บทที่ 341 : ตกใจและดีใจ!

แน่นอนว่ายอดฝีมือขั้นเซียงเทียนอย่างท่านหมอเสี่ยวนั้น ย่อมเป็นคนแรกที่รับรู้ได้ถึงการมาของหลิงหยุน! เขาลุกขึ้นยืนตั้งแต่ที่หลิงหยุนยังไม่ส่งเสียงด้วยซ้ำไป!

ความกังวลใจ และกระวนกระวายเมื่อครู่ ได้มลายหายไปจากใบหน้าของท่านหมอเสี่ยวทันที แต่สีหน้าของเขาในยามนี้กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และปิติยินดีจนพูดอะไรไม่ออก!

ท่านเสี่ยวหมอเทวดาผุดขึ้นจากเก้าอี้ และจิตใจของเขาก็ได้ล่องลอยไปยืนรอหลิงหยุนอยู่ที่นอกบ้านเรียบร้อยแล้ว..

แต่จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ทุกคนกำลังจ้องมองอยู่ ท่านหมอเสี่ยวที่ก้าวขาออกไปได้เพียงแค่สองก้าวจึงต้องหยุดชะงัก และยืนรอหลิงหยุนนิ่งอยู่ในห้องรับแขกด้วยความตื่นเต้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า

ท่านหมอเสี่ยวรู้ตัวดีว่า ตนเองนั้นเป็นที่สนอกสนใจของผู้คนที่มาในงานคืนนี้ และสังเกตุว่าทุกคนต่างก็กำลังจ้องมองการกระทำของเขาอยู่ และต่างก็เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างปกปิดไม่ได้ของเขา

ทุกคนในห้องต่างก็รู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างมาก ไม่มีใครรู้จักหลิงหยุน และไม่มีใครรู้ว่าหลิงหยุนเป็นลูกหลานตระกูลใด จึงได้เป็นที่สนอกสนใจของคนสำคัญในบ้านนี้ทั้งสองคนมาก?

สำคัญจนแม้กระทั่งเสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับประกาศลั่นว่า หากหลิงหยุนไม่มาในงานคืนนี้ เธอจะไม่ยอมลงมาเด็ดขาด!

ส่วนท่านหมอเสี่ยวนั้น แม้ว่าจะทำหน้าที่รับของขวัญจากแขกเหรื่อได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่หากสังเกตุสักนิดจะเห็นว่าคืนนี้ท่านหมอเสี่ยวมีท่าทางคล้ายคนใจลอยแม้ว่าหน้าตาจะยิ้มแย้ม..

แต่เพียงแค่ได้ยินว่าหลิงหยุนมาแล้ว และยังไม่ทันที่เขาจะเดินเข้ามาในบ้านด้วยซ้ำไป แต่ท่านหมอเสี่ยวกลับแสดงท่าทีตื่นเต้นจนถึงกับลุกออกไปจากเก้าอี้ และแทบจะเดินออกไปต้อนรับเขาด้วยตัวเองถึงหน้าบ้าน เช่นนี้แล้วจะไม่ทำให้ทุกคนในงานประหลาดใจได้อย่างไรกัน?

แขกที่มาในงานคืนนี้ ผู้ที่ควรค่าให้เท่านหมอเสี่ยวออกไปทักทายและต้อนรับด้วยตัวเองนั้น น่าจะมีเพียงเพื่อนเก่าแก่ของเขาเท่านั้นไม่ใช่หรือ!

อีกทั้งการปรากฏตัวของหลิงหยุนก็ไร้มารยาทสิ้นดี.. ยังไม่ทันที่จะปรากฏตัว เขาก็ตะโกนเสียงดังมาก่อนแล้ว นี่ไม่เรียกว่าเป็นการไม่ให้เกียรติท่านหมอเสี่ยวงั้นหรือ?

ใครๆต่างก็รู้ว่าดวงใจของท่านหมอเสี่ยวก็คือหลานสาวคนเดียว – เสี่ยวเม่ยหนิง แต่เมื่อหลิงหยุนร้องบอกว่าเธอสมควรถูกทำโทษ.. ไม่เพียงท่านหมอเสี่ยวไม่โกรธแม้แต่น้อย แต่กลับมีท่าทางตื่นเต้นมากด้วย!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ต่อมเจริญอาหารของแขกในงานต่างก็หยุดทำงานทันที ทุกคนต่างก็นั่งครุ่นคิดว่าหลิงหยุนเป็นใคร? มาจากใหน? และเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงนี้จากปู่และหลานสาวคู่นี้เชียวหรือ?

