บทที่ 339 : หนิงน้อยโศกเศร้า

 

“เสียดายเงินจริงๆ! นี่นายผลาญเงินเล่นหรือยังไง?!”

 

คู่หูของหลิงหยุนเปิดประตูรถ BMW ออกมาพร้อมกับบ่มพึมพำ แน่นอนว่าตู้กู่โม่ไม่ใช่คุณชายที่ไม่เคยเห็นเงิน แต่เขาอดคิดไม่ได้ว่าเพียงแค่ต้องการกลับมาฉลองวันเกิดกับแฟนสาว หลิงหยุนยอมใช้เงินไปถึงสามหมื่นหยวนกับการเดินทางเพียงแค่พันกว่ากิโลเมตร เขาเองก็เพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก!

 

ตู้กู่โม่ยิ้มกว้างให้หลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นี่.. ข้าว่าเจ้าคงเป็นบ้าไปแล้ว!”

 

หลิงหยุนควักเงินสองหมื่นหยวนออกมา พร้อมกับเพิ่มให้อีกสองพัน แล้วยื่นให้กับคนขับรถพร้อมกับพูดขึ้นว่า

 

“ขอบคุณพี่ชายมากที่ขับรถให้พวกเรามาทั้งวัน ถ้ายังไงคืนนี้ก็อยู่เที่ยวเมืองจิงฉูก่อนก็แล้วกันนะครับ ถือซะว่าคืนนี้ผมเป็นเจ้ามือให้เอง แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับ! อ่อ.. ขากลับไม่ต้องขับรถเร็วนะครับ”

 

“ครับผม.. ขอบคุณน้องชายมากครับ!”

 

คนขับรถที่ต้องปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงครอบครัว ยอมขับรถด้วยความเร็วมาที่เมืองจิงฉูเพราะต้องการเงิน หลิงหยุนจึงรู้สึกเห็นใจ..

 

แต่หลิงหยุนก็แอบคิดในใจว่า.. ถึงยังไงเงินพวกนี้ก็ไม่ใช่เงินของเขาอยู่แล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องประหยัดมัทธยัสอะไร ส่วนเงินที่เหลืออีกหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นนั้น หลิงหยุนเก็บเข้าไปไว้ในแหวนพื้นที่

 

“น้องชายทั้งสองจะไปที่ใหนล่ะ ผมจะไปส่งให้!” เมื่อได้รับเงินมาแล้ว คนขับรถก็ดูมีความสุขขึ้นมาก

 

หลิงหยุนไม่ต้องการเรียกรถใหม่ เขาจึงพูดขึ้นว่า “งั้นก็ต้องรบกวนพี่ชายแล้ว ผมจะบอกทางให้นะครับ!”

 

หลิงหยุนชี้บอกคนขับรถให้ขับตรงไปทางทะเลสาปจิงฉูตรงจุดชมวิว และเลยเข้าไปในหมู่บ้าน เมื่อหลิงหยุนและตู้กู่โม่ลงจากรถแล้ว เขาก็สั่งคนขับรถให้กลับออกไปได้

 

เวลานั้นเพิ่งจะสองทุ่มตรง ทั้งคู่จึงไปยืนหลบในที่ลับตาคน และหลิงหยุนก็จัดการเรียกกระบี่ของตู้กู่โม่ออกมาจากแหวนพื้นที่พร้อมกับยื่นให้เขาจากนั้นหลิงหยุนก็พูดกับตู้กู่โม่ยิ้มๆว่า

 

“นี่.. เราสองคนยังจะนัดปะลองกันอีกไม๊?”

 

เมื่อตู้กู่โม่ได้ยิน เขาก็ยกมือขึ้นชกเข้าไปที่หน้าอกของหลิงหนุนพร้อมกับร้องตอบไปว่า

 

“ขนาดโทคุงาวะที่อยู่ขั้นเซียงเทียน-1 ยังสู้เจ้าไม่ได้.. ข้ายังต้องปะลองอะไรกับเจ้าอีก.. ไม่มีทาง!”

 

หลิงหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอก “ฉันต้องเอาของขวัญวันเกิดไปให้หนิงน้อยก่อน นายจะเข้าไปด้วยกันไม๊?”

 

ตู้กู่โม่ส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ไม่ล่ะ.. ข้าจะกลับโรงแรมเลย เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว! ไว้พรุ่งนี้พวกเราค่อยพบกันใหม่”

 

หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “ฉันว่านายน่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือนะ พวกเราจะได้ติดต่อกันง่ายหน่อย อย่าลืมว่านายต้องมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันสองเดือน!”

 

ตู้กู่โม่ตอบกลับยิ้มๆเช่นกัน “เบอร์มือถือของเจ้าจำง่ายจะตายไป ข้าจำได้แล้ว ยังไงข้าจะติดต่อเจ้ามาเอง เจ้าวางใจได้!”

 

 “อ่อ.. แล้วถ้าพรุ่งนี้นายจะมาหาฉัน ก็มาที่หมู่บ้านนี้นะ บ้านของฉันอยู่โซนสี่ บ้านเลขที่หนึ่ง!”

 

ส่วนตู้กู่โม่ก็บอกเบอร์ห้องและชื่อโรงแรมที่เขาพักให้หลิงหยุนรู้เช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ร่ำลาและต่างก็แยกย้ายกันไป

 

ตอนนี้เพิ่งจะสองทุ่มตรง.. ยังไม่ดึกมากนัก หลิงหยุนแหงนหน้าขึ้นมองไปบนเขามังกรและเขาหยกด้านใต้ พร้อมกับมองไปยังผู้คนที่มาเยี่ยมชมทะเลสาปจิงฉู หลิงหยุนถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่ก้นหลุมยักษ์ ทุกอย่างมันช่างราวกับความฝัน!

 

‘มีทั้งเรื่องดีและเรื่องแปลกประหลาด! แต่ในที่สุดข้าก็กลับมางานวันเกิดของหนิงน้อยทันเวลา!’

 

หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ในใจ พร้อมกับเดินยิ้มอย่างมีเสน่ห์ตรงเข้าไปยังบ้านของเสี่ยวเม่ยหนิง

 

….

 

ภายในบ้านของท่านหมอเสี่ยวขณะนั้น ต่างก็มีผู้คนเดินเข้าเดินออกกันขวักไขว่ แน่นอนว่าล้วนแล้วแต่เป็นแขกผู้มีเกียรติที่พากันเอาของขวัญมาให้หนิงน้อยในวันเกิด

 

ไม่เพียงมีแขกจากเมืองจิงฉูเท่านั้น แต่ยังมีแขกที่เดินทางมาจากเมืองหลวง และเมืองอื่นๆด้วย เรียกได้ว่าแขกเหรื่อมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อนำของขวัญวันเกิดในปีที่สิบเจ็ดมาให้กับหนิงหน้อย

 

บรรยากาศภายในบ้านของท่านหมอเสี่ยวนั้นเต็มไปด้วยความสุข และมีชีวิตชีวา ปกติแล้วบ้านของท่านหมอเสี่ยวจะจัดงานเลี้ยงปีละสองครั้งเท่านั้น คืองานวันเกิดของท่านหมอเสี่ยว กับงานวันเกิดของเสี่ยวเม่ยหนิง

 

ทุกคนต่างก็รู้จักท่านหมอเสี่ยวดี และรู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่เพราะต้องการความสงบ ดังนั้นเมื่อนำของขวัญเข้ามาให้แล้ว ต่างคนต่างก็กลับไปทันที

 

เป็นที่รู้กันดีว่าท่านหมอเสี่ยวนั้นเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเพียงใด.. หากทุกคนที่เอาของขวัญมาให้ต้องการอยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วย ไม่เพียงบ้านท่านหมอเสี่ยวจะไม่สามารถรองรับจำนวนคนที่มากมายได้ แม้แต่บริเวณภายในหมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังไม่พอที่จะต้อนรับผู้คนจำนวนมากอย่างแน่นอน!

 

ความจริงแล้วผู้คนที่นำของขวัญมาให้เสี่ยวเม่ยหนิงในวันนี้ ล้วนเป็นคนที่ไม่ได้เชื้อเชิญ แต่เป็นผู้ที่ได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ จึงพากันนำของขวัญมาให้ และอีกความหมายหนึ่งก็เพื่อผูกสัมพันธ์กับท่านหมอเสี่ยวเพื่อหมายพึ่งใบบุญในวันข้างหน้า

 

เสี่ยวเจิ้งจี๋ผู้ได้รับฉายาหมอเทวดาคนแรกของประเทศจีน และลูกชายของเขาเสี่ยวเฉิงเยี่วย ต่างก็ยิ้มทักทายผู้คนที่พากันนำของขวัญมาให้เสี่ยวเม่ยหนิง บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความสุข..

 

แม้ท่านหมอเสี่ยวจะพยักหน้าและยิ้มทักทายให้กับแขกเหรื่ออยู่ตลอดเวลา แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และกระวนกระวายใจ!

 

นั่นเพราะว่าหลิงหยุนได้หายตัวไปเป็นเวลาหลายวันแล้ว! และหลายวันมานี้ก็มีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นหลายเรื่อง!

