บทที่ 340 : เปิดตัวหลิงหยุน!
เมื่อจางเม่ยหยิวนเห็นว่าคำพูดของเธอได้ผล เธอจึงรีบพูดต่อว่า “หนิงน้อย.. ลูกลองนึกดูสิว่าที่ผ่านมาพี่หลิงหยุนของลูกเคยโกหกไม๊?”
เสี่ยวเม่ยหนิงไม่อยากจะคิดเพระที่ผ่านมาเขาก็โกหกเธอ! แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่รักษาคำพูด ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยผิดคำพูดกับเธอ..
เมื่อจางเม่ยหยิวนเห็นลูกสาวทำท่าทางครุ่นคิด จึงรีบพูดต่อว่า “ถ้าพี่หลิงหยุนของลูกเป็นคนที่รักษาคำพูด เขาก็ต้องจำวันเกิดของลูกได้ ต่อให้เขาหายหน้าหายตาไปหลายวัน แต่เขาต้องกลับมาทันวันเกิดของลูกแน่ๆ!”
เมื่อพูดถึงหลิงหยุน เสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับมองหน้าแม่ของเธออย่างโศกเศร้าพร้อมกับพึมพำว่า
“แต่พี่หลิงหยุนหายตัวไปตั้งหกวันแล้ว อีกอย่าง.. หลายวันนี้ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ต่อให้เขาปรากฏตัว ก็ใช่ว่าเขาจะมางานวันเกิดของหนู?”
“และที่สำคัญ.. ถ้าเขารู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นกับครอบครัวของเขา เขายังจะมีกะจิตกะใจมางานวันเกิดของหนูอีกเหรอคะ?”
จางเม่ยหยิวนคิดว่า.. ในเมื่อเธอมีโอกาสแล้ว ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ต้องเกลี้ยกล่อมลูกสาวให้ลงไปข้างล่างให้ได้ คืนนี้ไม่เพียงคุณชายฮู๋เซ่าป๋ายแห่งสำนักหมอหุบเขาเทวะที่เดินทางมาร่วมงาน แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายที่พากันนำของขวัญวันเกิดมาให้กับหนิงน้อย หากหนิงน้อยไม่ลงไปรับด้วยตัวเอง ก็จะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก และเท่ากับไม่ให้เกียรติพวกเขาด้วย
“อย่ากังวลไปเลยหนิงน้อย! คุณปู่เองก็คิดเหมือนกับแม่ หนิงน้อย.. ลูกลองคิดดูสิว่า ถ้าจู่ๆพี่หลิงหยุนปรากฏตัวขึ้นมาตอนนี้ แล้วมาเห็นลูกในสภาพแบบนี้…”
คำพูดประโยคนี้ล้ำค่ายิ่งกว่ายาวิเศษขนานใด เสี่ยวเม่ยหนิงกระโดดลุกขึ้นจากเตียงทันที
“แม่คะ.. นี่กี่โมงแล้ว หนูจะไปอาบน้ำก่อน!”
“ห๊ะ.. ทำไมหน้าตาหนูน่าเกลียดแบบนี้! แม่คะ.. หนูจะทำยังไงดี?! พี่หลิงหยุนต้องไม่ชอบแน่!” เสี่ยวเม่ยหนิงลุกขึ้นจากเตียงไปส่องกระจกที่โต๊ะเครื่องแป้ง และเมื่อเห็นหน้าตัวเองก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ!
จางเม่ยหยิวนถอนหายใจอย่างโล่งอก.. ลูกสาวของเธอเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ยอมกิน ไม่ยอมดื่ม อีกทั้งยังเอาแต่ร้องไห้ แต่เพียงแค่เธอบอกว่าหลิงหยุนจะมา ลูกสาวของเธอก็ตื่นเต้นมากมายถึงเพียงนี้..
“ไม่ต้องกังวล! แม่อยู่ที่นี่ทั้งคน ยังไงคืนนี้หนิงน้อยของแม่ก็ต้องสวยที่สุดในงาน!”
จางเม่ยหยิวนรู้ดีว่าหลิงหยุนจะไม่มาที่นี่อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยก็เป็นการสร้างความหวังให้กับลูกสาว แม้เธอจะไม่ยอมลงไปข้างล่าง แต่อย่างน้อยยอมกินยอมดื่มอะไรบ้างก็ยังดี เพราะขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของหนิงน้อยคงต้องกลายเป็นอัมพาตแน่ๆ!
…….
ภายในห้องรับแขกที่กว้างใหญ่ด้านล่าง.. ตกแต่งด้วยแสงไฟสว่างไหว และเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันอื้ออึง คนส่วนใหญ่ที่นำของขวัญมาให้เสี่ยวเม่ยหนิงนั้น ส่วนใหญ่เมื่อเอาของขวัญมาให้แล้วก็กลับไป แต่ก็ยังมีแขกที่เชิญมานั่งอยู่เต็มสี่โต๊ะ..
