ณ พื้นที่ราบระหว่างภูเขาที่มีลักษณะซับซ้อนตัวฝูกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อได้ยินเสียงกีบม้ามาแต่ไกลนางจึงรีบขึ้นไปบนเนินเขา และเห็นเงาหิมะขาวโพลนพุ่งเข้าหานางตัวฝูโบกมืออย่างดีใจ
“คุณหนู!” แต่นางไม่ได้รับการตอบกลับ
ม้าขาววิ่งไปข้างหน้าและค่อยๆ เดินช้าลง ตัวฝูรีบวิ่งลงจากเนินเขา และพบว่าหมิงเวยกำลังนอนหมดสติอยู่บนหลังม้า
โหวเหลียงรีบก้าวไปข้างหน้าสำรวจลมหายใจ และสัญญาณชีพจรของหมิงเวยแล้วพูดว่า “แม่นางหมิงได้รับบาดเจ็บภายใน เร็วเข้าช่วยประคองนางลง”
เมื่อหมิงเวยตื่นขึ้นนางรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอก
“ตัวฝู” นางเปิดปากเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ตัวฝูได้ยินเสียงก็รีบเข้าไปหา “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
หมิงเวยพบว่ายังมีกลิ่นยาหลงเหลืออยู่ในปากจึงถามว่า “ข้าดื่มยาหรือ”
“เจ้าค่ะ! ท่านโหวบอกว่าท่านได้รับบาดเจ็บภายในเกรงว่าอวัยวะภายในจะเสียหายเขาจึงไปเก็บสมุนไพร และให้บ่าวต้มให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
ตัวฝูทำหน้ายุ่ง “ทำไมใครๆ ก็รู้วิชาการแพทย์ คุณหนูคิดว่าบ่าวควรศึกษาด้วยหรือไม่เจ้าคะ”
หมิงเวยยิ้มอย่างอ่อนแรง “เจ้าอยากเรียนก็ย่อมได้” นางโคจรลมปราณภายในร่างกาย และพบว่าลมหายใจหยุดนิ่งจึงรู้ว่าครั้งนี้บาดเจ็บสาหัส โชคดีตอนที่หนีตายออกมารู้ว่าจะเกิดปัญหาใหญ่จึงทานยาไว้ก่อนบวกกับการตอบสนองเร่งด่วนของโหวเหลียงจึงรักษาชีวิตนี้ไว้ได้
ตัวฝูโทษตัวเอง “เป็นเพราะบ่าว รู้ดีว่าคุณหนูกำลังไปทำสิ่งอันตรายเช่นนั้น บ่าวควรไปกับคุณหนูด้วย”
หมิงเวยส่ายหน้า “เจ้าไปไม่ได้เพราะว่ามันอันตรายมาก ข้าไม่สามารถให้เจ้ามาเสี่ยงด้วยได้หรอก ก่อนที่เราจะยังไปไม่ถึงเป่ยเทียนเหมิน พวกเราต้องเก็บพละกำลังต่อสู้เอาไว้เพื่อรับมือกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น”
โหวเหลียงยกน้ำแกงผักป่ามาให้ “แม่นางหมิง ทานอะไรสักหน่อยก่อนเถิด”
อาหารที่พวกเขานำมานั้นกินหมดไประหว่างทางแล้ว ตอนนี้อาหารแห้งเหลือเพียงเนื้อแห้งกับปลาแห้ง ผักป่าก็คือเก็บมาสดๆ
หมิงเวยประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านมีความรู้มากเลยนะ”
โหวเหลียงยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย “ในช่วงแรกที่ออกจากบ้านเกิด ไร้สมบัติติดกาย ไม่มีอะไรทานจึงทำได้เพียงเก็บพืชในป่าทานเท่านั้น”
รอหมิงเวยทานอาหารเสร็จโหวเหลียงพูดว่า “ข้าจะไปหาน้ำมาให้แม่นางทั้งสองจะได้ชำระกาย”
