ใครๆ ก็รู้ว่าฮูหยินใหญ่หลัวรักบุตรสาวเท่าชีวิต ดังนั้นจะให้นางรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เพราะหากนางควบคุมตนเองไม่อยู่ สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น ส่วนหลัวเหว่ยนั้น…
ก็กำลังอยู่กับเหล่าเพื่อนขุนนางที่เรือนด้านหน้าเช่นกัน หากเรียกเขามาก็จะทำให้คนคิดไปไกลอีก
“ขอรับ!” เจิงจีขานรับ เขาก็รู้ว่าเวลาไม่คอยท่าเช่นกันจึงรีบออกไปจัดการ ไม่นานนักหลัวเถิงก็ถูกเชิญมา
เขาแปลกใจมากตอนที่ได้รับคำเชิญจากฉู่สวินหยาง แม้เขาจะมีใจให้ฉู่สวินหยาง แต่ก็ไม่คิดว่านางจะเรียกตนเองมาในเวลานี้เพราะคิดอะไรกับเขา ต้องเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นแล้วแน่นอน เขาจึงตามมาด้วยความกังวล
“ท่านหญิงหาข้าหรือ?” หลัวเถิงเอ่ยถามทันทีที่เข้ามา
ทว่ายังไม่ทันพูดจบ สาวใช้ของตระกูลหลัวก็ถลาเข้ามาแทบเท้าเขา นางดึงเสื้อคลุมเขาไว้แน่นและร้องไห้น้ำตาไหลพราก “ซื่อจื่อ…คุณหนูหลัวซืออวี่…คุณหนูหลัวซืออวี่ถูกจับตัวไปแล้วเจ้าค่ะ!”
หลัวเถิงได้ยินแล้วก็นิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย
จนกระทั่งสาวใช้ดึงเสื้อคลุมเขาอีกครั้ง เขาถึงได้รู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝันและรู้สึกเคร่งเครียดตามไปด้วย เขาดึงตัวนางขึ้นมาตวาดถามอย่างโมโหจนตาแทบถลนออกจากเบ้าว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ที่นี่คือวังบูรพา ใครจะจับตัวหลัวซืออวี่ไปจากที่นี่อย่างโจ่งแจ้งก็ได้หรือ?
นี่มัน…
เหลือเชื่อเกินไปแล้ว
ฉู่สวินหยางสูดหายใจลึกแล้วเดินเข้าไปหา “ขออภัยด้วย หลัวซื่อจื่อ เป็นความผิดของข้าเองที่เกิดเรื่องขึ้นกับแม่นางหลัวซืออวี่ในวังของพวกเรา เราจะต้องพาตัวนางกลับมาได้อย่างแน่นอน และต้องขออภัยตระกูลหลัวของเจ้าอย่างสูงที่แม้จะเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ตอนนี้ก็ยังต้องขอให้เจ้ารออย่างสงบ อย่าหุนหันพลันแล่น ความปลอดภัยของแม่นางหลัวซืออวี่สำคัญที่สุด รอให้ตามตัวกลับมาได้แล้วค่อยว่ากันเถอะ!”
หลัวเถิงทำใจให้สงบ เขาอยากจะฝืนยิ้มออกไป แต่กลับควบคุมสีหน้าไม่ได้ สุดท้ายจึงได้แต่ยิ้มมุมปากว่า “ท่านหญิงกังวลมากไปแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิวังของท่าน เพียงแต่…”
หลัวซืออวี่ถูกจับตัวไปแล้ว!
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน?
อย่างไรหลัวเถิงก็ไม่เชื่อว่านี่เป็นอุบัติเหตุ
แน่นอนว่าฉู่สวินหยางก็ไม่เชื่อเหมือนกัน
ทีแรกนางไม่ถามอะไรทั้งนั้นก็เพราะจะรอให้หลัวเถิงมาก่อน ดังนั้นเวลานี้นางจึงมองสาวใช้อย่างเคร่งขรึมว่า “สถานที่ที่แม่นางหลัวซืออวี่หายตัวไปคือนอกเรือนที่คนรับใช้ในวังของข้าอาศัยอยู่ ที่นั่นลับตาคนมาก หากแค่จะชมสวนล่ะก็ ข้าคิดว่าแม่นางหลัวซืออวี่ไม่น่าจะไปที่นั่น แต่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างนั้นหรือ?”