หนึ่งโต๊ะเป็นเพื่อนเก่าแก่ของท่านหมอเสี่ยว ที่ต้องการใช้โอกาสในวันนี้พูดคุยทักทายถามไถ่ทุกข์สุข
อีกสองโต๊ะล้วนเป็นพ่อแม่ของเพื่อนๆเสี่ยวเม่ยหนิงที่เดินทางมาจากหลายๆที่ ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียงและมีหน้ามีตาในสังคม พวกเขาล้วนเป็นเศรษฐีร่ำรวยมีฐานะ ในงานวันเกิดของลูกๆพวกเขา ทั้งเสี่ยวเฉิงเยี่วยและจางเม่ยหยิวนต่างก็ไปร่วมงานเลี้ยงด้วยเช่นกัน และเมื่อถึงงานวันเกิดของเสี่ยวเม่ยหนิง พวกเขาจึงเดินทางมาร่วมงานด้วยเช่นกัน
ส่วนอีกหนึ่งโต๊ะ.. ล้วนมีแต่เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดบ้าง สิบห้าบ้าง และสิบหกบ้าง แต่ละคนล้วนเป็นหนุ่มเพลย์บอยจากตระกูลที่มีชื่อเสียงต่างๆทั่วประเทศ ชายหนุ่มเหล่านี้ต่างก็มีบุคลิกที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ
ในจำนวนเด็กหนุ่มสิบกว่าคนในโต๊ะ.. มีอยู่สามคนที่ดูเหมือนจะราศีเหนือกว่าหนุ่มคนอื่นๆ คนแรกคือคุณชายฮู๋เซ่าป๋ายแห่งสำนักหมอหุบเขาเทวะ คนที่สองคือคุณชายหลงเทียนยู่ และคนที่สามคือคุณชายสี่-หลี่ยั่วหมิงแห่งตระกูลหลี่ซึ่งเดินทางมาจากเมืองหลวง
หลงเทียนยู่ – หนุ่มเพลย์บอยอายุสิบเก้าปีพูดขึ้นว่า “พี่หลี่.. ครอบครัวของพี่มีธุรกิจมากมาย คืนนี้พี่ให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดหนิงน้อยเหรอครับ?”
หลี่ยั่วหมิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบและอ่อนโยน “ผมไม่มีของล้ำค่าอะไรมากมายจะให้หนิงน้อยเลย คงให้ได้แค่มายบัค (Maybach) คันเดียว ช่างน่าอายจริงๆ!”
ทั้งฮู๋เซ่าป๋าย หลงเทียนยู่ และชายหนุ่มคนอื่นๆต่างก็เงียบกันหมด พร้อมกับคิดในใจว่า ตระกูลหลี่ได้รับสัมปะทานไฟฟ้าและถ่านหินจากรัฐบาล แต่ยังแสร้งทำเป็นถ่อมตัว..
แม้หลี่ยั่วหมิงจะพูดราวกับว่าตนนั้นอายที่ให้ของขวัญด้อยค่าแก่เสี่ยวเม่ยหนิง แต่ใบหน้าของเขากลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับถามหลงเทียนยู่กลับบ้าง
“เทียนยู่.. ตระกูลของนายก็เป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองหลวง วันนี้นายมีของขวัญอะไรมาให้หนิงน้อยล่ะ?”
แม้หลงเทียนยู่จะอายุน้อยกว่า แต่ลักษณะท่าทางและคำพูดคำจาของเขากลับสงบเสงี่ยมกว่า เขาตอบกลับไปว่า
“ของขวัญของผมอาจไม่ใหญ่โตเหมือนของพี่หลี่ แต่ก็เทียบกับอะไรไม่ได้เหมือนกัน ผมมีเพียงแค่สร้อยมุกเส้นเดียวพร้อมเพชรสีชมพูเก้ากะรัตอยู่ตรงกลาง ผมหวังว่าหนิงน้อยจะชอบของขวัญของผม..”
ชายหนุ่มคนอื่นๆได้ฟังแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า แค่สร้อยมุกเพียงเส้นเดียวจะราคาสักเท่าไหร่ อีกทั้งเพชรที่อยู่ตรงกลางก็เพียงแค่เก้ากะรัต ตระกูลหลงร่ำรวยเสียเปล่า..
แต่เมื่อหลี่ยั่วหมิงได้ฟังก็ถึงกับตาโตพร้อมกับถามขึ้นว่า “เพชรสีชมพูงั้นเหรอ? ตระกูลหลงให้ของขวัญล้ำค่าเช่นนี้กับหนิงน้อย นับว่าเป็นการลงทุนมากมายไม่ใช่เล่น!”
