ตอนที่ 147.1 ได้เพื่อนใหม่ เจรจการค้าด้วยภาษาตะวันตก (1)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

คนที่ไทเฮาเรียกให้เข้าวังก็คืออวิ๋นหว่านชิ่น ราวกับว่าอยากจะแนะนำฝีมือของชายาเอกฉินอ๋องให้กับฮูหยินท่านทูตในงานเลี้ยง 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นรู้ว่าการมาของฮูหยินท่านทูตในครั้งนี้คือมาเจรจาการค้าจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าวัง  

 

 

นางพาพวกชูซย่าไปด้วยกัน ทั้งสามคนออกจากจวนอ๋อง ทว่ากลับเป็นบุรุษแต่งเครื่องแบบองครักษ์สองคนยืนอยู่ที่ด้านล่างของบันไดแล้ว ตัวสูงใหญ่อาจหาญ สวมชุดลำลอง ในมือของทั้งสองถือเชือกบังเ**ยนสีแดงสด พอเห็นเจ้านายออกมา ก็ทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง 

 

 

ก่อนที่ฉินอ๋องจะไป เขาได้บอกไว้ว่าจะหาผู้ติดตามมาให้สองสามนาย ต่อไปหากนางจะเข้าวัง จะต้องติดตามไปด้วย คิดว่าคงเป็นสองสามคนนี้ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นพยักหน้าให้กับองครักษ์สองสามนายนั้น ก่อนจะขึ้นรถม้าไป 

 

 

ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่า รถม้าก็มาหยุดอยู่ด้านนอกกำแพงวัง 

 

 

พออวิ๋นหว่านชิ่นลงจากรถ ภายนอกประตูเมืองมีรถม้าสีม่วงผ้าม่านสีแดงสองสามคันมาจอดเทียบอยู่ก่อนแล้ว สะใภ้ราชวงศ์ที่ได้รับคำเชิญไปร่วมงานเลี้ยงก็พากันทยอยลงรถ ก่อนจะเดินเข้าไปในประตูเมือง ภายใต้การนำทางของคนในวัง  

 

 

ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงทางการทูต ผู้ร่วมงานมีคนจากประเทศอื่น โดยเฉพาะได้ยินมาว่าฮูหยินท่านทูตจากอาหรับสวยสดงดงาม เพื่อไม่ให้ขายหน้า สะใภ้ต้าเซวียนหลายคนต่างก็แต่งตัวกันอย่างอลังการ 

 

 

หลังจากมีสองสามคนเดินเข้าไปในประตูเมือง กลับได้ยินเสียงหยุดม้าดังอื้ออึงเป็นเวลานาน ก่อนที่รถม้าหรูหราคันหนึ่งจะหยุดลง 

 

 

สตรีวัยแรกแย้มแต่งองค์ทรงเครื่องยกใหญ่ รูปร่างงดงามหรูหราไร้ที่เปรียบ รายล้อมคนประคองทั้งหน้าหลัง ลงรถอย่างช้าๆ เดินเข้าประตูเมืองจากการประคองทั้งซ้ายขวาอย่างเชื่องช้า เพียงเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นแค่แวบเดียว เบะปาก “พี่ใหญ่” 

 

 

คิดไม่ถึงว่า อวิ๋นหว่านถงจะเข้าร่วมงานเลี้ยงของวังด้วย 

 

 

ดูเหมือนว่าจะได้หน้าไม่น้อยด้วย เป็นเพียงแค่ชายารองนางหนึ่ง แทบจะได้รับสวัสดิการของชายาเอกอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นคุณงามความดีของลูกในท้อง 

 

 

“บังเอิญเสียจริง ไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะตอบรับพระราชประสงค์เข้ามาในวังด้วย” อวิ๋นหว่านถงกรอกตาไปมา ผิดกับคนในอดีตราวคนละคน จับข้อศอกของสาวใช้ทั้งสองด้าน สายตาประเมินอวิ๋นหว่านชิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืดเอวตรง ไร้ซึ่งความเคารพเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายาเอกท่านอ๋องแม้แต่น้อย 

 

 

ชายารองขององค์ชายยังมีสิทธิ์ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในวัง ชายาเอกองค์ชายเช่นนี้เข้าวังมันน่าประหลาดใจมากหรือ ชูซย่า ฉิงเสวี่ยและเจินจูสีหน้าเปลี่ยนทันที ทว่ากลับได้ยินเจ้านายของตนเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ในวันนี้ทั้งเจ้าและข้าต่างเป็นคนของราชสำนัก อีกทั้งที่นี่ยังเป็นพระราชวัง มิใช่เรือนตัวเอง เมื่อเจอกันยึดธรรมเนียมตำแหน่งสูงตำแหน่งต่ำจะดีกว่า” 

 

 

พวกชูซย่าสองสามคนหลุดเสียงหัวเราะ “ชายารองอวิ๋นเมื่อพบกับชายาเอกฉินอ๋อง ต่อให้ไม่คุกเข่าทำความเคารพ อย่างน้อยก็ควรคารวะ” 

 

 

