ในขณะที่ฉู่สวินหยางเดินทางไปถึงห้องโถงที่จัดงานเลี้ยงฉลองในเรือนหลักตอนนั้น ก็เจอกับแม่นมกู้คนข้างกายของฮูหยินใหญ่แซ่หลัวออกมาจากประตูด้านข้างพอดี ใบหน้าของอีกฝ่ายร้อนรนเล็กน้อย
ทั้งสองคนทักทายกัน แม่นมกู้รีบย่อเข่าถวายความเคารพ “คารวะท่านหญิงเจ้าค่ะ!”
“อืม!” ฉู่สวินหยางผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินมุ่งหน้าเข้าไปในห้องโถงต่อ
แม่นมกู้เองก็มีธุระที่ต้องไปทำ เมื่อทักทายกันเสร็จก็รีบเดินจากออกไป
ในขณะที่สองฝ่ายไหล่กระทบชนกันตอนนั้น ฉู่สวินหยางก็หยุดฝีเท้าลงแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นคนสนิทของฮูหยินใหญ่หลัวกั๋วกงรึ?”
“เจ้าคะ?” แม่นมกู้ตกใจหยุดฝีเท้าลงแล้วหันหน้ามอง “ข้าน้อยเป็นเพียงข้ารับใช้ของตระกูลหลัวเจ้าค่ะ!”
“งั้นก็ดี!” ทว่าฉู่สวินหยางกลับหัวเราะขึ้นมา “เมื่อกี้ข้าเจอหลัวซื่อจื่อที่สวนดอกไม้น่ะ เห็นเขาบอกว่าแม่นางหลัว
ซืออวี่เท้าแพลง เขาก็เลยเรียกให้คนช่วยพาตัวนางกลับไปก่อนแล้ว ทางนี้มีแต่แขกผู้หญิง หลัวซื่อจื่อเขาไม่สะดวกเข้ามา เลยฝากข้าให้ช่วยส่งข่าวมาให้ฮูหยินใหญ่แซ่หลัวรับรู้น่ะ”
แม่นมกู้ตกใจชะงักไป
แต่ก็ไม่ทันได้หันกลับไปมอง ทางด้านในฮูหยินใหญ่แซ่หลัวกับฮูหยินใหญ่ก็เดินออกมาพอดี
“อวี่เอ๋อร์บาดเจ็บงั้นรึ?” ฮูหยินใหญ่แซ่หลัวหน้าเปลี่ยนสี
แววตาของฉู่สวินหยางส่องประกายขึ้นเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่เจ้าค่ะ ซื่อจื่อสั่งให้คนพานางส่งกลับไปที่บ้านแล้ว เขากลัวว่าฮูหยินจะเป็นห่วง เลยวานให้ข้ามาส่งข่าวน่ะเจ้าค่ะ”
หากจะอ้างว่าหลัวซืออวี่นอนพักอยู่ที่จวนของพวกเขา สู้สลัดนางทิ้งไปแบบนี้ดีกว่า อีกฝ่ายจะได้ไม่หาเรื่องขอเข้าไปเยี่ยมอีก ไม่งั้นเดี๋ยวก็โดนจับได้หมด
ฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางกุมมือฮูหยินใหญ่แซ่หลัวเอาไว้แล้วพูดว่า “ในเมื่อแม่นางหลัวซืออวี่กลับไปก่อนแล้ว อย่างน้อยตอนนี้จวนหลัวกั๋วกงก็วางใจได้แล้วเปลาะหนึ่ง พิธีฉลองข้างในใกล้จะเริ่มแล้ว พวกเราเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งกันก่อนเถิด!”