ชายหนุ่มไร้สมองในโต๊ะคนหนึ่งร้องเสียงดังขึ้นว่า “เพชรแค่เก้ากะรัต จะอะไรนักหนาเชียว!? ผมให้เพชรอาฟริกาตั้งสิบห้ากะรัต..”
หลงเทียนยู่ได้แต่ยิ้ม จากนั้นก็หันไปอธิบายให้กับหลี่ยั่วหมิงๆง
“มันไม่ใช่เรื่องของราคา.. เพชรสีชมพูเป็นเพชรที่ดีที่สุดและมีราคาสูงที่สุดก็จริง หนึ่งกะรัตมีราคาสูงถึงหนึ่งล้านดอลร่าร์สหรัฐ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือมันเป็นเพชรที่หาได้ยาก..”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ คนอื่นๆต่างก็เงียบกันหมด และต่างคนต่างก็รู้ว่าสิ่งที่หลงเทียนยู่ให้นั้นมันไม่ใช่เรื่องของจำนวนเงิน แต่มันเป็นของที่หาได้ยากในโลกนี้!
พูดจบ.. หลงเทียนยู่ก็หันไปถามฮู๋เซ่าป๋ายพร้อมกับถามขึ้นอย่างสุภาพ “ไม่ทราบว่าคุณชายฮู๋แห่งสำนักหุบเขาเทวะนำของขวัญอะไรกับมามอบให้กับหนิงน้อย?”
หลงเทียนยู่จำเป็นต้องสุภาพกับสำนักหมอหุบเขาเทวะ.. คนอื่นอาจไม่เคยรู้ว่าท่านหมอเสี่ยวนั้นอดีตเคยศึกษาเรื่องการแพทย์จากสำนักหุบเขาหมอเทวะ และในโลกใบนี้จะหมอเทวดาอย่างท่านหมอเสี่ยวสักกี่คน!
ฮู๋เซ่าป๋ายตอบยิ้มๆ “ท่านก็น่าจะรู้ สำนักหมอหุบเขาเทวะเป็นสถานที่ทุรกันดาร ข้ามาที่นี่เพื่อนำโสมเก้าร้อยปีมาให้กับหนิงน้อย รอให้นางออกมาข้าจะมอบให้นางกับมือ!”
“ช่างน่าเสียดาย.. หากรออีกเพียงแค่ร้อยปีก็จะกลายเป็นโสมพันปีแล้ว..”
ฮู๋เซ่าป๋ายทำหน้าเศร้าเล็กน้อย แต่ใครๆต่างก็รู้ว่ามันคือการโอ้อวด! โสมเก้าร้อยปี.. จะหาจากที่ใหนได้กันล่ะ?!
แม้คุณชายทั้งสามคนไม่ว่าจะเป็นฮู๋เซ่าป๋าย หลงเทียนยู่ และหลี่ยั่วหมิง ต่างก็ดูเหมือนคุยกันถูกอกถูกใจ และต่างฝ่ายต่างก็เกรงอกเกรงใจกัน แต่ความจริงแล้วพวกเขากำลังคุยข่มกันเสียมากกว่า..
แต่ละคนล้วนนำของขวัญชิ้นใหญ่มามอบให้กับเสี่ยวเม่ยหนิง ดูๆแล้วไม่เหมือนของขวัญวันเกิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูเหมือนของหมั้นที่ฝ่ายเจ้าบ่าวมอบให้กับเจ้าสาวเสียมากกว่า!
ไม่ว่าใครก็ตามในสามคนนี้ หากสามารถพิชิตใจของเสี่ยวเม่ยหนิงได้ ก็เท่ากับว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเสี่ยว และแน่นอนว่าทรัพย์สมบัติของตระกูลเสี่ยวก็จะตกเป็นของเขาด้วยเช่นกัน..!
เพราะเหตุใดน่ะหรือ? นั่นเพราะท่านหมอเสี่ยวมีหลานสาวเพียงแค่คนเดียวนั่นเอง เสี่ยวเฉิงเยี่วยมีลูกสาวเพียงแค่คนเดียว และไม่มีลูกชาย!
ความจริงแล้วหนุ่มๆทั้งหมดที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน ต่างก็มีจุดประสงค์ไม่ต่างกัน แต่เมื่อได้เห็นของขวัญวันเกิดของทั้งสามคน พวกเขาต่างก็ถอดใจ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีอำนาจและฐานะทางการเงินเทียบเท่าสามคนนี้ได้
“พวกเรามาที่นี่นานแล้ว หนิงน้อยไม่น่าแต่งตัวนานขนาดนี้! นี่ก็สองทุ่มแล้ว น่าจะได้เวลาแล้วนะ..”
“ใช่.. แต่หนิงน้อยยังไม่ลงมาเลย แล้วพวกเราจะให้ของขวัญกับเธอได้ยังไง..”