สาวใช้คุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้นจนเกร็งไปทั้งตัว นางเช็ดน้ำตาว่า “คือ…เดิมทีคุณหนูหลัวซืออวี่ก็กำลังเดินเล่นอยู่กับพวกคุณหนูตระกูลอื่นเจ้าค่ะ แต่ตอนหลังมาเจอแมวที่บาดเจ็บตัวหนึ่งเข้า คุณหนูหลัวซืออวี่จิตใจดีจึงเก็บขึ้นมา แล้วก็เจอสาวใช้ในวังของท่านผ่านไปตรงนั้นพอดี นางบอกว่าแมวตัวนั้นเป็นแมวที่แม่นมหลิวเลี้ยงไว้ในเรือนตะวันตก คุณหนูก็หวังดีไปส่งให้นาง แต่ใครจะคิดว่า…ใครจะคิดว่า…”
สาวใช้พูดไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้ง
หลัวเถิงได้ยินแล้วสีหน้าก็ยิ่งทวีความเย็นเยียบอย่างที่สุด
ฉู่สวินหยางสูดลมหายใจลึกและส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ “ที่แท้มีคนวางแผนเอาไว้นี่เอง!”
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในวังของนางมีคนเลี้ยงแมวจริงหรือไม่ แค่บังเอิญมีสาวใช้ผ่านไป ‘ชี้แนะ’ หลัวซืออวี่ถึงที่มาของแมวตัวนั้น เรื่องนี้ก็ทำให้ต้องคิดหนักมากแล้ว
หลัวเถิงกำนิ้วมือที่อยู่ใต้แขนเสื้อแน่น เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน แต่เขากลับไม่เอ่ยอะไรสักคำอยู่นานมาก
สาวใช้ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนแทบจะเป็นลมหมดสติไป “ซื่อจื่อ…”
ฉู่สวินหยางลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก็เอ่ยปลอบใจว่า “ว่ากันว่าคุณชายรองจวนอ๋องฉางซุ่นผ่านไปเจอเข้าพอดีและพาคนตามไปแล้ว ข้าว่าเขาฝีมือดีทีเดียว รับมือโจรกระจอกแค่นี้ได้สบายมาก น่าจะ…พาแม่นางหลัวซืออวี่กลับมาได้เร็วๆ นี้ ซื่อจื่อรออยู่นิ่งๆ อย่าใจร้อนไป”
“อื้ม!” หลัวเถิงพยักหน้า เขายิ้มมุมปากและไม่เอ่ยอะไรอีก
ฉู่สวินหยางรินน้ำชาและยื่นให้เขา แต่เขาไม่ดื่ม
รอไปอีกประมาณครึ่งถ้วยชา[1] เจิงจีก็รีบเดินเข้ามาจากด้านนอก
หลัวเถิงลุกขึ้นยืนและรีบเข้าไปถามทันทีว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? หาตัวน้องสาวข้าเจอแล้วหรือ?”
“ขอรับ หาตัวคุณหนูหลัวซืออวี่เจอแล้วขอรับ!” เจิงจีเอ่ย เขามองฉู่สวินหยางก่อน แล้วจึงเอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “คุณหนูหลัวซืออวี่ไม่เป็นไรขอรับ ซื่อจื่อโปรดวางใจ แต่ตอนนี้นางหมดสติไปแล้ว หากพามาด้วยจะสะดุดตาเกินไป ข้าจึงให้คนพานางไปพักในห้องว่างที่เรือนตะวันตกก่อนแล้วขอรับ”
หลัวเถิงได้ยินแล้วก็รู้สึกโล่งอก จึงจะเดินออกไปข้างนอก “ข้าจะไปดูนางหน่อย!”