วันนี้เป็นวันที่ลูกสาวแห่งวังบูรพากำลังจะแต่งงานออกเรือน หลัวซืออวี่ก็แค่ข้อเท้าแพลง ถึงแม้ฮูหยินใหญ่แซ่หลัวจะรู้สึกเสียใจ แต่ถ้ากลับไปตอนนี้เพียงเพราะการบาดเจ็บเล็กๆ แบบนั้นคงเป็นการไม่ให้เกียรติวังบูรพาเกินไป
“ได้!” ฮูหยินใหญ่แซ่หลัวรวบรวมสติ จากนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา พูดขอบคุณขึ้นว่า “รบกวนท่านหญิงแล้ว ที่อุตส่าห์นำข่าวมาบอกข้า”
“บังเอิญน่ะเจ้าค่ะ ข้าเพียงช่วยบอกต่อเท่านั้น ฮูหยินกั๋วกงก็เกรงใจเกินไป” ฉู่สวินหยางยิ้มตอบ
เพราะฉู่สวินหยางเล่นอ้างหลัวเถิง ฮูหยินใหญ่แซ่หลัวเลยไม่ได้สงสัยมากนัก จากนั้นนางก็ถูกแม่นมกู้พยุงเข้าไปในห้องโถง
เมื่อฮูหยินใหญ่แซ่หลัวเดินจากไป ฉู่สวินหยางยังคงยิ้มเหมือนเดิม หันไปเลิกคิ้วมองฮูหยินใหญ่เล็กน้อย
แค่เห็นฮูหยินใหญ่ก็เข้าใจแล้วหมายความอะไร นางก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว หยุดยืนตรงหน้าของอีกฝ่าย หันไปมองแผ่นหลังของคนที่อยู่ในห้องโถงนั้นแล้วพูดเสียงเบาขึ้นว่า “เดิมทีฮูหยินกั๋วกงไม่ได้ตั้งใจจะมาด้วยตัวเองหรอก แต่แม่นางหลัวอวี่ก่วนเป็นคนเริ่มประเด็นขึ้น ส่วนคนที่เหลือก็พูดเออออตามกัน นางก็เลยเริ่มร้อนใจน่ะ”
ส่วนทางหลัวซืออวี่เป็นอย่างไรนางไม่ได้ถามต่อ นางแค่มองพฤติกรรมที่ฉู่สวินหยางมีต่อฮูหยินใหญ่แซ่หลัว นางก็รู้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแน่นอน
“หลัวอวี่ก่วนรึ?” ฉู่สวินหยางกระตุกมุมปาก
“ใช่!” ฮูหยินใหญ่พยักหน้า
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ฉู่สวินหยางกล่าว จากนั้นปรายตามองไปที่ห้องโถงนั่นอีกครั้ง “ฮูหยินใหญ่ท่านไปเรียกแขกที่เหลือเข้าร่วมงานเถิด วันนี้เป็นวันออกเรือนของน้องสี่ โอกาสที่พี่น้องจะได้อยู่ร่วมกันก็เหลือน้อยเข้าไปทุกที เดี๋ยวข้าไปอยู่เป็นเพื่อนนางก่อน คงไม่ได้ไปเข้าร่วมงานด้วยนะเจ้าคะ”
“ข้ารู้แล้ว!” ฮูหยินใหญ่รู้ดีว่านางไม่ได้ไปอยู่เป็นเพื่อนฉู่เยว่หนิงหรอก แต่นางก็มิได้พูดเปิดโปงออกมา หันหลังไปพยุงแขนหรูโม่แล้วเดินเข้าไปในห้องโถง
ในเวลานั้นเองงานเลี้ยงฉลองก็เริ่มขึ้นแล้ว สวนดอกไม้ตรงนั้นก็ไม่มีใครเหลืออยู่ ฉู่สวินหยางกับชิงเถิงจึงรีบมุ่งหน้าไปยังเรือนฝั่งตะวันตก สถานที่ที่หลัวซืออวี่อยู่ทันที
ตอนที่กำลังจะไป เจิงจีเองก็ไล่พวกข้ารับใช้คนอื่นออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงซูอี้คนเดียวที่ยืนอยู่ในเรือนนั้น
“ท่านหญิง!” ซูอี้ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นก็หันหลังมอง
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านมาก!” ฉู่สวินหยางกล่าว เดินเข้าไปหาเขาด้านใน
โชคดีที่ซูอี้เป็นคนพบเข้า ไม่งั้นหากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับหลัวซืออวี่ตอนที่นางมางานเลี้ยงฉลองที่จวนของตนล่ะก็ ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน
“แล้วพ่อบ้านเจิงเล่า?” ฉู่สวินหยางกวาดตามองไปรอบทิศ
“มีเรื่องทางด้านหน้าเรือนน่ะ เขาเลยถูกเรียกตัวไปแล้ว” ซูอี้ตอบ
สองคนเดินตามกันเข้าไปในห้อง
หลัวซืออวี่ที่อยู่ในห้องนั้นหน้าขาวซีด นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง คิ้วขมวดขึ้นเป็นปม ราวกับว่ายังคงตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่
เจี๋ยหงยื่นน้ำชาให้นางหนึ่งถ้วย นางยิ้มเกรงใจแล้วรับถ้วยชามา
เมื่อได้เสียงประตูเปิดออก สองคนนั้นก็ชะโงกหัวออกมาพร้อมกัน
“ท่านหญิง!” เจี๋ยหงย่อเข่าทำความเคารพจากนั้นถอยไปยืนอยู่ข้างๆ
หลัวซืออวี่เองก็รีบวางถ้วยชาไว้บนโต๊ะด้านข้าง จากนั้นรีบคุกเข่าลงไป “ท่านหญิงสวินหยาง…”
“แม่นางหลัวซืออวี่ไม่ต้องทำความเคารพข้าหรอก!” ฉู่สวินหยางรีบเดินเข้าไปพยุงตัวนางเอาไว้ แล้วถือโอกาสนั้นนั่งลงบนเตียง
นางรู้ดีว่าหลัวซืออวี่เป็นคนเยี่ยงไร เลยไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาว่า “เดี๋ยวอีกสักพักหลัวซื่อจื่อจะมา เจ้าพักก่อนเถิด มีอะไรจะพูดไว้ค่อยว่ากันวันหลัง!”