ในขณะเดียวกัน สะใภ้ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงในวังที่ลงจากม้าก่อนและหลัง เดินผ่านประตูเมือง เนื่องจากมีการรายล้อมไปด้วยสาวใช้และผู้ติดตาม จึงทำให้ชะลอความเร็วโดยไม่รู้ตัว และจ้องมองมาทางด้านนี้ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นชำเลือง คือชายาเอกลู่อ๋อง ชายาเอกขององค์ชายใหญ่และชายาเอกเยว่อ๋อง ชายาเอกขององค์ชายรอง ชายาขององค์ชายจวนอ๋องลู่คือชายาเอกลูกชายคนโตขององค์ชายใหญ่ ครั้งนี้ตามแม่สามีเข้าวังมาพร้อมกัน 

 

 

ยังมีสตรีอายุน้อยผู้ออกเรือนแล้ว สวมเสื้อคลุมยาว ทำมาจากผ้าฝ้ายสีเขียวเข้ม ปักดิ้นทอง ดูงดงามนุ่มนวล สง่างาม อ่อนช้อยทรงเสน่ห์ อวิ๋นหว่านชิ่นสายตาพลันชะงัก คือชายาเอกของจิ่งหยางอ๋อง เป็นลูกสะใภ้ของซ่งอ๋องและตระกูลอวี๋แห่งสวนแอปริคอตนั่น 

 

 

คู่สามีภรรยาซ่งอ๋อง ทั้งสองอยู่เคียงคู่กันมาตลอดชีวิต ไม่รู้ว่าจิ่งหยางอ๋องได้เห็นภาพเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก คำสอนที่ไม่รับอนุจึงเข้ากระดูก ส่งผลต่อความคิดอ่านของเขา ในตอนนี้ก็มีเพียงชายาเอกเพียงผู้เดียว นั่นก็คือชายาเอกจวิ้น จากตระกูลพาน 

 

 

ด้านนี้ อวิ๋นหว่านถงได้ยินคำพูดของชูซย่า เกิดความรำคาญในใจ ก่อนจะใช้มือกุมท้อง แสดงสีหน้าราวกับได้รับความทรมาณ “ข้าก็อยากคารวะเช่นกัน ทว่า…” สายตาพลันผลุบลง มองดูท้องแวบหนึ่ง ทั้งยังแอบหยิกยวนยางอีกหนึ่งที 

 

 

พอยวนยางเข้าใจ ก็รีบกระโดออกไปด้านหน้าสองสามก้าว ไม่กล้ามองตาอวิ๋นหว่านชิ่น หันไปทางพวกชูซย่า พลางชูคอ “ชายารองของข้าตั้งครรภ์ ไม่สะดวกคารวะ” 

 

 

“ในเมื่อตั้งครรภ์ แต่ไม่อยู่พักรักษาตัวที่จวน วิ่งไปนู่นมานี่อยู่ข้างนอก ไม่กลัวว่าจะทำร้ายครรภ์ของชายารองหรือ นี่เป็นถึงสายเลือดและความหวังของเว่ยอ๋องเชียวนะ หากสูญเสียไปจะเป็นอย่างไร” ชูซย่าเอ่ย 

 

 

คิ้วได้รูปของอวิ๋นหว่านถงตั้งขึ้น อวิ๋นหว่านชิ่นชายาเอกฉินอ๋องผู้นี้แตะต้องไม่ได้ แม้แต่บ่าวยังแตะต้องไม่ได้ แต่ก็มีครรภ์คอยคุ้มกันอยู่ กลัวอะไร พลางกัดฟัน “บังอาจสาปแช่งสายเลือดราชวงศ์! ตบปาก!” 

 

 

ในขณะที่ยวนยางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ยกแขนขึ้นหันไปทางใบหน้าของชูซ่า อวิ๋นหว่านชิ่นยกแขนขึ้น จับข้อมือของยวนยาง ดวงตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง “บ่าวชั้นต่ำ!” 

 

 

ยวนยางเปลี่ยนสีหน้าทันที ต่อสู้ ขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าชายาเอกฉินอ๋องตรงหน้าไม่ได้ใช้แรงแม้แต่น้อย เพียงจับเอาไว้ แขนเสียงดัง เปรี๊ยะ ท่าทางชัดเจนมาก 

 

 

ในชั่วพริบตา นางเห็นรอยยิ้มเย็นตรงมุมปากของชายาฉินอ๋อง ในขณะเดียวกัน สายตาของผู้ติดตามสองนายที่อยู่ด้านหลังอวิ๋นหว่านชิ่นพลันดำมืด คนหนึ่งเดินออกมาข้างหน้า ก่อนจะประนาม “บังอาจ! ทำพฤติกรรมชั้นต่ำต่อพระชายา!” บิดแขนทั้งสองข้างของสาวใช้คนนั้น ยกลอยขึ้นจากพื้นหลายนิ้ว ยังไม่ทันที่ยวนยางจะร้องออกมา ก็โยนนางกลับไปแล้ว! 

