ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 208

ฮูหยินหลิงหลงนึกถึงตอนที่นางกลายเป็นองค์หญิงใหญ่ที่ล่วงเกินองค์หญิงใหญ่ในจวน นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจคาดเดาได้ นางรู้ดีถึงอํานาจขององค์หญิงใหญ่ในราชสํานัก อย่าว่าแต่นางไม่สามารถต่อกรกับนางได้ แม้แต่ท่านมหาเสนาบดีก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินนาง

เซี่ยหว่านเอ๋อไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย นางเป็นเพียงองค์หญิงที่ไม่อาจแต่งงานออกไปได้เท่านั้น ต่อให้เป็นญาติผู้ใหญ่ขององค์รัชทายาท ทว่ากลับไม่มีอํานาจอันใด อย่างไรก็จะต้องไว้หน้านางที่เป็นว่าที่พระชายารัชทายาทในอนาคตไม่มากก็น้อย ไม่ถึงกับต้องมางัดข้อกับนางเพราะเรื่องของหยวนซื่อ

ดังนั้นเมื่อนางเห็นว่าฮูหยินหลิงหลงกังวลเป็นอย่างมาก นางจึงพูดปลอบ “ท่านแม่จะต้องกังวลไปใย? ไม่มีใครเห็นว่าพวกเราผลักนางลงไปเสียหน่อย พวกเราไม่ยอมรับเสียอย่าง แม้ว่านางอสรพิษนั่นจะระบุว่าเป็นเราก็ตาม มันก็เป็นเพียงแค่คำพูดปากเปล่า อีกอย่างพวกเราสามารถโต้แย้งกับนางได้ บอกว่านางพูดไม่ดีต่อข้าบนรถม้า ดูถูกข้าที่เป็นถึงว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท แถมยังคิดจะลงมือตบข้า เพื่อที่จะปกป้องข้าแล้ว ท่านก็เลยทะเลาะกับนาง นางจึงจงใจกระโดดลงจากรถม้า เพื่อใส่ร้ายพวกเรา”

คำพูดของเซี่ยหว่านเอ๋อนั้นเหมือนที่ฮูหยินหลิงหลงคิดไว้ เห็นได้ว่าทั้งสองคนสมแล้วที่เป็นแม่ลูกกันอย่างแท้จริง

เมื่อฮูหยินหลิงหลงได้ยินการปลอบใจของเซี่ยหว่านเอ๋อ นางก็รู้สึกว่าตนเองกําลังคิดมากเกินไป แม้ว่าผู้สําเร็จราชการจะไม่ยอมรับว่านเอ๋อเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท แต่ท้ายที่สุดแล้วคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เขา แต่เป็นฮองเฮา

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ตอนนี้ก็มีพระราชเสาวนีย์ออกมาแล้ว หว่านเอ๋อก็คือว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท ในฐานะที่เป็นสมาชิกของราชวงศ์ ต้าจ่างกงจู่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงเล็กน้อย

ทางฝั่งของหยวนซื่อ ตอนนี้เลือดได้หยุดไหลลงแล้วแต่นางก็ยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมา นอกจากอาการบาดเจ็บที่หน้าผากแล้ว เข่าของนางยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย โชคดีที่ไม่ร้ายแรงมาก

จื่ออันนั่งลงที่ขอบเตียง เช็ดเลือดบนใบหน้าของหยวนซื่อด้วยผ้าขนหนู

นางไม่ได้พูดอะไร แต่ท่าทางของนางแลดูบูดบึ้งผิดปกติ

เมื่อมู่หรงจ้วงจ้วงเห็นดังนั้นก็เอ่ยถาม “มันสาหัสมากใช่ไหม? เข้าวังไปเชิญหมอหลวงมารักษาดีหรือไม่?”

