ตอนที่ 229: เพิ่มอำนาจ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 229: เพิ่มอำนาจ

เจี้ยนเฉินนำชาย 40 คนไปยังสมาคมทหารรับจ้างในใจกลางเมืองเวคโดยมีแผนที่จะเพิ่มพวกเขาทั้งหมดลงในกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเขา

“ท่านจอมยุทธ์ เราควรเรียกท่านว่าอะไรดี ? ” ชายคนหนึ่งถามเจี้ยนเฉิน

“ตอนนี้เรียกข้าว่าเจี้ยนเฉินไปก่อน เมื่อพวกเจ้าได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มทหารรับจ้างของข้าค่อยเรียกข้าว่าหัวหน้าทีหลัง เจี้ยนเฉินพูดอย่างสบายใจก่อนที่จะหันกลับไปหาชายคนแรกที่ให้คำมั่นกับเขา ” ข้ายังไม่รู้ชื่อของเจ้าเลย”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นชายคนนั้นก็หัวเราะเสียงดัง ” ข้าชื่อเซียงไท่ หัวหน้าเรียกข้าว่าต้าเซียงได้เลย”

“อืม” เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างเกียจคร้านขณะที่มองไปยังหัวหน้าอีกห้าคน “พวกเจ้าคิดวิธีจัดการกับกลุ่มทหารรับจ้างของเจ้าหรือยัง ? “

ชายทั้งห้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เต้าคังจะตอบว่า “เนื่องจากเราวางแผนที่จะไปกับท่าน ท่านก็ควรแก้ไขปัญหานี้”

เจี้ยนเฉินหรี่ตาในขณะที่เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ” หลังจากเราไปถึงที่นั่นแล้ว เจ้าจะนำทหารรับจ้างทั้งหมดของเจ้าไปที่นั่น ไม่ว่าทหารรับจ้างคนที่เต็มใจติดตามข้าจะได้เข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเรา ใครที่ไม่เต็มใจก็ไปได้ ส่วนคนที่แข็งแกร่งก็คัดมาให้ข้าดูอีกที เข้าใจหรือไม่ ? “

“เข้าใจแล้ว” ทั้งห้าคนตอบพร้อมกันทันที

จากนั้นเจี้ยนเฉินก็หยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดกับพวกเขาอีกครั้งว่า ” ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่ต้องการแยกกลุ่มทหารรับจ้างแต่ไม่ต้องกังวล การติดตามข้าคือเส้นทางที่ถูกต้องในชีวิต ในอนาคตกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเราจะทำให้ทวีปเทียนหยวนต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน” ดวงตาของเจี้ยนเฉินเปล่งประกายเจิดจ้าออกมาเมื่อเขาสาบานว่าจะทำให้แผนการของเขาเป็นจริง

เมื่อคนอื่นได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก ไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเรื่องที่จริงจัง กลุ่มทหารรับจ้างที่ไม่เป็นที่รู้จักต้องการเป็นกลุ่มทหารรับจ้างชั้นเยี่ยม มันจะทำให้ทวีปเทียนหยวนต้องตกตะลึงอย่างนั้นหรือ ? คนพวกนี้มีประสบการณ์กับเส้นทางชีวิตที่ยาวนานและลำบาก พวกเขารู้ว่าด้วยความแข็งแกร่งของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีในปัจจุบัน ระยะทางที่แยกพวกเขาและเป้าหมายของเจี้ยนเฉินนั้นไม่มีที่สิ้นสุด

“หัวหน้า ตระกูลดอร์และตระกูลไค่ของเราล่ะ ? แม้ว่าตระกูลของเราจะไม่อ่อนแอแต่จุดแข็งของเรายังไม่พัฒนาในส่วนของทักษะการต่อสู้ ทั้งสองตระกูลของเรามุ่งเน้นไปที่เรื่องอื่น และถ้าเราต้องจัดสรรตัวเองใหม่ให้เป็นเหมือนกลุ่มทหารรับจ้าง นั่นจะทำให้เราเสียหายอย่างมาก” ไค่เอ้อถาม

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจี้ยนเฉินเองก็นิ่งเงียบ คำพูดของไค่เอ้อก็มีส่วนดีอยู่ ตระกูลไค่และตระกูลดอร์มีความแข็งแกร่งในบางระดับ แต่พวกเขาทั้งสองตระกูลถูกสร้างขึ้นในเรื่องธุรกิจการค้า หลังจากพัฒนามาหลายปี พวกเขาก็มีมีบทบาทอย่างมากในตลาดของเมืองเวค หากสิ่งนั้นหายไป หลายปีที่พวกเขาต้องทำงานหนักและลำบากก็จะหายไปโดยไม่มีโอกาสกลับคืนมา

เจี้ยนเฉินไตร่ตรองสิ่งนี้มาระยะหนึ่งก่อนที่จะสรุปได้ว่าทั้งสองตระกูลควรทำตามวิถีเดิม ทั้งเวสและไค่เอ้อจะเป็นผู้ดูแลการดำเนินงานของตระกูล แต่ท้ายที่สุด เจี้ยนเฉินจะเป็นผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง

ในขณะที่คนกลุ่มใหญ่เดินผ่านถนนเหมือนคลื่นที่ถาโถมเข้ามา ผู้คนในละแวกนั้นจึงมองพวกเขาด้วยความอยากรู้ ผู้ชายเจ็ดคนเป็นสมาชิกอันทรงเกียรติของเมืองเวคและแทบจะไม่ออกมาเปิดเผยตัวต่อสาธารณะ หลายคนรู้จักว่าพวกเขาเป็นใครและเริ่มพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่ถนนของสมาคมทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉินและหัวหน้าทั้งห้าคนแยกทางกัน เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปในสมาคมทหารรับจ้างพร้อมกับสมาชิกที่เหลือของตระกูลเทียนซ่งและผู้อาวุโสทั้งสองคน

ภายในกลุ่มมีทหารยามรวมทั้งหมด 43 คนและผู้อาวุโสเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 2 คน พวกเขาปฏิบัติตามขั้นตอนเล็กน้อยและกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี

ภายใน 43 คนนี้มีเซียนผู้เชี่ยวชาญ 16 คนโดยไม่คาดคิด ส่วนที่เหลืออีก 27 คนเป็นเซียนระดับสูง คนกลุ่มนี้รวมกับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 7 คน สามารถพูดได้โดยไม่เกินความจริงว่ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนีขนาดเล็กที่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนได้กลายมาเป็นหนึ่งในกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเวค

กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเติบโตขึ้นอย่างฉับพลัน ถึงกระนั้นอันดับของกลุ่มทหารรับจ้างยังคงอยู่ในระดับ C หากพวกเขาต้องการเพิ่มอันดับ พวกเขาจะต้องทำภารกิจหลายอย่างให้สำเร็จก่อน

หลังจากทำตามขั้นตอนทั้งหมดแล้ว เจี้ยนเฉินก็พาทั้งกลุ่มออกจากสมาคมทหารรับจ้าง จู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็ได้ยินเสียงดัง

“น้องเจี้ยนเฉิน ในที่สุดข้าก็พบเจ้า”

เจี้ยนเฉินหยุดการเคลื่อนตัวออกจากสมาคมทหารรับจ้างในทันทีและหันมามองทางที่มีคนเรียกโดยไม่รู้ตัว. ในขณะที่เขาหันหน้าไป,เขาเห็นชายคนที่เขาเพิ่งแยกจากเขาเมื่อสองวันก่อน หัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างอัศวิน ฮูดอฟกำลังวิ่งมาหาเขา

เมื่อฮูดอฟมาถึง เขาก็ประหลาดใจที่ทุกคนที่อยู่ข้างหลังเขาหันกลับมามองเจี้ยนเฉินทันที “น้องเจี้ยนเฉิน ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้าเห็นด้วยกับข้าหรือไม่ ? “