ในที่นี้.. ยังมีใครสูงส่งกว่าคุณชายฮู๋เซ่าป๋ายแห่งสำนักหมอหุขเขาเทวะ คุณชายเจ็ด-หลงเทียนยู่แห่งตระกูลหลง และคุณชายสี่-หลี่ยั่วหมิงแห่งตระกูลหลี่อีกบ้าง?

ไม่เพียงแค่ชายหนุ่มหลายคนในโต๊ะที่อยากรู้อยากเห็น คนอื่นๆต่างก็จับจ้องไปที่ประตูห้องรับแขกเช่นกัน ทุกคนต่างรอคอยหลิงหยุนที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านอย่างใจจดใจจ่อ

ในเวลเดียวกันนั้นเอง ที่ชั้นสองของบ้านท่านหมอเสี่ยว..

หลังจากที่เสี่ยวเม่ยหนิงเพิ่งจะเกรี้ยวกราดใส่พ่อของตัวเอง ยังไม่ทันที่เสียงของเธอจะดับลง เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูตะโกนสวนกลับมา เป็นน้ำเสียงที่นิ่งเรียบแต่ก็มีพลัง น้ำเสียงนั้นเป็นน้ำเสียงที่เธอเองก็ไม่ได้ยินมาถึงหกวัน!

เมื่อสมองของเธอเริ่มทำงาน.. เธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของใคร เลือดในตัวของเธอเริ่มสูบฉีด หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นเร็ว และร่างที่แข็งทื่อก็เริ่มสั่นไปทั้งตัว จากนั้น.. เธอก็ลุกขึ้นยืนทันที!

เสี่ยวเม่ยหนิงอยากจะวิ่งออกไป แต่เธอกลับไม่สามารถขยับตัวได้! เธออยากจะร้องตะโกนออกไป แต่ก็ไม่มีเสียง! ความสุขเกิดขึ้นกับเธออย่างกะทันหัน เธอแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เธอกำลังคิดว่าตัวเธอเองนั้นกำลังหูแว่ว!

เสี่ยวเม่ยหนิงกรีดร้องแทบเป็นบ้าอยู่ในใจ เธอส่ายหน้าพร้อมกับครุ่นคิดว่า ‘พี่หลิงหยุน.. พี่หลิงหยุนกลับมาแล้ว.. นี่เขากลับมาแล้วจริงๆงั้นเหรอ?’

หลังจากผ่านความรู้สึกสูญเสียมาแล้ว ผ่านความโศกเศร้าเสียใจ และทุกข์ทรมานมานาน นี่เป็นความสุขที่เกิดขึ้นอีกครั้ง! เธอเพิ่งจะเข้าใจว่าความสุขในชีวิตของเธอคืออะไร?!

“หนิงน้อย.. หนิงน้อย..”

เสี่ยวเฉิงเยี่วยและจางเม่ยหยิวนต่างก็ได้ยินเสียงของหลิงหยุนเช่นกัน ทั้งคู่จ้องมองลูกสาวด้วยความตื่นเต้น และตกใจกับปฏิกิริยาของลูกสาว จนจางเม่ยหยิวนต้องจับตัวหนิงน้อยเขย่าพร้อมกับร้องเรียก..

“หนิงน้อย.. ได้ยินไม๊ลูก พี่หลิงหยุนของลูกมาแล้ว ยังไม่รีบลงไปข้างล่างอีก?” เสี่ยวเฉิงเยี่วยร้องเตือนลูกสาวตัวเอง

“จริงเหรอคะ.. พี่หลิงหยุนมาแล้วจริงๆเหรอคะ? นี่หนูไม่ได้หูฝาดไปใช่ไม๊คะ? หนูไม่ได้ฝันไปใช่ไม๊คะ..?” เสี่ยวเม่ยหนิงพึมพำ

ตั้งแต่รู้ว่าหลิงหยุนหายตัวไป เสี่ยวเม่ยหนิงก็ไม่เคยนอนหลับอีกเลย เธอมักจะฝันและตื่นขึ้นกลางดึก บางครั้งก็ฝันว่าหลิงหยุนกลับมาแล้ว บางครั้งก็ฝันว่าหลิงหยุนมีอันเป็นไป ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา.. น้ำตาจะนองเต็มใบหน้าของเธอด้วยความหวาดกลัวและตกใจ..

จางเม่ยหยิวนได้ฟังเช่นนั้น จึงยิ้มให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบไหล่ของเธอและตอบไปว่า

“ลูกไม่ได้หูฝาด.. แล้วก็ไม่ได้ฝันไป พี่หลิงหยุนของลูกมาจริงๆ เขามาแล้วจริงๆ ฟังสิ.. เขาเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว และกำลังทักทายคุณปู่อยู่..”

เสี่ยวเม่ยหนิงโน้มตัวลงตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุขและความปิติยินดี!

“พี่หลิงหยุน!!!”

เด็กสาววายร้ายเอาแต่ใจไม่รอช้า รีบวิ่งออกไปนอกห้องนอนในชุดราตรีสีแดงที่เพิ่งจะสวมเสร็จ แต่จางเม่ยหยิวนรีบดึงเธอกลับมาเสียก่อน

จางเม่ยหยิวนเห็นลูกสาวสุดที่รักกลายเป็นแบบนี้เพราะหลิงหยุนก็ได้แต่ส่ายหน้า เธอมองหนิงน้อยพร้อมกับชี้ไปที่รองเท้าที่ได้เตรียมไว้ให้

“เด็กโง่.. แต่งตัวสวยแบบนี้จะวิ่งออกไปรับแขกด้วยเท้าเปล่าได้ยังไงกัน?”

เสี่ยวเม่ยหนิงรีบสวมรองเท้าอย่างรีบร้อน แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าดวงตาของเธอนั้นยังคงบวมเปล่งอยู่ เธอก็ร้องออกมาด้วยความกระวนกระวาย

“แม่คะ.. ตาของหนูบวม.. ทำยังไงดีคะ?”

จางเม่ยหยิวนตอบกลับไปยิ้มๆ “ง่ายมาก.. ลูกรอเดี๋ยว.. แม่จะแต่งหน้าให้!”

ตอนนี้หลิงหยุนรออยู่ข้างล่างแล้ว แม้ว่าเด็กสาวตัวแสบอยากจะลงไปพบเขามากแค่ใหน เธอก็ไม่ต้องการปรากฏตัวในสภาพขี้ริ้วขี้เหร่ต่อหน้าเขา เธออดทนรอให้จางเม่ยหยิวนแต่งหน้าให้ด้วยใจเต้นระทึก

และก็ไม่วายที่จะร้องตะโกนออกไปว่า “พี่หลิงหยุน รอฉันเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันจะลงไป!”

จางเม่ยหยิวนขมวดคิ้วด้วยความอาย แต่เธอก็ไม่สามารถห้ามปรามลูกสาวสุดที่รักได้ จึงได้แต่ส่ายหน้าหัวเราะ..

เสี่ยวเฉิงเยี่วยเร่งจางเม่ยหยิวน จากนั้นก็กลับลงไปด้านล่าง เขาต้องการไปดูให้เห็นกับตาว่า คนที่ทำให้ลูกสาวของเขาต้องกลายเป็นแบบนี้ หน้าตาเป็นยังไงกันแน่!

……

ทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้ามาในห้องรับแขก เขาก็ต้องพบกับสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมองมา และเขาก็ได้กลายเป็นคนสำคัญของงานไปแล้ว

สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น กระอักกระอ่วน และไม่เข้าใจ ส่วนสายตาของท่านหมอเสี่ยวนั้นมีเพียงแค่ความตื่นเต้นและตกใจ!

สายตาของคนเหล่านั้นไม่อาจาทำให้หลิงหยุนสะทกสะท้านได้แม้แต่น้อย เขาเดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทางสุขุมและสงบนิ่ง เขาเดินไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป เข้าไปทักทายท่านหมอเสี่ยวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

“ท่านปู่เสี่ยว.. ผมมาร่วมฉลองวันเกิดให้กับหนิงน้อย มาช้าไปหน่อย หวังท่านปู่จะไม่ถือสานะครับ?”