เมื่อเขาเดินจากไปตัวฝูจึงพูดว่า “เมื่อก่อนเคยคิดว่าท่านโหวเป็นคนไม่น่าพึ่งพาได้ เขาอาจจะขายพวกเราเมื่อไรก็ได้ไม่คิดว่าตอนนี้ต้องขอบคุณเขา”
หมิงเวยเอนหลังพิงกองหญ้าและพูดว่า “ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดยังมีอีกหนึ่งบททดสอบหากเขาผ่านได้ค่อยว่ากัน”
ตัวฝูไม่เข้าใจ “บททดสอบอะไรหรือเจ้าคะ”
หมิงเวยยิ้มแล้วส่ายหน้า “อีกสักพักเจ้าก็รู้” จากนั้นก็พูดว่า “ตัวฝู เจ้ายังเกียจคร้านไม่ได้ ต้องเตรียมตัวโดยเร็ว…”
ที่พักอยู่ไม่ไกลจากแหล่งน้ำ และโหวเหลียงจึงมาถึงลำธารอย่างรวดเร็ว
เขาบรรจุถุงน้ำขนาดใหญ่หลายถุง ถอดเสื้อคลุม และผูกปมจากนั้นก็เตรียมกลับไปยังที่พัก ทันทีที่ก้าวเท้าก็รู้สึกถึงความเย็นที่คอ และในขณะเดียวกันก็มีเสียงแหบแห้งดังขึ้นว่า “อย่าขยับ”
โหวเหลียงที่อยู่ในถ้ำโจรมาหลายปีรู้ดีว่าความรู้สึกนี้เป็นอย่างไร
กริช มีคนถือกริชจี้คอของเขา
เขาค่อยๆ ยกมือขึ้น และพูดอย่างระมัดระวัง “พี่ชาย ข้ามีเงินอยู่ที่เอวด้านซ้าย แล้วก็มีตั๋วเงินจากกิจการในเมืองหลวงที่รับเฉพาะเงินเท่านั้น ท่านเอาไปได้เลย ในอกเสื้อของข้ามีอัญมณีเป็นมรกตมูลค่าทองพันตำลึงเลย ข้าให้เจ้าได้โปรดไว้ชีวิตข้าไปได้หรือไม่”
เหมือนอีกฝ่ายจะดูสนใจด้วยประสบการณ์ของโหวเหลียงที่เคยคบค้าสมาคมกับโจรมา ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาฆ่าตั้งแต่แรกโอกาสมีชีวิตรอดมีความเป็นไปได้สูง แต่ชายคนนั้นไม่ได้ค้นตัว แต่กลับพูดว่า “เจ้ามาเอาน้ำหมายความว่ามีเพื่อนร่วมทางด้วยพาข้าไปหาเพื่อนของเจ้าซะ!”
โหวเหลียงนึกถึงหมิงเวยที่ยังไม่สามารถขยับตัวได้ก็เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก “พี่ชาย พวกเรามาทำการค้าที่หูตี้ ข้าเป็นหัวหน้า เงิน และสินค้าอยู่ที่ตัวข้าทั้งหมด สองคนนั้นเป็นแค่ผู้ร่วมเดินทาง สามารถหยิบออกมาดูได้ตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึง สินค้าที่เหลือที่นำกลับไปเป็นอัญมณี หากนำไปขายในจงหยวนสามารถขายได้ในราคาสูง…”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว! ข้าบอกให้เจ้าไปก็ไปสิ!” ใบมีดคมของกริชวาดผ่านลำคอ โหวเหลียงรู้สึกว่ามีเลือดไหลออกจากผิวหนังแล้ว
“พี่ชายไว้ชีวิตข้าเถิด!” เขาตกใจจนน้ำเสียงเปลี่ยนไป “ท่านอย่าขยับข้าไปแล้วๆ! ท่านผ่อนมือลงหน่อยได้หรือไม่ กริชของท่านคมเกินไปข้าเกรงว่าหากก้าวไปข้างหน้าหัวของข้าจะไม่อยู่แล้ว”
“หึ พูดตรงดีนี่!” ใบกริชเปลี่ยนตำแหน่งและไปจ่อที่เอว “ไป!”
………..
