ที่งดงามเหนือใคร ออกปากชมการแต่งหน้าของไทเฮาในงานเลี้ยงอยู่หลายประโยค 

 

 เจี่ยไทเฮาก็ไม่ใช่คนถ่อมตนอะไร ถามกลับอย่างภูมิใจเกี่ยวกับพระชนมพรรษาของตนกับฮูหยินท่านทูต ตัวเลขที่ฮูหยินท่านทูตทายออกมา ทำให้ไทเฮาดีใจแทบแย่ 

 

ฮูหยินท่านทูตผู้นี้ไม่ได้ทำเพื่อประจบประแจงไทเฮา อย่างที่ทราบกันดีว่าอาณาจักรอาหรับอยู่ห่างไกลจากต้าเซวียน เป็นประเทศเอกราช ซีอวี้มีมิตรภาพอันดีกับต้าเซวียน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจต้าเซวียน การตามสามีผู้เป็นตัวแทนของฮ่องเต้ในประเทศตัวเอง มาที่เย่ว์จิงที่ห่างไกลเป็นพันลี้แห่งนี้ ก็เพื่อเจรจาการเปิดเส้นทางการค้า และฮูหยินท่านทูตผู้นี้มีชื่อเสียงเรื่องทะนงในความงามของตน นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในประเทศตนเอง ไม่เคยได้ยินว่าชมผู้ใดงามมาก่อน 

 

จะให้สตรีคนหนึ่งชมสตรีอีกคนว่ารูปงามนั้นยากอยู่ในระดับหนึ่ง จะให้หญิงงามคนหนึ่งชมผู้หญิงอีกคน ก็ยิ่งยากราวกับปืนขึ้นฟ้า แสดงว่าฮูหยินท่านทูตรู้สึกชอบการแต่งหน้าของไทเฮาจริงๆ  

 

เนื่องจากใกล้ถึงวันพระราชสมภพของเจี่ยงฮองเฮาแล้ว ฮูหยินท่านทูตจึงอยู่ที่นี่ต่อตามสามี ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมงานพระราชสมภพของฮองเฮาแห่งต้าเซวียนแล้วค่อยกลับ ดังนั้นยังอยู่ที่วังจนถึงตอนนี้ 

 

และสองสามวันนี้ ฮูหยินท่านทูตผู้นั้นคิดหาวิธีของให้ไทเฮาสอนการแต่งหน้าให้กับตนไม่หยุด หลังจากได้เห็นสีของชาดทาแก้มและปากของไทเฮาที่ตำหนักฉือหนิงในวันนั้นแล้ว ยิ่งออกปากชมไม่หยุด พูดเพียงแต่ว่าเนื้อแป้งละเอียด กลิ่นหอมติดทนยาวนาน ซีอวี้แดนที่รุ่งเรืองเรื่องเครื่องหอม ยังนับว่าของที่ไทเฮาใช้นั้นเป็นของชั้นเยี่ยม 

 

วันนี้ตอนเช้า เจี่ยไทเฮาเห็นว่าอากาศดี จึงจัดงานเลี้ยงวัง ตั้งโต๊ะที่สวนหลวงสองสามโต๊ะ พร้อมกับเจี่ยงฮองเฮาและมเหสีรองเหวยมาดื่มชาและฟังเพลงเป็นเพื่อนกับฮูหยินท่านทูต และเห็นว่าฮูหยินท่านทูตพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว จึงใช้โอกาสนี้ เรียกบรรดาสะใภ้ราชวงศ์เข้ามาร่วมงานเลี้ยงด้วย