ตอนที่ 147.2 ได้เพื่อนใหม่ เจรจาธุรกิจด้วยภาษาตะวันตก (2)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

อิ๋นเอ๋อร์อ้าปากจะพูด ทว่าชายาเอกฉินอ๋องกลับพูดต่อ “…ผู้ติดตามข้ามีใจอยากจะปกป้องนาย จึงนำบ่าวโยนออกไป แล้วบ่าวผู้นั้นเกือบจะชนเข้ากับเจ้านายตัวเอง ข้าต้องรับผลอะไรหรือ” 

 

 

ในเวลานั้นเอง มีเสียงนุ่มนวลของหญิงสาว ไม่เร็วไม่ช้าลอยขึ้นมา “ข้าเห็นกับตาว่าสาวใช้ผู้นั้นเข้าไปตบสาวใช้ของจวนฉินอ๋องก่อน ทั้งยังยกมือขึ้นต่อหน้าชายาเอกฉินอ๋องอีกด้วย” 

 

 

ซึ่งนั่นก็คือแม่นางพานชายาเอกจิ่งหยางอ๋อง 

 

 

ในเมื่อเห็นชายาเอกจิ่งหยางอ๋องเอ่ยเช่นนี้แล้ว คนที่เหลือ ก็คือชายาเอกลู่อ๋องและชายาเอกเยว่อ๋องสะใภ้ครอบครัวเดียวกันต่างก็ตอบรับขึ้นมา พระชายาของลูกชายคนโตแห่งจวนลู่อ๋องก็พยักหน้าตามแม่สามี 

 

 

อิ๋นเอ๋อร์ทำอะไรต่อไม่ได้ จึงปิดปากเงียบ หันหลังไป เผชิญหน้ากับยวนยางแล้วตบไปสามที ก่อนจะตะคอก “ยังไม่ขอโทษชายาเอกฉินอ๋องอีก!” 

 

 

ยวนยางกำลังจะเดินเข้าไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย อวิ๋นหว่านถงไม่ยอมอ่อนข้อให้กับพี่ใหญ่ หยุดบ่าวเอาไว้ หันไปทางอิ๋นเอ๋อร์ “บ่าวของชายาเอกฉินอ๋องมาว่าทายาทราชวงศ์ในท้องข้าก่อน ยวนยางถึงได้ไปตบบ่าวคนนั้น ใครจะอยากจะถูกชายาเอกฉินอ๋องขวางไว้ แล้วทำให้เกิดการปะทะกันเล็กๆ เช่นนี้เล่า” 

 

 

“อย่างนั้นหรือ” อิ๋นเอ๋อร์ขมวดคิ้ว 

 

 

“ว่าทายาทราชวงศ์?” สีหน้าของอวิ๋นหว่านชิ่นเปลี่ยนไป พลันเพิ่มเสียงพูดให้ดังขึ้น หันหน้าไปทางชายาเอกขององค์ชายที่อยู่ข้างกาย “ไม่ทราบว่าประโยคใดของบ่าวข้าไปว่าทายาทราชวงศ์ คำพูดเป็นห่วงเป็นใย กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อร่างกายชายารอง นี่ก็เรียกว่าหรือ” 

 

 

สองสามคนข้างๆ ต่างเป็นชายาเอก จะถือหางให้ชายารองได้อย่างไร เมียหลวงก็ต้องช่วยเมียหลวงอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความไม่พอใจและอิจฉาริษาต่อความอวดดีของชายารองอวิ๋นที่ยังไม่หายไปไหน ต่อให้ในชีวิตประจำวันพวกเขาจะทะเลาะกันเท่าไร ในเวลานี้ต้องโจมตีคนข้างนอกก่อน พากันแกล้งซื่อแล้วตอบว่า “ไม่ได้ยิน”  

 

 