“เจ้าค่ะ!” หลัวซืออวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าไปอย่างโดยดี จากนั้นก็เงียบไม่พูดอะไรออกมาอีก เพียงแค่เหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อยอยู่คนเดียวเงียบๆ
ส่วนทางหลังเถิงเองก็เป็นห่วงน้องสาวของตน ไม่นานนักเขาก็ตามเข้ามา
เมื่อเปิดประตูมาก็เห็นหลัวซืออวี่ที่กำลังเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเข้า ก็ตกใจรีบเข้าไปจับไหล่ของนางเอาไว้ “เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่หรือเปล่า?”
“เปล่า…” หลัวซืออวี่ตอบ ซูอี้ไม่รอให้นางพูดจบเขาก็ชิงพูดแทรกขึ้นว่า “คนคนนั้นลอบทำร้ายแม่นางหลัวซืออวี่ เขายังไม่ทันหนีพ้นกำแพงไปก็ถูกลากตัวลงมาก่อนแล้ว ซื่อจื่อวางใจได้เลยขอรับ!”
หลัวเถิงเองก็ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลัวซืออวี่แค่ตกใจไปเท่านั้น ไม่เห็นบาดแผลอะไรบนตัวถึงได้วางใจ
เขาระงับสีหน้าอารมณ์เอาไว้ แล้วลุกขึ้นยืนยกสองมือขึ้นแสดงความขอบคุณกับซูอี้ “ครั้งนี้ขอบพระคุณคุณชายรองมากขอรับที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ พระคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก ภายภาคหน้าข้าจะนำของกำนัลไปมอบให้ท่านถึงจวน เพื่อเป็นการขอบคุณอีกครั้งด้วยตัวเองนะขอรับ!”
“แค่เรื่องบังเอิญน่ะ!” ซูอี้กล่าว จากนั้นก็ขอตัวลาหันหลังเดินออกไป
ไม่นานนักเขาก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง ในมือจับตัวผู้ชายผอมสูงคนหนึ่งเอาไว้อยู่ เขาผลักอีกฝ่ายลงไปบนพื้นอย่างแรง “มันผู้นี้เป็นคนก่อเหตุ เรื่องหลังจากนี้ข้าคงไม่ขอยุ่งเกี่ยว ข้าขอตัวลาก่อนแล้วกัน”
“อืม!” ฉู่สวินหยางพยักหน้า
ซูอี้พยักหน้าให้หลัวเถิง จากนั้นก็กลับออกไป
ชายผู้นั้นถูกผลักลงไปบนพื้น
ฉู่สวินหยางปรายตามองเขาหนึ่งทีแล้วพูดว่า “หลัวซื่อจื่อจะพามันกลับไปจัดการที่จวนหรือไม่เจ้าคะ? หรือจะให้คนของวังบูรพาออกหน้าสืบสวนเรื่องนี้ดี?”
หลัวซืออวี่ยังไม่ทันได้ปรากฏตัวขึ้นที่งานเลี้ยงฉลอง หลัวอวี่ก่วนเองก็ยุให้ฮูหยินใหญ่แซ่หลัวออกมา อาจเป็นเพราะความบาดหมางของสองพี่น้องมีมากเหลือเกิน ฉู่สวินหยางนางเพียงถือโอกาสนี้ขยี้เล็กน้อย เพราะสุดท้ายไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้มันก็ยังเกี่ยวข้องกับหลัวอวี่ก่วนอยู่ดี
หลัวเถิงได้ยินนางพูดดังนั้นก็พูดขึ้นมาราวกับรู้สึกอะไรได้ “ท่านหญิงมีอะไรจะพูดก็รีบบอกมาเถิดขอรับ!”
“ไม่มีอะไรหรอก อย่างไรเสียความเป็นจริงก็คือสิ่งสำคัญที่สุด!” ฉู่สวินหยางกล่าว แล้วเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
เพราะอย่างไรเรื่องนี้มันก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของหลัวซืออวี่ หลัวเถิงจึงส่งสายตาเป็นคำถามไปให้นาง
หลัวซืออวี่หัวเราะขึ้นมาอย่างอ่อนแรง “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าจะเป็นอะไรได้เล่า ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็รบกวนวังบูรพาเขาอยู่แล้ว ท่านถามท่านหญิงสวินหยางให้รู้เรื่องเถิดเจ้าค่ะ พวกเขาจะได้รู้เรื่องนี้ด้วย!”
สองพี่น้องสกุลหลัวคู่นี้ฉลาดเฉลียวยิ่งนัก
ในระหว่างที่ฉู่สวินหยางมองหลัวซืออวี่ แววตาของนางเต็มไปด้วยความประทับใจนับถือ
หลัวเถิงเองก็ตัดสินใจจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเยี่ยงนั้นแล้ว งั้นคงต้องรบกวนเวลาท่านหญิงอีกสักประเดี๋ยว เรามาสืบสวนเรื่องนี้ให้มันถึงที่สุดกันเถิดขอรับ!”
———————————–