เจี้ยนเฉินยิ้มตอบเขาว่า หัวหน้าฮูดอฟ ท่านพูดเรื่องอะไรหรือ ? เมื่อพูดถึงฮูดอฟ เจี้ยนเฉินมีความรู้สึกค่อนข้างดีต่อเขา ดังนั้นเขาจึงสุภาพกับชายผู้นั้น

“น้องเจี้ยนเฉิน ข้าต้องการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างของเจ้าและต้องการเดินทางไปกับเจ้านับตั้งแต่วันนี้ เจ้าจะเห็นด้วยกับคำขอของข้าหรือไม่ ? ” ฮูดอฟค่อนข้างอายเมื่อเขาพูด เขาอายุ 50 ปีแล้วแต่เขากลับขอร่วมเดินทางไปทั่วทวีปเทียนหยวนกับเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี นี่เป็นคำถามที่น่าอึดอัดใจสำหรับเขามาก

เมื่อได้ยินคำพูดของฮูดอฟ เจี้ยนเฉินก็ประหลาดใจอย่างมาก คำขอของเขาเป็นสิ่งที่เจี้ยนเฉินไม่เคยคาดคิดมาก่อน

เจี้ยนเฉินสงบลงอย่างรวดเร็วทั้ง ๆ ที่ในใจยังตื่นตระหนก “ฮ่าฮ่า หัวหน้าฮูดอฟก็อยากที่จะเดินทางไปรอบทวีปเทียนหยวนพร้อมกับข้ารึ ? ถ้าอย่างนั้นข้าคงจะได้รับเกียรติอย่างมาก แต่หัวหน้าฮูดอฟจะจัดการกับกลุ่มทหารรับจ้างอัศวินอย่างไร ? “

“หลังจากที่เจ้ากลับไปเมื่อวานนี้ ข้าได้ทำข้อตกลงกับกลุ่มทหารรับจ้างอัศวิน ตำแหน่งหัวหน้าของข้าถูกส่งต่อไปยังชายที่มีความสามารถในการดูแล ซึ่งหมายความว่าข้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทหารรับจ้างอัศวินอีกต่อไป” เขาแนะนำชายห้าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา “ชายทั้งห้านี้เจ้าเคยเห็นพวกเขามาก่อน พวกเขาเป็นพี่น้องของข้าและลาออกจากกลุ่มทหารรับจ้างอัศวินพร้อมกับข้าด้วยความหวังว่าเราจะได้เดินทางกับน้องเจี้ยนเฉินอีกครั้ง” ดวงตาของฮูดอฟมุ่งมั่นขณะที่เขานึกย้อนกลับไปเมื่อเจี้ยนเฉินฆ่าสัตว์อสูรสงครามนั้นได้อย่างง่ายดาย ด้วยพลังมหาศาลในวัยหนุ่มเช่นนี้ชี้ให้เห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นหลังจากการพิจารณา ฮูดอฟจึงตัดสินใจละทิ้งการทำงานหนักหลายสิบปีจนเขาได้กลายมาเป็นผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างอัศวิน และยอมกลายมาเป็นผู้ติดตามของเจี้ยนเฉินแทน

เจี้ยนเฉินมองผู้คนทั้งห้าที่ยืนอยู่ข้างหลังฮูดอฟ ห้าคนนี้ดูไม่คุ้นเคยเลย พวกเขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มทหารรับจ้างอัศวิน ! เจี้ยนเฉินจะไม่ปฏิเสธคำขอของพวกเขาที่จะเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเขาและนำพวกเขาทั้งหกไปจัดการกับขั้นตอนอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ 6 คน

ในเวลานี้ ผู้บัญชาการเต้าหลีเข้ามาดูพร้อมกับทหารสองคนที่อยู่ข้างเขา ทันใดนั้นเขาก็เดินไปยังเจี้ยนเฉิน เขาประสานมือแล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “น้องเจี้ยนเฉิน ท่านเจ้าเมืองอยากให้เจ้ามาที่จวนของเขาเพื่อพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องสำคัญบางอย่าง