ตอนที่ 230: สัตว์อสูรระดับ 5
คำเชิญของเจ้าเมืองเวคนั้นเป็นสิ่งที่เจี้ยนเฉินปฏิเสธไม่ได้ นอกจากนี้เขายังมีบางสิ่งที่สำคัญที่เจ้าเมืองหยุนหลีสามารถช่วยเหลือได้
“ผู้บัญชาการเต้าหลี โปรดรอให้ข้าสะสางเรื่องที่นี่ให้เสร็จก่อน ข้าจะรบไปทันที ” เจี้ยนเฉินประสานมือตอบ ตอนนี้เขาไม่ได้จัดแจงตำแหน่งและภารกิจให้กับสมาชิกเลย และถ้าเขาไม่ดูแลเรื่องนี้ คนจำนวนมากจะไม่พอใจซึ่งมันเป็นสิ่งที่เจี้ยนเฉินต้องการหลีกเลี่ยง
ไม่เป็นไร ข้ามาส่งคำเชิญตามหน้าที่ หมดธุระของข้าแล้วข้าขอตัวกลับก่อน” ผู้บัญชาการเต้าหลีมองหน้าเจี้ยนเฉินอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะดูคนที่อยู่ข้างหลังเขา จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากสมาคมทหารรับจ้างโดยไม่พูดอะไรอีก
หลังจากที่ผู้บัญชาการเต้าหลีจากไป เจี้ยนเฉินก็ออกจากสมาคมทหารรับจ้างด้วยเช่นกัน เนื่องจากสมาคมทหารรับจ้างมักมีคนจำนวนมากเข้ามาในอาคารในเวลาเดียวกัน มันจึงไม่แปลกที่จะเห็นคนยี่สิบหรือสามสิบคนในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเมื่อเจี้ยนเฉินเดินออกไปพร้อมกลุ่มคนสี่สิบคน มันก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใด ๆ
“ไค่เอ้อ ! ” ขณะที่พวกเขาเดินไป เจี้ยนเฉินก็เรียกชื่อของชายผู้หนึ่ง
“หัวหน้า ท่านมีอะไรจะสั่งหรือ ? ” ไค่เอ้อที่มีอายุ 60 ปีตอบอย่างรีบเร่ง หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน เขาก็ทำตัวสุภาพตลอดเวลา
หลังจากสิบปีที่ไค่เอ้อเป็นทหารรับจ้างธรรมดาในช่วงเริ่มแรกจนกลายหัวหน้า เขาก็มีประสบการณ์หลายอย่าง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าถ้ามีผู้อุปถัมภ์ที่มีอำนาจ พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าทุกกลุ่ม นอกจากนี้หากผู้สนับสนุนรายนี้แข็งแกร่งพอ เขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกันและจะไม่มีใครกล้าทำให้เขาขุ่นเคืองใจ
ในขณะที่เจี้ยนเฉินอายุประมาณ 20 ปี เขาก็มีความแข็งแกร่งในระดับสูงเช่นนี้แล้ว บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงนี้เพียงอย่างเดียว ไค่เอ้อจึงสันนิษฐานว่าเจี้ยนเฉินมีผู้หนุนหลังที่ทรงอำนาจ แม้ว่าเขาจะไม่มีผู้หนุนหลังและเป็นเพียงอัจฉริยะในการบ่มเพาะ ไค่เอ้อก็เต็มใจที่จะติดตามเขาด้วยวิธีการนั้น แม้แต่ผู้อาวุโสเวสก็มีข้อสรุปที่คล้ายกัน ดังนั้นผู้อาวุโสทั้งสองคนนี้ก็พร้อมที่จะติดตามเจี้ยนเฉิน เพราะถ้าเขายังคงเดินไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปเช่นกัน.
ช่วงเวลานี้ยังเป็นโอกาสของพวกเขาที่จะไปถึงจุดสูงสุดในอนาคตได้อย่างแม่นยำ หากพวกเขารอจนกระทั่งชื่อของเจี้ยนเฉินยืนอยู่ด้านบนสุดของทวีป มันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะติดตามเขาแม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม
“ทำไมไม่พาทุกคนไปยังตระกูลไค่เพื่อรออยู่ที่นั่นสักครู่ ในขณะที่ข้าไปที่จวนของเจ้าเมือง เราจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ทีหลัง” เจี้ยนเฉินกล่าว
“ได้ขอรับ หัวหน้า ! ” ไค่เอ้อตอบด้วยความเคารพ
“เวส เจ้ากลับไปที่ตระกูลของเจ้าก่อน ในอนาคตเจ้าและไค่เอ้อควรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจการค้าและทำงานร่วมกันเพื่อให้สามารถควบคุมธุรกิจทั้งหมดของเมืองเวคได้”
“ไม่ต้องกังวลหัวหน้า ตระกูลไค่และตระกูลดอร์รวมกันอาจอ่อนแอกว่าตระกูลเทียนซ่ง แต่ตอนนี้ตระกูลโจวและตระกูลเทียนซ่งถูกทำลาย อำนาจทางการเมืองของพวกเขาก็หายไปหมด เราสามารถคว้าโอกาสนี้และต่อสู้เพื่ออำนาจที่พวกเขาทิ้งไว้และค่อย ๆ ควบคุมเมืองเวค อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้ เราจะต้องมีอิทธิพลหนุนหลังเช่นกันเนื่องจากหลายกลุ่มที่ทรงพลังคงไม่ถูกรังแกง่าย ๆ ในกรณีที่พวกเขารวมพลังกันแล้ว ตระกูลไค่และตระกูลดอร์ของเราจะไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา” เวสกล่าว
เจี้ยนเฉินพยักหน้ายอมรับก่อนที่จะพูดว่า “เราไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้มากเกินไป ตอนนี้เมืองเวคกำลังใกล้จะถูกสัตว์อสูรบุก เมื่อมันจบลง เราค่อยมาคุยกันอีกที”
หลังจากให้คำแนะนำกับสมาชิกทหารรับจ้างอัคนี เจี้ยนเฉินก็รีบออกเดินทางไปจวนเจ้าเมืองทันที
หลังจากเจี้ยนเฉินมาถึงจวนเจ้าเมือง ทหารยามที่เฝ้าประตูกั้นเส้นทางของเขาก่อนที่จะถามอย่างสุภาพว่า “ท่านใช่ท่านเจี้ยนเฉินหรือไม่ ? “
“ถูกต้อง ข้าเอง ! ” เจี้ยนเฉินสบตาทหารยามอย่างสงบ
“ท่านเจี้ยนเฉินโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปแจ้งท่านเจ้าเมือง” ทันทีหลังจากยืนยันตัวตน ทหารยามก็รีบวิ่งเข้าไปในจวน
เมื่อเห็นชายคนนั้นหายเข้าไปในจวน เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้รีบเร่งอะไร เขาเริ่มรอที่ประตูแทน ไม่นานนักหยุนหลีที่แต่งตัวเรียบหรูก็เดินออกมาจากข้างใน
“อ้าว น้องเจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าถึงไปยืนอยู่นอกประตูล่ะ? ทหารยามของข้าช่างโง่เง่าเสียจริง เข้ามานั่งข้างในสิ” หยุนหลีมีรอยยิ้มที่จริงใจบนใบหน้าของเขาขณะที่เขาเชิญชวนเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยิ้มตอบและติดตามหยุนหลีเข้าไปในห้องรับแขกซึ่งพวกเขาเริ่มพูดคุยกัน
ภายในห้องที่เงียบสงบหยุนหลีและเจี้ยนเฉินกำลังจะนั่งลง เจี้ยนเฉินก็ถามขึ้นมาว่า “ท่านเจ้าเมืองมีอะไรต้องการพูดคุยกับข้าหรือขอรับ ? “
อืม หยุนหลีถอนหายใจทันที รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าและเขากลับกลายเป็นเคร่งขรึม
“น้องเจี้ยนเฉิน หลังจากที่เจ้าปรากฏตัว เมืองเวคของเราก็สูญเสียความแข็งแกร่งไปมาก ตอนนี้ยังมีการบุกรุกของสัตว์อสูรที่กำลังจะมาถึง ความกดดันก็ค่อนข้างมากกว่าเดิม” หยุนหลีมองหน้าเขาอย่างขมขื่น สีหน้าเขาบ่งบอกถึงความวิตกกังวลอย่างมาก
เจี้ยนเฉินยิ้มหลังจากฟังหยุนหลี “ท่านเจ้าเมือง รบกวนท่านช่วยตอบคำถามข้าทีว่า ที่ผ่านมาเคยมีสัตว์อสูรระดับ 5 ปรากฏให้เห็นบ้างหรือไม่ ? “
ใบหน้าของหยุนหลียิ่งจริงจังมากขึ้นเมื่อเขาคิดถึงคำถามของเจี้ยนเฉิน ” เคยมี แต่ดูเหมือนจะปรากฏตัวให้เห็นทุก ๆ สิบถึงยี่สิบปี และจากบันทึกที่ผ่านมาจากรากฐานของเมืองเวคมันก็ผ่านมา 20 ปีแล้ว นอกจากนี้ยังมีการบันทึกเหตุการณ์ 5 เหตุการณ์ที่มีสัตว์อสูรระดับ 5 ในแต่ละครั้งเมืองเวคของเรามีการสูญเสียครั้งใหญ่และต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อฆ่าพวกมัน ในเหตุการณ์ครั้งสุดท้าย เราได้ติดต่อกับเมืองจักรพรรดิ พวกเขาส่งเซียนปฐพีมารับมือกับมัน ครั้งนั้นเมืองเวคจึงไม่ได้รับความเสียหายมากนัก”
“โอ้ หากเป็นเช่นนั้น โอกาสการโจมตีของสัตว์อสูรระดับ 5 จึงไม่ถือว่าสูงมาก” เจี้ยนเฉินพึมพำด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ “ท่านเจ้าเมืองหยุนหลีไม่จำเป็นต้องกังวล ข้า เจี้ยนเฉินจะใช้กำลังทั้งหมดของข้าเพื่อปกป้องเมืองเวคจากอันตรายของสัตว์อสูร ตราบใดที่ไม่มีสัตว์อสูรระดับ 5 มันก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ แม้ว่าเราจะสูญเสียเทียนซ่งหลีและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีก 3 คน ข้าคนนี้ก็สามารถจัดการได้อย่างไม่น้อยหน้าคนอื่น”
“ฮ่าฮ่า หากเจ้าพูดเช่นนั้น น้องเจี้ยนเฉิน ข้าก็สบายใจขึ้นมาก ข้าเชื่อว่าน้องเจี้ยนเฉินเป็นคนพูดจริงทำจริง” คิ้วที่ขมวดแน่นของหยุนหลีค่อย ๆ คลายในขณะที่เขาฟังเจี้ยนเฉิน แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินมาก่อน แต่เขาก็มั่นใจเพราะเจี้ยนเฉินสามารถทำลายตระกูลโจวและตระกูลเทียนซ่งได้ตามลำพัง
“นายท่าน มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ! “
ทันใดนั้นเสียงร้องของคนที่ตื่นตระหนกก็ดังมาจากนอกห้อง หลังจากนั้นไม่นานประตูที่ปิดก็ถูกกระชากออก ทหารที่มีสภาพอาบเลือดรีบวิ่งเข้ามา
“นายท่าน มีบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้น ! กองทหารที่เราส่งไปยังป่าสัตว์อสูรในภารกิจสอดแนมปะทะกับสัตว์อสูรระดับ 5 ! สัตว์อสูรระดับ 5 ฆ่าทุกคนตายเรียบ มีข้ารอดชีวิตมาคนเดียว ! ” ทหารตะโกนพลางหายใจหอบขณะที่เขาพยายามถ่ายทอดคำพูดของเขาอย่างต่อเนื่อง