หลี่ยั่วหมิงยิ้มให้กับทุกคนแล้วพูดขึ้นว่า “นายไม่สังเกตุเหรอว่ามีที่นั่งว่างอยู่ระหว่างพี่ฮู๋กับพี่หลง ดูเหมือนว่าจะยังมีแขกที่ยังมาไม่ถึง..”
ทุกคนต่างก็เห็น และมั่นใจว่าตำแหน่งเก้าอี้ที่ดีที่สุดนั้นยังว่างอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร..
บรรดาหนุ่มๆจึงเริ่มพากันเดาว่าเก้าอี้ที่ว่างอยู่นี้นั้น เป็นของใครกันแน่?!
ส่วนท่านหมอเสี่ยวในเวลานี้กลับยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับคิดว่าหากภายในครึ่งชั่วโมงหลิงหยุนยังไม่มา ก็คงเต้องเริ่มงานแล้ว คงจะรอเขาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว!
ท่านหมอเสี่ยวเป็นผู้ที่มีความรู้ทางการแพทย์สูง เขารู้ว่าหลิงหยุนไม่ใช่คนที่จะมีอายุสั้น และจากที่เขาได้เห็นกำลังภายในของหลิงหยุน แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน แต่อย่างน้อยเขากก็ต้องสามารถหนีเอาตัวรอดออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา
และต่อให้หลิงหยุตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาก็น่าจะติดต่อกลับมา เพราะท่านหมอเสี่ยวเองก็ได้ให้เบอร์มือถือกับหลิงหยุนไปแล้ว อีกทั้งด้วยความเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนของท่านหมอเสี่ยว เขาย่อมสามารถปกป้องหลิงหยุนได้อย่างแน่นอน!
เป็นไปไม่ได้ที่หลิงหยุนจะเสียชีวิต.. แต่ว่าเขาไปอยู่ที่ใหนกัน? หกวันที่ผ่านมานี้มีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นมากมาย หากหลิงหยุนไม่ปรากฏตัวในวันเกิดของหนิงน้อยวันนี้ ก็หมายความว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวอีก?
“เอาล่ะ.. คงจะรอได้อีกเพียงครึ่งชั่วโมง ถ้าหลิงหยุนยังไม่มา หนิงน้อยจะลงมาหรือไม่ลงมา ก็คงต้องเริ่มงานแล้วล่ะ..” ท่านหมอเสี่ยวพึมพำพร้อมกับถอนหายใจออกมา..
“ลุงเสี่ยวครับ.. หนิงน้อยยังไม่ลงมาเหรอครับ? พวกเรารอให้ของขวัญวันเกิด..”
“นั่นสิครับลุงเสี่ยว.. วันนี้เป็นงานวันเกิดของหนิงน้อย ทำไมเธอยังไม่ปรากฏตัวอีก?”
………..
หนุ่มๆในโต๊ะต่างร้อนใจ และร้องถามขึ้น..
พ่อของเสี่ยวเม่ยหนิง เสี่ยวเฉิงเยี่วยจึงรีบเข้าไปถามพ่อของตนเอง
“พ่อครับ.. พ่อไม่ลองขึ้นไปดูหน่อยเหรอ ถ้าพ่อไปเรียกหนิงน้อยอาจจะยอมลงมาก็ได้.. เจ้าลูกคนนี้นี่!”
ท่านหมอเสี่ยวกระซิบกับเสี่ยวเฉิงเยี่วยเบาๆ จากนั้นเสี่ยวเฉิงเยี่วยก็เดินขึ้นไปเรียกหนิงน้อย แต่ยังไม่ทันไรทุกคนนในงานต่างก็ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของเสี่ยวเม่ยหนิง
“พ่อคะ.. ถ้าพี่หลิงหยุนมาหนูถึงจะลงไป ถ้าพี่หลิงหยุนไม่มา ยังไงหนูก็ไม่ลงไป!”
ทุกคนที่รอคอยให้เสี่ยวเม่ยหนิงลงมานั้น ต่างก็ได้ยินกันชัดเจน และพากันเดาว่าพี่หลิงหยุนที่เสี่ยวเม่ยหนิงพูดถึงนั้นเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงมีความสำคัญถึงเพียงนี้?
แต่ไม่ทันไร.. ทุกคนในงานต่างก็ได้ยินเสียงดังก้องขึ้นมาก
“หนิงน้อย.. ใครบอกว่าพี่หลิงหยุนจะไม่มา? วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ ผมจะเสียมารยาทขนาดนั้นได้ยังไงกัน? พูดออกมาได้.. ช่างน่าตีจริงๆ?”
เสียงของหลิงหยุนนั้นไม่ดังมากแต่ก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน หลิงหยุนใช้มังกรคำรามตะโกนออกไป และทุกคนในบ้านของท่านหมอเสี่ยวต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน!