บทที่ 342 : เกิดเรื่อง!

หลังจากที่หลิงหยุนนั่งลง เสี่ยวเฉิงเยี่วยก็ประกาศเริ่มงานวันเกิดของเสี่ยวเม่ยหนิงอย่างเป็นทางการ และเพียงแค่คำพูดประโยคเดียว บรรยากาศภายในห้องรับแขกก็เริ่มเปลี่ยนเป็นครึกครื้นทันที

โต๊ะที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากที่สุด เห็นจะไม่พ้นโต๊ที่หลิงหยุนนั่ง หนุ่มๆแต่ละคนต่างก็ออกอาการตื่นเต้นสุดขีด และเฝ้ารอให้นางเอกของงานปรากฏตัว เพื่อที่พวกเขาจะได้เตรียมมอบของขวัญวันเกิดที่ครอบครัวได้เตรียมไว้ให้แก่เสี่ยวเม่ยหนิง อีกทั้งต้องการรู้ว่าท้ายที่สุดของขวัญจากใครที่จะสามารถชนะใจเสี่ยวเม่ยหนิงได้..

ช่างแตกต่างจากงานวันเกิดของคนธรรมดาทั่วไป ผู้ที่มาร่วมงานในวันนี้ ต่างก็ไม่ได้มาเพื่อรับประทานอาหารในงานเลี้ยง เพราะแต่ละคนที่มาร่วมงานนั้น นอกเหนือจากมาแสดงความยินดีแล้ว แต่ละคนล้วนมีจุดหมายอื่นซ่อนอยู่ และจุดหมายของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป

โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มๆ ที่ต่างก็เติบโตมาในตระกูลที่ร่ำรวย ไม่ว่าอาหารชั้นเลิศเพียงใด ทุกคนต่างก็เคยลิ้มรสกันมาหมดแล้วทั้งนั้น!

ดังนั้น แม้ว่าเสี่ยวเฉิงเยี่วยจะได้เชิญเชฟที่เก่งที่สุดในปักกิ่งมาเตรียมอาหารในงานเลี้ยงให้ อาหารที่เสริฟขึ้นโต๊ะนั้น จึงทั้งปราณีตและน่ารับประทานอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครสนใจและใส่ใจกับอาหารบนโต๊ะมากนัก

ที่สำคัญ.. งานเลี้ยงในลักษณะนี้เน้นให้ความสำคัญในเรื่องของความยิ่งใหญ่อลังการ มากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับเนื้อหาสาระของงาน และแน่นอนว่างานจะไม่จบลงเพียงแค่สองชั่วโมงสั้นๆนี้แน่

จุดไคลแม็กซ์ของงานเลี้ยงวันเกิดในคืนนี้มีเพียงแค่สองเรื่อง.. เรื่องแรกคือการเป่าเทียนวันเกิดของเสี่ยวเม่ยหนิง และรอรับคำอวยพรจากทุกๆคน เรื่องที่สองนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องของขวัญวันเกิด

ของขวัญวันเกิดที่จะมอบให้กับเสี่ยวเม่ยหนิงนั้น นอกจากจะเป็นการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวแล้ว ยังแสดงถึงจุดประสงค์ของผู้ที่มอบให้ด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ มันเป็นช่วงเวลาที่แต่ะละตระกูลจะได้โอ้อวดความยิ่งใหญ่และสถานภาพทางสังคมของตนเอง!

บรรดาหนุ่มๆในโต๊ะต่างก็ตั้งตารอคอยให้เสี่ยวเม่ยหนิงลงมาข้างล่างอย่างใจจดใจจ่อ!

เสี่ยวเฉิงเยี่วยพาหลิงหยุนมาส่งที่เก้าอี้ที่ได้เตรียมไว้ให้ เก้าอี้ของเขานั้นอยู่ระหว่างคุณชายฮู๋เซ่าป๋ายแห่งสำนักหมอหุบเขาเทวะ และคุณชายหลงเทียนยู่แห่งตระกูลหลง..

และนั่นทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต่างก็ไม่พอใจ และนึกรังเกียจอยู่เงียบๆ

ตอนแรก.. ทั้งคู่ต่างก็คิดว่าผู้ที่จะมานั่งระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้น จะเป็นบุคคลพิเศษจนน่าตกใจ และเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติพิเศษเหมาะสมที่จะเป็นแขกคนพิเศษของท่านหมอเสี่ยวกับเสี่ยวเม่ยหนิง แต่เมื่อหลิงหยุนเดินเข้ามา ทั้งสองคนจึงได้แต่มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง..!

นั่นเพราะคนทั้งโต๊ะต่างก็ไม่มีใครรู้จักหลิงหยุนเลยแม้แต่คนเดียว!

และเมื่อได้เห็นการแต่งตัวของหลิงหยุน หนุ่มๆในโต๊ะต่างก็นึกรังเกียจที่จะได้นั่งร่วมโต๊ะกับเขา เพราะเสื้อผ้าที่หลิงหยุนสวมใส่นั้น เทียบกับผู้ชายในโต๊ะไม่ได้เลยแม้แต่น้อย หลิงหยุนไม่เพียงแต่งตัวไม่เหมาะสมกับงาน แต่เสื้อผ้าของเขายังเป็นเสื้อผ้าเกรดต่ำ เรียกได้ว่าไม่คู่ควรกับงานอย่างมาก!

แต่นี่เป็นชุดที่หลิงหยุนรีบไปหาซื้อจากร้านข้างถนนในหวู่ฮั่นมา ไม่เช่นนั้นแล้ว หากเขาสวมเสื้อคลุมของตู้กู่โม่มา อย่าว่าแต่จะเข้ามาในบ้านของท่านหมอเสี่ยวเลย เขาคงต้องถูกห้ามไม่ให้เข้าตั้งแต่หน้าหมู่บ้านแล้วอย่างแน่นอน

หนุ่มๆที่นั่งร่วมโต๊ะเริ่มจากมองหลิงหยุนด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็เริ่มแสดงสายตารังเกียจเหยียดหยัน หลายคนถึงกับยิ้มหยันให้กับหลิงหยุน..

ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะมีรูปร่างหน้าตาที่ดีกว่าพวกเขา แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่! เพราะมีเพียงแค่ความหล่ออย่างเดียวนั้นทำอะไรไม่ได้!

แม้แต่หลงเทียนยู่ที่ปกติเป็นคนสงบเยือกเย็น ยังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่เป็นงานวันเกิดของหนิงน้อย แต่หลิงหยุนกลับทำเหมือนไม่ให้เกียรติ?!

เขารีบขยับเก้าอี้ออกห่างจากหลิงหยุนเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับถามยิ้มๆ

“หลิงหยุน.. ดูเหมือนพวกเราทั้งหมดน่าจะอายุมากกว่านาย ช่วยแนะนำตัวให้พวกเรารู้จักหน่อยสิ นายเป็นคนที่ใหน..?”

หลิงหยุนยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน และพูดอย่างไม่เกรงกลัว “ผมเป็นคนเมืองจิงฉู.. ส่วนแม่ผมก็เปิดคลีนิค..”

เมื่อทุกคนได้ยินหลิงหยุนแนะนำตัว ต่างก็แสดงสีหน้าผิดหวัง และหนึ่งในนั้นถึงกับยิ้มหยันและถามขึ้นว่า “แล้วนายไปรู้จักหนิงน้อยได้ยังไงกัน?”

หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ผมกับหนิงน้อยเรียนที่เดียวกัน.. ผมเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมจิงฉู..”

หนึ่งในนั้นคิดในใจว่า.. ที่แท้ก็เป็นเพื่อนนักเรียนนี่เอง ถึงได้สนิทสนมกัน!

ชายหนุ่มพวกนี้เมื่อเห็นใครที่ดูเหมือนจะมีสถานะที่ต่ำต้อยกว่าตนเอง ก็เริ่มที่อยากจะล้อเลียน หนึ่งในนั้นยกมือขึ้นชี้ไปรอบๆห้องรับแขกแล้วพูดขึ้นว่า

“หลิงหยุน.. ดูท่านายจะมีปัญหาแล้วล่ะ?!”

หลิงหยุนมองไปรอบๆห้องรับแขก พร้อมกับคิดว่าระหว่างที่เดินเข้ามาในบ้านนั้น เขาก็มองเห็นปัญหาจริงๆ จึงได้แต่ตอบกลับไปว่า

“ใช่.. น่าจะมีปัญหาจริงๆ!”

หนุ่มๆในโต๊ะต่างก็มองหน้ากัน และก็หัวเราะออกมาเสียงดัง!

ชายหนุ่มพวกนั้นไม่เข้าใจความหมายของหลิงหยุน ที่หลิงหยุนพูดว่าน่าจะมีปัญหานั้นก็เพราะว่า เมื่อเขาเข้ามาในบ้าน นอกจากท่านหมอเสี่ยวแล้ว เขาก็ไม่พบใครที่เขารู้จักเลยแม้แต่คนเดียว!

หลิงหยุนคิดไว้ว่าอย่างน้อยในงานวันเกิดของหนิงน้อย เขาน่าจะได้พบหนิงหลิงยู่ ถังเมิ่ง เกาเฉินเฉิน เฉิงเม่ยเฟิง หรือเพื่อนคนอื่นๆ หรือไม่อย่างน้อยเขาก็น่าจะได้พบนางฉินจิวยื่อบ้าง!

แม้ว่าเสี่ยวเม่ยหนิงจะเป็นเด็กสาวที่เอาแต่ใจ แต่ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา หลิงหยุนไม่เชื่อว่าเสี่ยวเม่ยหนิงจะไม่เชิญคนเหล่านี้มาในงานวันเกิดของเธอ!

เสี่ยวเม่ยหนิงเองก็เคยพบเจอแม่ของเขา อีกทั้งสองคนก็ยังพูดคุยกันถูกคอ แม่ของเขาก็เอ็นดูหนิงน้อยอย่างมาก! หากเสี่ยวเม่ยหนิงเอ่ยปากชวน แน่นอนว่านางฉินจิวยื่อต้องไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน!

หลิงหยุนมั่นใจว่าหนิงน้อยจะต้องเชิญทุกคน แต่เหตุใดเขาจึงไม่พบใครในงานเลยแม้แต่คนเดียว? นี่เป็นเรื่องที่ไม่ปกติ!! และน่าจะต้องเกิดปัญหาอะไรบางอย่างขึ้นอย่างแน่นอน!!

ชายหนุ่มที่อยู่ในโต๊ะเดียวกันอีกคนก็พูดต่อว่า “นายคงตกใจสินะที่ไม่พบเพื่อนคนอื่นในงานเลี้ยงเลย นายไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไมเพื่อนคนอื่นๆถึงไม่มางานนี้?”

ชายหนุ่มพวกนี้ไม่มีทางรู้หรอกว่าสิ่งที่หลิงหยุนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เป็นเรื่องสำคัญกว่าที่พวกเขาคิดมาก และหลิงหยุนก็ไม่อยากเสียเวลาตอบโต้กับคนพวกนี้ เขาจึงเลือกที่จะเงียบ แต่คนพวกนั้นกลับเข้าใจว่าพวกเขาสามารถรังแกหลิงหยุนได้ จึงเริ่มพูดเหน็บแนมเขามากขึ้น และก้าวร้าวกว่าเดิม พร้อมกับเปิดตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับหลิงหยุน..

“ให้ผมรีบออกไปจากงานงั้นเหรอ? หนิงน้อยยังไม่ลงมาเลย แล้วทำไมผมต้องออกไปจากงานนี้ด้วยล่ะ?” หลังจากที่ฟังคนพวกนี้เหน็บแนมมานาน หลิงหยุนจึงหยุดครุ่นคิดปัญหาที่คาใจไว้ก่อน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นพูดกับชายหนุ่มสองคนที่พูดไม่หยุด พร้อมกับยิ้มให้คนทั้งคู่..

วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหนิงน้อย หลิงหยุนไม่ต้องการทำลายบรรยากาศที่อบอวลด้วยความสุข เขาจึงไม่ใส่ใจกับเด็กหนุ่มพวกนี้ และปล่อยให้พวกเขาพูดพล่ามไปเรื่อยๆ

ตอนนี้เขามีกระบี่โลหิตแดนใต้อยู่ในมือ อีกทั้งเพิ่งจะเอาชนะยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1มาได้ เขาจึงไม่อยากเสียเวลาไปวุ่นวายกับเด็กมีเงินพวกนี้

อะแฮ่ม..!!

หลี่ยั่วหมิงก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่า ชายหนุ่มคนสองนั้นพูดมากเกินไป เขาจึงกระแอมเพื่อเป็นการเตือน จากนั้นจึงถามหลิงหยุนยิ้มๆ

“หลิงหยุน.. นายเตรียมของขวัญวันเกิดอะไรมาให้หนิงน้อยงั้นเหรอ?”

“ของขวัญวันเกิดงั้นเหรอ? ผมไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดมาให้หนิงน้อยเลย..”

เมื่อหลี่ยั่วหมิงถามเรื่องนี้ขึ้นมา หลิงหยุนจึงตอบไปว่าเขารีบร้อนมาที่นี่จึงไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดมาให้หนิงน้อย.. และเขาก็ไม่ได้เตรียมมาจริงๆ..

หลิงหยุนนึกเสียดายที่เขาไม่ได้เก็บโสมพันปีในหุบเขามาด้วย ที่นั่นมีอยู่หลายต้น หากเขานำมาเป็นของขวัญวันเกิดให้หนิงน้อยสักต้นก็น่าจะดี..

ชายหนุ่มในโต๊ะเมื่อได้ยินคำตอบของหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง ต่างก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้กันพร้อมกับมองหลิงหยุนราวกับเป็นตัวตลก

“มางานวันเกิดของหนิงน้อยทั้งที แต่กลับไม่เตรียมของขวัญมาให้? ฮ่า.. ฮ่า..ฮ่า..”  ชายหนุ่มสองคนต่างก็พูดเหน็บแนมหลิงหยุนขึ้นมาทันที

ฮู๋เซ่าป๋ายที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า และยังไม่รู้จักวรยุทธ อีกทั้งยังพูดจาโง่ๆ เขาจึงแสดงสีหน้ารังเกียจ พร้อมกับขยับเก้าอี้ออกห่างจากหลิงหยุน

“ดูท่าจะเป็นคางคกอยากจะกินเนื้อหงส์สินะ.. ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ดูจากการแต่งตัวของคุณหลิงแล้ว.. นี่คงจะเป็นเทรนด์ใหม่ ไม่ทราบว่าเสื้อผ้าที่ใส่เป็นของแบรนด์ใหนเหรอครับ?”

“ไม่รู้เป็นไง.. ปีนี้ผมเจอแต่คนที่อยากทำตัวเด่นดัง แต่ยิ่งแสดงออกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูออกว่าโง่มากเท่านั้น..”

หนุ่มๆในโต๊ะต่างก็เริ่มแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนานา ที่เป็นการเยาะเย้ยหลิงหยุน และดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะทำให้พวกเขามีความสุขมาเป็นพิเศษ

หลิงหยุนได้แต่แอบหัวเราะให้กับคำพูดไร้สาระพวกนั้น..!

หลังจากผ่านไปห้าหรือหกนาที จู่ๆหลิงหยุนก็หันหลังจ้องมองไปทางบันไดบ้าน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง..

“เจ้าของงานวันเกิดลงมาแล้ว!”

“หนิงน้อยลงมาแล้ว..”

ที่มุมหนึ่งของบันได.. เสี่ยวเม่ยหนิงอยู่ในชุดราตรีสีแดงที่สวยสง่า สีของชุดช่วยขับผิวขาวนวลดั่งหิมะของเธอให้โดดเด่น สวมรองเท้าส้นสูงเป็นประกายแวววาว มือขวาจับกระโปรงไว้ สาวน้อยที่สูงส่งและสวยสง่ากำลังเดินลงบันไดมาพร้อมกับแม่ของเธอ – นางจางเม่ยหยิวน

แน่นอนว่าคืนนี้เสี่ยวเม่ยหนิงเป็นนางเอกเพียงคนเดียวของงาน ทันทีที่เธอปรากฏตัว เสียงปรบมือก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งห้องรับแขก..

“สวยงามเหลือเกิน..”

“หนิงน้อย.. หนิงน้อยมาแล้ว..”

“นี่คือเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี.. นี่ถ้าโตกว่านี้อีกสองปี ฉันว่าคงหาใครเทียบไม่ได้..”

…….

“พี่หลิงหยุน!!”

เสี่ยวเม่ยหนิงไม่สามารถอดทนรอได้นานกว่านี้ เธอขอร้องให้แม่ช่วยแต่งหน้าบางๆให้กับเธอ เอาแค่ปกปิดรอยช้ำรอบดวงตาของเธอก็พอ จากนั้นเธอก็รีบวิ่งลงบันไดมาหาหลิงหยุน!

ยังไม่ทันที่จะลงบันไดขั้นสุดท้ายด้วยซ้ำ เสี่ยวเม่ยหนิงก็ขยี้ตา เธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังจ้องมองมาที่เธอ

ดวงตาของเสียวเม่ยหนิงและสีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดใจอย่างที่สุด เธอไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีก นอกจากรีบวิ่งตรงไปหาหลิงหยุนที่โต๊ะ!

หลิงหยุนลุกขึ้นยิ้มพร้อมกับเตะเก้าอี้ออกไปด้านข้าง ภายใต้ทุกสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมาอย่างงุนงงและตกตะลึง หลิงหยุนอ้าแขนรอรับร่างของหนิงน้อย..!

เสี่ยวเม่ยหนิงวิ่งเร็วขึ้น และโผเข้าหาอ้อมกอดของหลิงหยุนทันที ราวกับเกรงว่าหลิงหยุนจะหนีไปอีกครั้ง อ้อมแขนขาวอมชมพูของเธอรีบยื่นออกไปรัดรอบเอวของหลิงหยุนไว้แน่น!

แต่สาวน้อยที่เอาแต่ใจตัวเองกลับไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน ได้แต่ซบหน้าลงบนอกของเขา แล้วน้ำตาก็ไหลพรากราวกับสายฝนจนเปี่ยกไปทั่วทั้งอกของหลิงหยุน

“หนิงน้อย.. อย่าร้องไห้! มีคนมองดูอยู่เต็มไปหมด! ผมกลับมาแล้วนี่ไง?!”