“หลัวซื่อจื่อ!” ฉู่สวินหยางก้าวเข้าไปยกมือขวางเขาไว้ พลางเหลือบมองท้องฟ้าด้านนอกว่า “งานเลี้ยงด้านหน้าใกล้จะเริ่มแล้ว หากพวกเจ้าสองคนพี่น้องหายไปพร้อมกันต้องมีคนสงสัยแน่ ซื่อจื่อไปร่วมงานเลี้ยงก่อนเถอะ ส่วนแม่นางหลัวซืออวี่ ข้าไปดูแลนางให้ก็ได้ อีกครู่รองานเลี้ยงจบแล้วเจ้าค่อยไป ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยมาคิดหาทางกัน”
หลัวเถิงคิดอย่างลังเล
ถึงแม้หลัวซืออวี่จะถูกพาตัวกลับมาแล้วจริง แต่ก็ต้องปิดข่าวเรื่องที่นางถูกคนแปลกหน้าจับตัวไปต่อหน้าคนอื่นไว้ให้ได้ จะให้ข่าวหลุดออกไปไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ถึงแม้จะรู้สึกเป็นกังวล แต่เวลานี้เขาก็ยังมีสติอยู่ จึงครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้าว่า “เช่นนั้นก็รบกวนท่านหญิงแล้ว ข้าไปโผล่หน้าที่เรือนด้านหน้าก่อนสักหน่อย อีกสักครู่ค่อยหาโอกาสไปหาซืออวี่”
“ได้!” ฉู่สวินหยางพยักหน้าและมองตามหลังเขาจากไป
หลัวเถิงเดินออกไปด้านนอกได้เพียงไม่กี่ก้าว พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน จึงหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมาว่า “ยังมีท่านแม่ของข้า ข้ากลัวว่านางรู้แล้วจะรับไม่ได้ รบกวนท่านหญิงช่วยโกหกกลบเกลื่อนไปหน่อย ตามที่ท่านว่า ทุกเรื่อง…รอให้งานเลี้ยงเลิกแล้วค่อยว่ากัน!”
“ข้าจะจัดการให้!” ฉู่สวินหยางตอบรับ
หลัวเถิงคารวะนางอย่างซาบซึ้งใจ เขาเลิกชายเสื้อคลุมขึ้นและสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าฉู่สวินหยางกลับไม่มีเวลาสนใจเขามากนัก นางหันกลับมาสั่งเฉี่ยนลวี่ว่า “ให้สาวใช้ของแม่นางหลัวซืออวี่อยู่ที่นี่ก่อน เจ้าคอยดูแลนาง!”
แน่นอนว่าเฉี่ยนลวี่เข้าใจความนัยของนาง จึงพยักหน้าตอบรับอย่างระมัดระวัง “เจ้าค่ะ ท่านหญิงโปรดวางใจ!”
ว่าแล้วฉู่สวินหยางก็กวักมือเรียก “เจี๋ยหง ชิงเถิง พวกเจ้าสองคนตามข้าไป!”
“เจ้าค่ะ!” สองสาวใช้รีบตามไป เจิงจีก็ไม่กล้าเมินเฉยเช่นกัน จึงรีบตามออกมาอย่างรวดเร็ว
พอเดินถึงลานบ้านแล้ว ฉู่สวินหยางก็จ้องเขม็งและถามอีกครั้งว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ปลอดภัยดีขอรับ!” เจิงจีได้ยินแล้วก็เหงื่อตกเต็มศีรษะและถอนหายใจไม่หยุดเช่นกัน “คนๆ นั้นมีวิชากังฟูติดตัวแค่ผิวเผินแบบมั่วๆ และถูกคุณชายรองจวนอ๋องฉางซุ่นปราบไปแล้วขอรับ”
ยังดีที่หลัวซืออวี่ไม่ได้รับบาดเจ็บ หาไม่แล้ว…
ก็คงให้ความกระจ่างแก่ตระกูลหลัวไม่ได้
“เจี๋ยหง เจ้าตามพ่อบ้านเจิงไปดูแลแม่นางหลัวซืออวี่ก่อน ข้าไปปลอบใจฮูหยินใหญ่หลัวที่งานเลี้ยงเดี๋ยวกลับมา” ฉู่สวินหยางเอ่ย แล้วเลิกชายกระโปรงขึ้นสาวเท้าออกไปจากเรือน
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีจุดประสงค์อะไร และไม่ว่าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบไหน หากกล้าก่อเรื่องในเขตวังบูรพาของพวกนางก็จะไม่ปล่อยให้รอดไปง่ายๆ อย่างเด็ดขาด!
———————————————-
[1] เวลาหนึ่งถ้วยชา = 10-15 นาที ดังนั้นเวลาครึ่งถ้วยชา = 5-7 นาที