หยางชูพยายามจะบอกจุดประสงค์ของการมาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเหลียงจางขัดขวาง
และสุดท้ายอีกฝ่ายก็พูดว่า “อาหารพร้อมแล้วคุณชายหยางตามข้ามาเถิด! พูดแล้วก็นึกขึ้นได้บิดาท่านกับข้ารู้จักกันดีวันนี้ถือว่าต้อนรับหลานชายแล้วกัน”
“แม่ทัพเหลียง!” หยางชูไม่ได้ลุกขึ้น แต่พูดเสียงดังขึ้นมา
เหลียงจางสงบลงหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถอนหายใจและโบกมือ “พวกเจ้าถอยออกไป”
บ่าวรับใช้ทุกคนในจวนถอยกลับหยางชูเม้มปาก และสั่งอาสวนและคนอื่นๆ ว่า “พวกเจ้าไปรอข้างนอก”
“ขอรับ” อาสวนตอบรับ
ในห้องโถงเหลือเพียงสองคน และท่าทีของจางเหลียงก็เปลี่ยนไป
เมื่อครู่ที่เขามีท่าทีใจดีสนิทสนมราวกับผู้อาวุโสในเมืองหลวงที่หยางชูพบปกติ แต่เขาในตอนนี้ดูตีตัวออกห่าง ดูเฉยเมยทำให้ดูหยิ่งยโสขึ้นมานิดหน่อย
เหลียงจางหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบช้าๆ แล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าคุณชายหยางเป็นคนฉลาดคำบอกใบ้เช่นนี้ท่านไม่เข้าใจหรือ”
หยางชูระงับอารมณ์ของเขาและพูดอย่างสงบ “ความเมตตาของแม่ทัพเหลียงข้ารู้สึกซาบซึ้ง แต่ข้าไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ทำให้เสียใจ…”
เขาไม่พูดอะไรต่อเหลียงจางยิ้มหยัน “ไม่มีทางเลือกงั้นหรือ แค่สตรีผู้เดียว มีอะไรไม่มีทางเลือกกัน”
หยางชูถาม “แม่ทัพเหลียงมีข่าวของนางหรือ”
เหลียงจางยิ่งโกรธคำพูดเขาเมื่อครู่ประเด็นอยู่ที่ตรงนี้หรือ เด็กนี่ถูกสาวงามทำให้ลุ่มหลงมัวเมาหรืออย่างไร ไม่สนใจคำตำหนิสนใจแต่ว่าสตรีเป็นอะไรหรือไม่เท่านั้น
“คุณชายหยาง!”
เขาใช้อำนาจบาตรใหญ่สั่งสอน “ข้าเห็นแก่กุ้ยเฟยถึงได้สั่งสอนท่าน! สถานการณ์ของท่านในตอนนี้เป็นอย่างไรท่านคงรู้ตัวเองดี ฝ่าบาทไม่โปรดปรานท่านแล้ว ท่านจะอาศัยอิทธิพลของผู้ใดได้อีกกลับเกาถางไปซะ ดูแลสนามเลี้ยงม้าให้ดี ผ่านไปสามถึงห้าปีฝ่าบาทคงลืมและเรียกท่านกลับเมืองหลวง ไม่เช่นนั้นท่านคงต้องอยู่กับม้าเหล่านั้นตลอดไป!”
หยางชูไม่โกรธเคืองอะไรเขาพูดต่อว่า “ในเมื่อแม่ทัพเหลียงมีข่าวเกี่ยวกับนางคงรู้ว่าสถานการณ์ของนางในตอนนี้อันตรายเพียงใด ข้ามาที่นี่ครั้งนี้เพราะต้องการยืมเส้นทางจากแม่ทัพเหลียง ให้พวกเราผ่านเป่ยเทียนเหมินเพื่อช่วยนางด้วยเถอะ”
“ท่านไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ” เหลียงจางพูดอย่างโกรธเคือง “เป่ยเทียนเหมินสำคัญมากจะให้เปิดเป็นการส่วนตัวได้อย่างไร ท่านไม่ต้องคิดลมๆ แล้งๆ ตอนนี้จงออกจากจวนแล้วกลับเกาถางไปซะ ข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น!”
หยางชูสงบลงและถามเสียงเบา “พูดเช่นนี้หมายความว่าแม่ทัพเหลียงปฏิเสธให้ยืมเส้นทางใช่หรือไม่”
“ใช่” เหลียงจางมองเขาอย่างรังเกียจ “ตอนนี้ท่านเปลี่ยนไปเยอะมากอย่าสร้างปัญหา!”
หยางชูถอนหายใจ “ข้าไม่อยากทำเช่นนี้เลยจริงๆ!”
น้ำเสียงนี้ทำให้เหลียงจางรู้สึกเย็นที่แผ่นหลังอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กนี่คิดจะทำอะไร ทำไมถึงรู้สึกไม่ค่อยดีเลย…
ลางสังหรณ์ของเขาเป็นจริงทันที หยางชูหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาดูเหมือนว่าเขากำลังจะดื่มชา แต่จู่ๆ เขาก็ทุบไปในทันที
เหลียงจางยกแขนเสื้อขึ้นและกำลังโต้กลับหยางชูก็พุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าแล้วหยิบกระบี่ยาวที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมา
กระบี่ยาวเปี่ยมไปด้วยพลังรวดเร็วฉับไวจนคนตั้งรับไม่ทัน
เหลียงจางกำลังตะโกนร้องเรียกคน แต่กระบี่ก็พาดมาอยู่บนคอเขาเสียแล้ว
หยางชูพูดเสียงแผ่วเบา “แม่ทัพเหลียงท่านหละหลวมเกินไปแล้ว ผู้บัญชาการของกองทัพซีเป่ย ผู้ปกป้องครึ่งแผ่นดินต้าฉี แต่ทักษะถดถอยจนกลายเป็นเช่นนี้…”
……………