 

หากไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของหนิงน้อยได้เตรียมงานวันเกิดของเธอมาหลายเดือนล่วงหน้า และหากไม่ใช่เพราะได้เชิญแขกที่สนิทชิดเชื้อมาแล้ว ท่านหมอเสี่ยวคงจะยกเลิกงานวันเกิดของหนิงน้อยในคืนนี้อย่างแน่นอน

 

ในคืนเทศกาลเชงเม้ง.. เกิดเรื่องกับหลิงหยุนในบ้านสกุลเฉิง แต่หลังจากเทศกาลเขาก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!

 

ยิ่งไปกว่านั้น.. การหายตัวไปของหลิงหยุนก็ทำให้คนอีกหลายคนกระวนกระวายใจ และช่วยกันตามหาอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่มีใครพบเขาเลยสักคนเดียว!

 

ไม่มีใครรู้ว่าหลิงหยุนไปที่ใหน? และไม่มีใครรู้ว่าหลิงหยุนเป็นหรือตายอย่างไร? ทุกคนต่างก็ตามหาหลิงหยุนกันแทบพลิกแผ่นดิน!

 

เพื่อตามหาหลิงหยุน เสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับไม่ยอมไปโรงเรียนติดต่อกันสี่วัน ดวงตาของเธอบวมเปล่งจากการร้องไห้ แล้วงานวันเกิดในคืนนี้ยังจะมีความหมายอะไรอีก?!

 

อีกทั้งหลายวันนี้ยังเกิดเรื่องมากมาย แม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องกับท่านหมอเสี่ยวแม้แต่น้อย แต่มันล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลิงหยุนทั้งสิ้น

 

และในเมื่องานวันเกิดของหนิงน้อยได้ถูกเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะมาคิดว่าจะจัดหรือไม่จัด เพราะมาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกอย่างก็ไม่สามารถยกเลิกได้แล้ว!

 

แต่ถึงอย่างนั้น.. ท่านหมอเสี่ยวก็ยังคงฝืนยิ้มออกมาได้ เขานั่งบ้าง ยืนบ้างเพื่อทักทายแขก ส่วนเรื่องอื่นๆล้วนเป็นหน้าที่ของเสี่ยวเฉิงเยี่วยจัดการ

 

แต่ไม่ว่ายังไงท่านหมอเสี่ยวก็มั่นใจว่าแม่ของเสี่ยวเม่ยหนิง – จางเม่ยหยิวนนั้น จะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเธอให้ยอมออกจากห้องนอนได้แน่

 

…..

 

ห้องนอนของเสี่ยวเม่ยหนิง..

 

“ลูกสาวของแม่เลิกร้องไห้ได้แล้ว.. ลูกร้องไห้แบบนี้แม่เองก็เจ็บปวดใจ! หลิงหยุนหายไปไม่มีใครหาเขาพบ และเวลาก็ผ่านมาหลายวันแล้ว!”

 

หญิงคนหนึ่งอายุสามสิบเจ็ด แต่ยังคงมีผิวพรรณที่ละเอียดอ่อนสวยงาม รูปร่างสมส่วน สวมกระโปรงยาวสีแดง เกล้าผมไว้บนศรีษะ กำลังนั่งอยู่บนเตียง และดวงตาคู่สวยก็กำลังจ้องมองเสี่ยวเม่ยหนิงที่ร้องห่มร้องไห้อยู่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม..

 

เสี่ยวเม่ยหนิงที่อยู่ในชุดนอนยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผมยาวของเธอปล่อยยาวสยาย ดวงตาคู่สวยบวมเปล่ง นัยน์ตาแดงกล่ำพร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา หมอนที่เพิ่งจะเปลี่ยนก็กลับมาเปื้อนน้ำตาดวงใหญ่อีกครั้ง

 

เสี่ยวเม่ยหนิงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ เธอได้แต่ฟังแม่ของเธอพูดปลอบโยนโดยไม่มีกะจิตกะใจจะโต้ตอบ ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะพูด เธอกำลังโศกเศร้าอย่างหนัก!

 

ในใจของเธอก้องไปด้วยคำถาม.. ‘พี่หลิงหยุน.. พี่อยู่ที่ใหนกันนะ? พี่อยู่ที่ใหน? ทำไมหายไปนานแบบนี้? ผ่านมาหกวันแล้ว ทำไมยังไม่มีใครหาพี่พบอีก!’

 

เพียงระยะเวลาสั้นๆแค่หกวัน เสี่ยวเม่ยหนิงก็เสียน้ำตาไปแล้วมากมาย และร่างกายก็เริ่มผ่ายผอม!

 

จางเม่ยหยิวนถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก.. เธอหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาซับน้ำตาให้กับเสี่ยวเม่ยหนิงอย่างอ่อนโยน

 

“หนิงน้อย.. ฟังแม่นะ! ลูกต้องลุกไปอาบน้ำแล้วก็แต่งตัวซะใหม่! ตอนนี้แขกเหรื่อมากันมากมายแล้ว ทุกคนต่างก็นำของขวัญวันเกิดมาให้ลูก ถ้าลูกไม่ลงไปก็จะเป็นการเสียมารยาทมากเลย.. รู้ไม๊?”

 

ในที่สุดเสี่ยวเม่ยหนิงก็ลืมตาที่แดงและบวมเปล่งขึ้น และเหลือบมองจางเม่ยหยิวนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา

 

“เสียมารยาทเหรอคะ! แม่ก็คิดถึงแต่เรื่องมารยาท ตอนนี้พี่หลิงหยุนก็หายตัวไป หนูไม่สนใจอะไรทั้งนั้น! คนพวกนั้นแม่ก็เป็นคนเชิญมา ไม่เกี่ยวอะไรกับหนูสักหน่อย! ใครบอกให้แม่จัดงานวันเกิดให้หนู ในเมื่อหาพี่หลิงหยุนไม่พบ งานวันเกิดจะมีความหมายอะไร?”

 

จางเม่ยหยิวนได้แต่คิดในใจว่า ก่อนหน้านี้หนิงน้อยเป็นฝ่ายโทรหาเธอ บอกพ่อกับแม่ให้จัดงานวันเกิดปีนี้ให้ยิ่งใหญ่ แต่พอไม่มีหลิงหยุนแล้ว เสี่ยวเม่ยหนิงกลับทิ้งทุกอย่างอย่างไม่ใยดี..

 

แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาตำหนิลูกสาว จางเม่ยหยิวนไม่กล้าที่จะพูดอะไรผิดแม้แต่นิดเดียว เธอจึงได้แต่ตอบกลังไปว่า

 

“ได้จ้ะได้..! ไม่ต้องมีมารยาทก็ได้ แต่วันนี้เป็นวันเกิดของลูกสาวแม่ แต่ลูกกลับยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน น้ำก็ไม่ดื่ม แม่จะไปเอาน้ำมาให้ลูกนะ”

 

เสี่ยวเม่ยหนิงขมวดคิ้ว “หนูไม่ดื่มค่ะ! พี่หลิงหยุนหายไปแล้ว หนูจะไม่ดื่มอะไรทั้งนั้น! ถ้าพ่อเป็นอะไรไปบ้าง แม่จะมีอารมณ์ดื่มไม๊คะ?!”

 

ช่างเป็นเด็กสาวที่เอาแต่ใจเหลือร้าย..! เด็กสาววายร้ายเอาแต่ใจอย่างเสี่ยวเม่ยหนิง แม้จะอยู่ในอารมณ์เศร้าโศก ยังสามารถพูดคำพูดที่ฟังแล้วน่าตกใจออกมาได้!

 

จางเม่ยหยิวนทำขึ้นเสียงเล็กน้อย “ลูกคนนี้นี่!? พี่หลิงหยุนของลูกสำคัญมากหรือยังไงกัน สำคัญมากกว่าพ่อกับแม่ยังงั้นหรือ?”

 

เสี่ยวเม่ยหนิงเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับตะโกนออกไปว่า “สำคัญกว่าสิ! แม่ไม่รู้อะไร? พี่หลิงหยุนเป็นคนช่วยชีวิตคุณปู่ของหนูไว้!”

 

จางเม่ยหยิวนได้แต่ถอนหายใจเห็นด้วย แต่ก็นึกไม่ออกว่าจู่ๆหลิงหยุนจะหายตัวไปได้อย่างไรกัน? และยังทำให้ลูกสาวของเธอต้องกลายเป็นแบบนี้ ไม่กินไม่ดื่มอะไร ไม่สนใจตัวเอง เธอเองก็อยากจะรู้จริงๆว่าหลิงหยุนคนนี้มีเสน่ห์มากมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

 

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางจางเม่ยหยิวนจึงพูดขึ้นมาว่า “หนิงน้อย.. ลูกเคยบอกแม่ว่าหลิงหยุนสัญญาว่าจะมางานวันเกิดของลูกไม่ใช่เหรอ? ไม่แน่นะ.. คืนนี้เขาอาจจะมาก็ได้!”

 

ได้ผล.. หนิงน้อยเปิดผ้าห่มออกมา และลุกขึ้นมานั่งบนเตียง “จริงเหรอคะ?!”