“พวกเจ้า…” อวิ๋นหว่านถงฟึดฟัด โมโหจนแทบจะร้องไห้ ทว่ากลับยังจับแขนของยวนยางแน่น ไม่กลัว มีคนของเสด็จแม่อยู่ จึงหันกลับไปหาอิ๋นเอ๋อร์ เอ่ยอย่างเป็นฟืนเป็นไฟ “อย่างไรเสียก็มีคนยั่วยุก่อน ท่านอิ๋นเอ๋อร์จัดการเอาก็แล้วกัน” 

 

 

จัดการ? นี่คือคำสั่งให้ตนทำหรือ อิ๋นเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ที่นางออกมาก็เพราะเจ้านายสั่งให้มาปกป้องร่างกายของชายารองอวิ๋น ทว่าไม่ได้แอบอ้างบารมีมาอวดเบ่งต่อคนอื่นเช่นนี้ 

 

 

เพียงแค่วิธีที่ชายารองอวิ๋นเข้ามาอยู่ในจวนเว่ยอ๋อง จากการที่ไทเฮายัดเยียดให้เว่ยอ๋อง ก็ไร้เกียรติมากพอแล้ว มเหสีรองเหวยมักรู้สึกว่านางไม่เหมาะกับลูกชาย ทั้งยังไม่ชอบที่นางได้ตำแหน่งชายารองเว่ยอ๋องไป นับตั้งแต่ที่นางแต่งเข้ามาก็มักจะบ่นนางตลอด ว่าร้ายนางต่อหน้าบรรดาข้าหลวงข้างกาย ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะคุณความดีของเด็กในครรภ์ จะเชิญนางเข้าวังและนำเสลี่ยงมาให้นั่งได้อย่างไร  

 

 

สิ่งที่เจ้านายให้ความสำคัญคือก้อนเนื้อในท้องนั่น หาใช่ตัวนางเองไม่ 

 

 

สีหน้าของอิ๋นเอ๋อร์เริ่มไม่พอใจเข้าแล้ว เอ่ยเตือนด้วยเสียงต่ำ “ชายารองอวิ๋น ที่เข้าวังมาในวันนี้ เป็นเพราะมเหสีรองเหวยอยากให้ครรภ์ของท่านมาเชื่อมความสัมพันธ์กับไทเฮาและฮ่องเต้ เพื่อขอให้เว่ยอ๋องพ้นโทษได้เร็วขึ้นหน่อย จะได้กลับมาว่าราชการในเร็ววัน ไม่ใช่ให้ท่านมาก่อเรื่อง!” สะบัดแขนเสื้อ มองดูยวนยาง “ทำไม จะต้องให้ข้าเชิญด้วยตัวเองหรือ” 

 

 

อวิ๋นหว่านถงเหม่อไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจสถานการณ์ ปล่อยมือของยวนยาง 

 

 

ยวนยางกัดฟันเดินเข้าไปตรงหน้าอวิ๋นหว่านชิ่น หมอบลงกับพื้น ก่อนจะกราบลง พลางเอ่ย “บ่าวไม่ควรลงมือกับคนของจวนฉินอ๋อง ยิ่งไม่ควรล่วงเกินชายาเอก…” 

 

 

“ลุกขึ้นมาเถิด” อวิ๋นหว่านชิ่นยกมือขึ้น สายตาอ่อนโยน แม้จะเข้มงวดแต่ก็ใจกว้างมากพอ “แม้กฎในจวนของจวนฉินอ๋องจะเข้มงวด แต่ท่านอ๋องก็ใจกว้างกับบ่าวใช้ ไม่ได้มีนิสัยที่ชอบลงโทษหรือทารุณอะไรตามอำเภอใจ” 

 

 

อิ๋นเอ๋อร์แอบมองชายาเอกฉินอ๋อง ก่อนจะหันไปจ้องชายารองอวิ๋นอีกครั้ง สายตาดุดันอย่างปิดไม่อยู่ อยากจะไปสู้รบตบตีกับเขา แต่กลับทำให้ชายาเอกแห่งฉินอ๋องได้ชื่อเสียงที่ดีงามไป อิ๋นเอ๋อร์เรียกยวนยางที่กราบแล้วเอาหัวกระแทกพื้นจนปูดโปนไปหมดให้กลับมา เอ่ยว่า “ครั้งหน้าหากล่วงเกินเจ้านาย ยังกล้าทำให้ทายาทของราชวงศ์เป็นอันตรายอีกละก็ ข้าจะเด็ดหัวเจ้าออกจากบ่า!” ก่อนจะออกคำสั่งเรียกเสลี่ยงออกมาข้างหน้า ตะโกนว่า “นำชายารองอวิ๋นขึ้นเสลี่ยงไปที่สวนหลวง” และเรียกขันทีที่ออกมาด้วยกันกับนางไปช่วยพยุงอย่างใกล้ชิด 

 

 

เดิมทีภายในใจของอวิ๋นหว่านถงนั้นหวาดกลัวเต็มทน ในเวลานี้เห็นว่าข้าหลวงข้างกายมเหสีรองมานำทางเอง ทั้งยังเป็นเสลี่ยงวังซึ่งก็คือเสลี่ยงส่วนพระองค์ของมเหสีรองจากตำหนักฉางหนิงอีก เสลี่ยงทองลายเมฆมังกรและนกตี๋[1] ประดับด้วยพลอยห้าสี เมื่อรู้ว่านี่คือรางวัลที่สะใภ้คนอื่นไม่ง่ายนักที่จะได้รับ ความโกรธก็หายไป 

 

 

นึกย้อนกลับไปในตอนที่อยู่บ้านแม่ นางถูกพี่สาวสองคนกดขี่ อวิ๋นหว่านเฟยเผด็จการบ้าอำนาจ เพราะมีแม่คอยเป็นที่พึ่งพิง แม้ว่าอวิ๋นหว่านชิ่นไม่มีให้พึ่งพา แต่นางก็มีหมวกของตำแหน่งลูกสาวคนโตอยู่แล้ว ต่อมานิสัยของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่ยอมคนแม้แต่น้อย กดขี่สะใภ้ในบ้านจนไม่เหลือพื้นที่ให้ขยับไปไหน ส่วนนางน่ะ ก็เป็นได้เพียงหญ้าบนกำแพง กำแพงด้านใดแข็งแกร่งก็พิงด้านนั้น นางอุตส่าห์ได้มาอยู่ริมประตูมังกรแล้ว ด้วยดินฟ้าอากาศและผู้คนอำนวยจึงทำให้นางได้เข้ามาอยู่ในจวนเว่ยอ๋อง ตอนแรกคิดว่าคราวนี้จะดีแล้ว ไม่มีคนในตระกูลอวิ๋นที่เก่งกาจกว่าตนแล้ว คิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่จะขวางทางนางเช่นนี้! แม้แต่บ่าวรับใช้ชั้นต่ำข้างกาย ยังได้เข้าวังมาถวายตัว ในอนาคตอาจจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระสนมอีก! 

 

 

ทว่า ตอนนี้โชคดีแล้ว…… 

 

 

ด้วยครรภ์นี้ ทำให้มีความหวังในการพลิกชีวิต 

 

 

เมื่อวันก่อนรู้ว่าอวิ๋นหว่านถงกำลังตั้งครรภ์ มเหสีรองเหวยจึงส่งคนในวังออกไปที่จวนเว่ยอ๋อง เพื่อส่งยาบำรุงราคาแพงจำนวนมาก นอกจากนี้นางยังย้ายแม่นมหลังวังที่มีประสบการณ์สองคนไปดูแล และสั่งให้จับตาดูเว่ยอ๋อง ให้เขาอยู่กับชายารองให้มาก 

 

 

อวิ๋นหว่านถงงยังคงจำได้ดีจนถึงวันนี้ว่าเมื่อเว่ยอ๋องได้รับคำสั่งด้วยของมเหสีรอง มองดูตัวเองครั้งหนึ่ง แสดงสีหน้าอย่างระมัดระวัง ซึ่งไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน อีกทั้งไม่มีการดูถูกและละเลยดั่งเช่นในอดีตอีกแล้ว 

 

 

ในวันนี้เมื่อพบกับชายาเอกผู้เป็นพี่สาว ยังจะต้องยอมถอยให้กับนางอีกหรือ! 