หลังจากพูดจบ จู่ ๆ นางก็นึกขึ้นได้ว่าทักษะทางการแพทย์ของจื่ออันนั้นดีกว่าหมอหลวง จึงกล่าวต่อ “ถ้าขนาดเจ้ายังหมดหนทางรักษา ถึงเชิญหมอหลวงมารักษาก็ไร้ประโยชน์”

จื่ออันกล่าวอย่างแผ่วเบา “บาดแผลไม่ได้สาหัสมากนัก ที่กังวลก็คือกะโหลกศีรษะที่ได้รับความเสียหาย”

มู่หรงจ้วงจ้วงมองท่าทางของนางแล้ว กล่าวถามเพื่อหยั่งเชิง “นางไม่อาจร่วงลงมาโดยไม่มีสาเหตุต้องเป็นเพราะฮูหยินหลิงหลงกับน้องสาวของเจ้าเป็นคนลงมือเป็นแน่ ไม่รู้ว่าพ่อของเจ้าอยู่บนรถม้านั่นด้วยหรือไม่ ถ้าหากอยู่ด้วยเจ้าจะทำเช่นไร?”

จื่ออันวางผ้าขนหนูกลับลงไปในอ่าง เลือดที่เปื้อนผ้าขนหนูค่อย ๆ จางออกไปในน้ำจนเป็นสีแดง กลิ่นคาวเลือดลอยฟุ้งเข้าจมูก มู่หรงจ้วงจ้วงมองเห็นสีแดงสดในดวงตาของนาง

ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย ปรากฎรอยยิ้มอันสุขุมเยือกเย็นบนใบหน้าของนาง นางกล่าวเบา ๆ “ทำร้ายผู้อื่น ฆ่าคนจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต นี่คือความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

“ดี ข้าเองก็กังวลว่า เจ้าจะเห็นกับที่เขาเป็นพ่อเลยจะเมตตาปราณี” มู่หรงจ้วงจ้วงกล่าวอย่างรู้สึกชื่นชม

จื่ออันหลับตาลง มุมปากแฝงไว้ด้วยความประชดประชัน พ่อ? เขาไม่เคยเป็นพ่อของนางอยู่แล้ว

ครู่ต่อมาหยวนซื่อก็ฟื้นขึ้น แสงสลัวที่ส่องไปบนใบหน้าเผยให้เห็นว่าหน้านางซีดเซียวเพียงใด นางเอื้อมมือออกไปสัมผัสหน้าผากโดยไม่รู้ตัว จื่ออันคว้าข้อมือของนางไว้และกระซิบ “ท่านไม่เป็นไรแล้ว!”

“จื่ออัน?” หยวนซื่อถามอย่างไม่แน่ใจ ดวงตาของนางขาดการมองเห็น

หัวใจของจื่ออันหนักอึ้ง นางยื่นมือออกไปแกว่งไปมาบริเวณสายตาของหยวนซื่อ แต่ดวงตาของนางไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

มู่มู่หรงจ้วงจ้วงเองก็สังเกตเห็นปัญหาเช่นกัน นางมองไปที่จื่ออันด้วยความสงสัย

จื่ออันยกนิ้วขึ้นมาวางลงบนริมฝีปาก เป็นสัญญาณห้ามไม่ให้มู่หรงจ้วงจ้วงพูดอะไร

นางโน้มตัวไปสัมผัสบนใบหน้าของหยวนซื่อ “เหตุใดท่านแม่ถึงร่วงลงจากรถม้าได้เล่า?”

หยวนซื่อวางมือลงช้า ๆ เอ่ยด้วยน้ำาเสียงเรียบเฉย “พวกนางสองคนแม่ลูกผลักข้าลงมา”

นางยืดมือออกไปคลำ ๆ หาทาง “พวกเรากลับถึงจวนแล้วหรือ? ทำไมเจ้าถึงไม่จุดตะเกียงเล่า?”

ปลายนิ้วของจื่ออันสั่นเล็กน้อย นางมองไปที่ตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะและโคมไฟตรงผนังที่ถึงแม้ว่ามันจะสลัว แต่ก็มีแสงสว่างเพียงพอ

นางตาบอด!