 

 

ร่างของยวนยางหันไปทางเจ้านายของตน อวิ๋นหว่านถงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จะหลีกทันได้อย่างไร โชคดีที่วันนี้พาบ่าวมาหลายคน บรรดาบ่าวใช้เดินออกไปข้างหน้าเป็นพรวน กลายเป็นกำแพงคน ที่คอยกันยวนยางแทนเจ้านาย 

 

 

ยวนยางล้มลงจนสิ้นฤทธิ์ กว่าจะลุกขึ้นมาได้ น้ำตาตกเดินกลับไปอยู่ข้างเจ้านาย 

 

 

ด้านฝั่งของจวนเว่ยอ๋องชุลมุนวุ่นวาย อวิ๋นหว่านถงโมโหไม่น้อย ในเวลานั้นเองสายตาพลันสว่างวาบ สีหน้าผ่อนคลายลง 

 

 

ภายในกำแพงวัง ข้าหลวงผู้สวมชุดผ้าไหม ไหล่เรียวบาง เป็นเครื่องแต่งกายของวัง พาขันทีสองสามคนถือแผ่นป้ายคำสั่งออกจากประตูเมือง ยังมีเกี้ยวหนึ่งคันตามหลังมา 

 

 

ข้าหลวงที่เดินนำ คืออิ๋นเอ๋อร์สาวใช้ข้างกายของมเหสีรองเหวย 

 

 

คนกลุ่มหนึ่งเพิ่งเดินออกมา ขันทียิ้มไปทางฮูหยินที่ยังไม่ได้เข้าประตูวัง เอ่ย “ขอให้ทุกท่านรอสักครู่” 

 

 

รอสักครู่หรือ ไม่ได้ให้เกี้ยวของชายาราองจวนเว่ยอ๋องเข้าไปก่อนหรืออย่างไร 

 

 

วางท่านัก! สะใภ้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวัง ไม่ได้มีคุณงามความดีอะไร ปกติแล้วก็ลงรถที่หน้าประตูเมือง แล้วเดินเข้าไปโดยมีข้าหลวงเป็นผู้นำทางเข้าวัง 

 

 

มีเพียงแค่ชายารองเว่ยอ๋องเท่านั้น เพราะว่าตั้งครรภ์ ทำราวกับมีสมบัติล้ำค่าเปราะบางแตกหักง่ายดายก็มิปาน นอกจากจะเรียกเกี้ยวแล้ว ยังมีข้าหลวงอีกกลุ่มใหญ่ประคองหน้าหลัง 

 

 

ใครบ้างที่ไม่เคยท้อง แล้วลูกที่ตนท้องนั้นมิใช่ลูกหลานของราชวงศ์หรอกหรือ ไม่เคยเห็นการปรนนิบัติดีเท่านี้มาก่อน! 

 

 

สตรีผู้สูงศักดิ์หลายคนแอบไม่พอใจ พอเห็นคนของมเหสีรองเหวยอยู่ด้านหลัง ก็ไม่กล้าจะพูดอะไร ได้แต่แอบกระซิบกระซาบกัน ก่อนจะหลีกทางไปอยู่ด้านข้าง ให้รถเกี้ยวเข้าไปก่อน 

 

 

อิ๋นเอ๋อร์เดินเข้ามา พอเห็นข้าวของระเกะระกะ สีหน้าเปลี่ยนทันที ก่อนจะฟังคนมากระซิบบอก เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว จ้องไปยังชายาเอกฉินอ๋องแวบหนึ่ง ก่อนจะชี้ไปยังบ่าวของจวนเว่ยอ๋อง ทำเป็นดุด่าพวกเขา “บ่าวใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้หรือว่าชายารองกำลังตั้งครรภ์ หากทำให้ทายาทของเว่ยอ๋องบาดเจ็บ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด ไม่ต้องพูดถึงความพิโรธของฮ่องเต้ มเหสีรองก็ต้องแหลกร่างพวกเจ้าให้สลายเป็นหมื่นชิ้น!” 

 

 

“คำพูดนี้คงไม่ได้เหน็บแนมข้ากระมัง” อวิ๋นหว่านชิ่นคร้านจะอ้อมค้อมกับนาง 

 

 

อิ๋นเอ๋อร์หันกายไปยังชายาเอกฉินอ๋อง เห็นว่านางพูดออกมาชัดเจนแล้ว ก่อนโค้งคารวะ “ชายาเอกฉินอ๋องคงจะรู้ว่าชายารองตั้งครรภ์ ฮ่องเต้มีหลานอยู่ไม่มาก อีกทั้งครรภ์นี้ก็เป็นทายาทคนแรกของเว่ยอ๋อง ฮ่องเต้จับตาดูอย่างใกล้ชิด หากเป็นอะไร ฝ่าบาททรงกริ้ว ก็ไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร…” 

 

 

“ผลที่ตามมา?” อวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ยเสียงเบา แทรกเสียงของอิ๋นเอ๋อร์ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ “เช่นนั้นบ่าวของจวนเว่ยอ๋องตะคอกใส่พระชายาขององค์ชาย แถมยังลงไม้ลงมือ เช่นนี้จะมีผลอะไรตามมาไหม”