 

 

เมื่อนึกถึงตรงนี้ แขนเสื้อของอวิ๋นหว่านถงก็สั่น ยืดท้องขึ้น เดินไปทางเสลี่ยง หลังจากหยุดเดิน หันหน้าไปมองพี่สาวด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง “เช่นนั้นข้าก็ขอตัวเข้าวังก่อน” โค้งคำนับก่อนจะเข้าไปในเสลี่ยง 

 

 

ในขณะที่เสลี่ยงค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป เหล่าสะใภ้ราชวงศ์ก็เข้าประตูเมืองทีละคนสองคน ภายใต้การนำของข้าหลวง 

 

 

ภายใต้การนำทางของขันทีและมอมอ อวิ๋นหว่านชิ่นพร้อมบ่าว เดินไปยังสวนหลวง พลางถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ 

 

 

“ชายารองอวิ๋นผู้นั้น มิใช่น้องต่างแม่ที่เกิดจากอนุหรอกหรือ เหตุใดถึงไร้มารยาทต่อชายาเอกเช่นนี้” เจินจูเอ่ย 

 

 

“ลูกสาวของอนุ อุตส่าห์มีหน้ามีตากับเขาบ้าง จะไม่ยกหางตัวเองขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ว่าตนนั้นเก่งกว่าผู้อื่นได้อย่างไร” ฉิงเสวี่ยเอ่ยต่อ 

 

 

ชูซย่ากล่าวเพียงว่า “ตอนอยู่ในบ้านแม่ถูกผู้อื่นกด พอแต่งงานไปแล้วอยากกระโดดขึ้นฟ้าอย่างนั้นหรือ” 

 

 

“แต่ตอนนี้นางตั้งครรภ์ทายาทของราชวงศ์ มเหสีรองก็ให้ความสำคัญเช่นนี้ ถือว่ามีความมั่นใจมากขึ้นจริงๆ! พวกเจ้าเห็นไหมว่าเว่ยอ๋องยังถูกกักบริเวณอยู่เลย วันนี้นางสามารถเข้าวังได้ คิดว่าแม้แต่ฮ่องเต้ก็คงอนุญาต พวกเจ้าเดาดูนะว่าการเรียกชายารองอวิ๋นเข้าวัง หมายความว่าฮ่องเต้ได้คลายความโกรธที่มีต่อเว่ยอ๋องหรือไม่ วันนี้เรียกชายาเอกและชายารองแห่งเว่ยอ๋องของเข้าวัง ในครั้งต่อไปก็จะอภัยโทษให้แก่เว่ยอ๋อง” เจินจูกังวลเล็กน้อย 

 

 

“เช่นนั้นแล้วอย่างไร นางท้องได้ ชายาเอกของเราก็มีทายาทได้เช่นกัน!” ฉิงเสวี่ยเป็นคนกล้าพูดมาตลอด หัวเราะออกมาอย่างไม่อายตอนกลางวันแสกๆ 

 

 

นางกำนัลสามคนมองไปยังชายาเอกของพวกเขาอย่างมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง 

 

 

ครั้งนี้อวิ๋นหว่านชิ่นไม่มีกะจิตกะใจพูดคุยหยอกล้อกับบ่าวทั้งสามคนแล้ว คำพูดของเจินจูนั้นแทงใจดำพอดิบพอดี 

 

 

ไม่ว่าน้องสามผู้จะอยู่ที่จวนเว่ยอ๋องอย่างสุขสบายดั่งขึ้นสวรรค์หรือทรมานดั่งตกนรก นางคร้านจะสนใจ เพียงแต่ท้องของอวิ๋นหว่านถงนี้เป็นยาชั้นยอดที่ทำให้เว่ยอ๋องพลิกชีวิตกลับมาได้ ดังนั้นนางจำเป็นต้องนึกถึงตรงนี้มากขึ้น 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] นกตี๋ เป็นนกมงคลมีศักดิ์รองจากหงส์