ท่านหมอเสี่ยวนั้นตกใจอย่างมาก.. เมื่อพบว่าตัวเขาเองไม่สามารถหยั่งรู้กำลังภายในของหลิงหยุนได้อีก

ตอนนี้หลิงหยุนดูเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนมัธยมธรราดาๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง นอกเหนือจากหน้าตาที่หล่อเหลาแล้ว และรูปร่างที่ผอมลงเล็กน้อย หลิงหยุนก็ดูไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปแม้แต่น้อย

“แค่เธอมาก็ดีแล้ว..” ท่านหมอเสี่ยวจับมือหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้น และดึงเขาเข้าไปมองใกล้ๆ

ท่านหมอเสี่ยวอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ ‘หรือว่าหลิงหยุนจะมีกำลังภายในที่สูงกว่าข้าแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะเข้าสู่ขั้นที่จะสามารถกลับไปสู่โลกแห่งความจริงได้แล้ว? แต่นั่นไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้…’

หลังจากที่หลิงหยุนสำเร็จวิชาพลังลับหยินหยาง ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก!

ด้วยจุดตันเถียนที่แปลกไป ต่อให้หลิงหยุนกำลังเดินลมปราณอยู่ก็ตาม ตราบใดที่เขาไม่ตั้งใจแสดงให้รู้ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนหยั่งรู้กำลังภายในของเขา ทุกคนต้องคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น

แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เปลี่ยนไปคือ.. สภาวะทางอารมณ์ของหลิงหยุน!

ดวงตาของหลิงหยุนอ่อนโยนลงกว่าเมื่อก่อน.. ไม่ดุร้ายหรือคมกริบเหมือนเมื่อก่อน ยามหัวเราะก็ไม่มีประกายตาระยิบระยับอย่างเคย ใบหน้าที่หล่อเหลาก็กลับสว่างไสวและบริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้

หลังจากหายไปหลายวันและกลับมาพบกันอีกครั้ง ทั้งคู่ต่างก็มีเรื่องราวมากมายที่จะเล่าสู่กันฟังและถามไถ่ซึ่งกันแลกัน แต่ในเวลานี้ สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องมาที่หลิงหยุนและท่านหมอเสี่ยว พวกเขาจำต้องอดใจไว้ก่อน และทำได้เพียงแค่สบตากันด้วยความเข้าใจ

เวลานั้นเอง.. เสี่ยวเฉิงเยี่วยก็เดินลงมาพอดี ท่านหมอเสี่ยวจึงพาหลิงหยุนไปแนะนำให้เขารู้จัก

เสี่ยวเฉิงเยี่วยเป็นพ่อของหนิงน้อย หลิงหยุนจึงต้องสุภาพและมีมารยาท เขายิ้มทักทายพร้อมกับโค้งให้เสี่ยวเฉิงเยี่วยอย่างนอบนอบ

“สวัสดีครับลุงเสี่ยว..”

“ไม่คิดว่าหลานชายจะหล่อเหลาถึงเพียงนี้!” เสี่ยวเฉิงเยี่วยประทับใจหลิงหยุนตั้งแต่แรกเห็น

เขาแสร้งทำเป็นเหมือนไม่สนใจหลิงหยุนมากนัก แต่ความจริงกลับแอบสังเกตุหลิงหยุนอย่างละเอียด และเห็นว่านอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาแล้ว หลิงหยุนก็ไม่มีอะไรโดดเด่น จึงได้แต่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย!

‘เพียงแค่หน้าตาหล่อเหลา แล้วก็ช่วยชีวิตของพ่อไว้! นอกนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร!’

แต่เสี่ยวเฉิงเยี่วยไม่ได้พูดออกมา เขาเพียงแค่บอกหลิงหยุนว่าหนิงน้อยกำลังจะลงมา จากนั้นก็พาหลิงหยุนไปนั่งที่โต๊ะ

หลังจากที่หลิงหยุนไปนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว งานเลี้ยงวันเกิดของหนิงน้อยก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!